ราชาซากศพบทที่ 338 เสื้อขนจิ้งจอก

บทที่ 338 เสื้อขนจิ้งจอก

บท​ที่​ 338

เสื้อ​ขน​จิ้งจอก​

 

 

“เอ๋​…ข้า​เข้าใจ​แล้ว​!” เมื่อ​ราชา​อินทรี​พยัคฆ์​เห็น​จิ้งจอก​หาง​คู่​อยู่​ไม่ไกล​ ดวงตา​ของ​เขา​ก็​พลัน​สว่าง​ขึ้น​ และ​เขา​ก็​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​หลิน​เว่ย​ทันที​ จากนั้น​เขา​ก็​ยิ้ม​ชั่วร้าย​และ​พูด​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ “จิ้งจอก​ตัว​น้อย​ ขอ​หนัง​เจ้าหน่อย​เถอะ​!”

 

“ข้า​…ข้า​ … ” เมื่อ​ได้ยิน​คำพูด​ของ​ราชา​อินทรี​พยัคฆ์​แล้ว​ จิ้งจอก​หาง​คู่​รู้สึก​ได้​ถึงลมปราณ​แรงกล้า​ มัน​ประหลาดใจ​ ทันใดนั้น​ร่าง​ของ​มัน​ ก็​ก้าว​ถอยหลัง​ไปสอง​สามก้าว​ มองหน้า​ด้วย​ความระแวดระวัง​

 

แขนขา​ของ​มัน​สั่นเทา​ และ​หาง​ทั้งสอง​จุก​ที่​ก้น​ ยืน​เกร็ง​ด้วย​ความ​หวาดผวา​

“ นี่​คือ​สัตว์​อสูร​ขั้น​ศักดิ์สิทธิ์​ มัน​คือ​ อินทรี​พยัคฆ์​ระดับ​เจ็ด​ ที่​หลิน​เว่ย​นำ​ออก​มาจาก​ดินแดน​ลับ​หรือ​?” เห​ลย​เป่าตกใจ​ มอง​ไปที่​ร่าง​เบื้องหน้า​ กล่าว​โดย​ไม่อยาก​จะเชื่อ​

 

“ขั้น​ศักดิ์สิทธิ์​ ระดับ​เจ็ด​ สัตว์​อสูร​ที่​มีความ​แข็งแกร่ง​ไม่เลว​ หลิน​เว่ย​ เจ้าเสี่ยง​ได้ดี​” หลง​ซีเฉิน​ยิ้มแย้ม​ และ​พยักหน้า​ พลาง​กล่าว​อย่าง​มีความสุข​

 

“ฮ่าฮ่า! เด็กชาย​ที่​เฉลียวฉลาด​ จะทำ​เรื่อง​ที่​ขาดทุน​ได้​อย่างไร​ สัตว์เลี้ยง​สงคราม​ระดับ​เจ็ด​ ขั้น​ศักดิ์สิทธิ์​ และ​ตัว​เขา​เอง​ก็​ทะลวง​ไปถึงขั้น​อรหันต์​แล้ว​ ใน​ตอนนี้​อาจจะ​พูด​ได้​ว่า​ เขา​ยืน​อยู่​ที่​จุดสูงสุด​ของ​โลก​ และ​ไม่จำเป็นต้อง​กังวล​เรื่อง​ความปลอดภัย​”

 

แม้ว่า​สีหน้า​ของ​หลิน​คัง​ซ่ง จะมีความสุข​ แต่​คำพูด​ของ​เขา​ก็​เผย​ให้​เห็น​ถึงความกังวล​ของ​เขา​ ที่​มีต่อ​หลิน​เว่ย​

 

“ ฮึบ!”​ หลังจาก​ได้ยิน​คำพูด​ของ​ผู้คน​ทั้งหมด​ ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​ก็​ส่งเสียง​อย่าง​เย็นชา​ แม้ว่า​เขา​จะมีความสุข​มาก​ แต่​ใบหน้า​ของ​เขา​ก็​ยังคง​มืดมน​ เขา​ขมวดคิ้ว​และ​พูดว่า​ “มัน​เป็น​เพียง​สัตว์เลี้ยง​สงคราม​ระดับ​เจ็ด​ มัน​ไม่คุ้มค่า​กับ​การ​เสี่ยงชีวิต​ของ​เขา​ด้วยซ้ำ​ แต่​เจ้ายังคง​พูดถึง​เรื่อง​กำไร​ขาดทุน​ เฮอะ​! ข้า​มัน​แก่​แล้ว​ไม่ค่อย​เข้าใจ​เท่าใด​นัก​ รู้​แต่เพียง​ว่า​เขา​เป็น​ศิษย์​ของ​ข้า​ ”

 

“เจ้ายัง​อารมณ์เสีย​อีก​หรือ​! ยิ่งไปกว่านั้น​ เจ้าเอง​มีหน้าที่​ดูแล​เขา​ไปตลอดชีวิต​ ยิ่งไปกว่านั้น​ ด้วย​ความ​แข็งแกร่ง​ใน​ปัจจุบัน​ของ​เจ้า บางที​อีกไม่นาน​ศิษย์​ของ​เจ้าอาจจะ​ก้าวหน้า​กว่า​เจ้าโดยไม่รู้ตัว​!” เห​ลย​เป่าคว่ำ​ริมฝีปาก​ และ​ดวงตา​ของ​เขา​แสดง​ความรังเกียจ​ แต่​น้ำเสียง​ของ​เขา​บ่งบอกถึง​ความริษยา​

 

“ฮ่าฮ่า! ช่วยไม่ได้​ใคร​ใช้ให้​เขา​เป็น​ศิษย์​ของ​ข้า​……..เอาล่ะ​ หาก​ใคร​ไม่พอใจ​ ข้า​จะให้​เขา​ตาม​ไปสั่งสอน​ให้​หมด​ . “เมื่อ​ได้ยิน​น้ำเสียง​ริษยา​ของ​เห​ลย​เป่า ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​ยิ้มเยาะ​สอง​ครั้ง​ และ​กล่าว​พร้อมกับ​คิ้ว​ขมวด​ เขา​มอง​ไปที่​เห​ลย​เป่าด้วย​ท่าทาง​ยั่วยุ​ ราวกับ​จะบอก​อีก​ฝ่าย​ว่า​ หาก​เจ้ากล้า​ทำให้​ข้า​ขุ่นเคือง​ ข้า​จะให้​หลิน​เว่ย​ทุบตี​เจ้า

 

“ เจ้า … ” เมื่อ​ได้ยิน​คำพูด​ของ​ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​ เห​ลย​เป่าเข้าใจ​ความหมาย​ของ​อีก​ฝ่าย​อย่าง​ชัดเจน​ เขา​โมโห​จน​แน่นท้อง​ทันที​ เขา​เอื้อมมือ​ชี้ไปที่​ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​ แต่​ปาก​ของ​เขา​ไม่สามารถ​โต้แย้ง​ใดๆ​ได้​ มุมปาก​ของ​เขา​กระตุก​ด้วย​ความโกรธ​

 

“ทุกคน​ ราชา​อินทรี​พยัคฆ์​ได้​โจมตี​จิ้งจอก​หาง​คู่​แล้ว​ พวก​เจ้าไม่ได้​ตั้งใจ​จะขัดขวาง​หน่อย​หรือ​?” ในเวลาเดียวกัน​ หลิน​เสวี่ยเฟิง​ กล่าว​พร้อมกับ​ขมวดคิ้ว​

 

“ หยุด​เพื่อ​อัน​ใด​” ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​หัน​ศีรษะ​และ​มอง​ไปที่​หลิน​เสวี่ยเฟิง​ จากนั้น​แสร้งทำ​ใบหน้า​งุนงง​

 

“ ……” หลิน​เสวี่ยเฟิง​มอง​ไปที่​ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​ โดย​พูดไม่ออก​ จากนั้น​กลั้นใจ​และ​พูด​ขึ้น​ว่า​: “พี่​ซางกวน​, จิ้งจอก​หาง​คู่​ตน​นั้น​ ไม่ใช่สัตว์​ที่​เอาไว้​ประดับ​บารมี​ แต่​มัน​คือ​สัตว์​ของ​ราชวงศ์​หลิน​ เรา​ปล่อย​ให้​มัน​ตาย​ไม่ได้​”

 

“ แล้ว​อย่างไร​ เจ้ากำลัง​บอ​กว่า​ จิ้งจอก​หาง​คู่​ ไม่ได้​เป็น​ของ​หลิน​กวน​เทียน​งั้น​หรือ​ แต่​ตอนนี้​มัน​ฟังคำสั่ง​ของ​หลิน​กวน​เทียน​ และ​ช่วย​เขา​กลั่นแกล้ง​หลิน​เว่ย​ แม้ว่า​มัน​จะถูก​ฆ่าก็​สมควร​แล้ว​” ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​ตี​หน้าหนา​พูด​ด้วย​เสียง​เย็นชา​

 

“ใช่! อย่างไรก็ตาม​ ครั้งนี้​เกิดขึ้น​ต่อหน้า​สาธารณชน​ เรา​ทุกคน​สามารถ​มองเห็น​สาเหตุ​และ​ผล​ของ​เรื่อง​นี้​ได้​ มัน​เป็น​การยั่วยุ​ที่​ไร้เดียงสา​ของ​หลิน​กวน​เทียน​ ถึงเวลา​แล้ว​ที่จะ​เรียนรู้​บทเรียน​ที่จะ​ช่วย​ให้​ความคิด​ของ​เขา​เติบโต​ขึ้น​ “เห​ลย​เป่าทำท่า​งลำบากใจ​และ​พูด​ขึ้น​

 

“นี่​มัน​…!” หลังจาก​ได้ยิน​คำตอบ​ของ​ทั้งสอง​คน​ พวกเขา​เห็น​ว่า​จิ้งจอก​หาง​คู่​ สามารถ​หลีกเลี่ยง​การ​โจมตี​ของ​ราชา​อินทรี​พยัคฆ์​ได้​ใน​ระยะ​หนึ่ง​ แต่​เห็นได้ชัด​ว่า​มัน​ไม่สามารถ​ทน​ได้​นาน​นัก​

 

ดังนั้น​หลิน​เสวี่ยเฟิง​ จึงรีบ​หันหน้า​ไปมอง​ หลิน​คัง​ซ่ง และ​ผู้อาวุโส​สูงสุด​หลาย​คน​ที่อยู่​ข้างหลัง​ หวัง​ว่า​พวกเขา​จะกดดัน​ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​ด้วยกัน​

 

ชาย​สามคน​ที่อยู่​ด้านหลัง​ หลิน​เสวี่ยเฟิง​และ​ หลิน​คัง​ซ่งมองหน้า​กัน​ แต่​ไม่มีใคร​พูด​ ภารกิจ​ของ​พวกเขา​คือ​ การ​ดูแล​ความปลอดภัย​ของ​ผู้เข้าร่วม​การแข่งขัน​ พวกเขา​ไม่อยาก​เข้าไป​ยุ่ง​ใน​เรื่อง​อื่น​ พวกเขา​รู้​บางอย่าง​เกี่ยวกับ​สถานการณ์​ของ​หลิน​เว่ย​ โดยธรรมชาติ​แล้ว​ หลิน​เว่ย​ก็​มีสายเลือด​ของ​ตระกูล​หลิน​เช่นกัน​ ด้วย​วิธี​นี้​ หลิน​กวน​เทียน​และ​ หลิน​เว่ย​ มีสายเลือด​เดียวกัน​ ใน​ระหว่าง​นี้​พวกเขา​ย่อม​เลือก​หลิน​เว่ย​ ซึ่งเป็น​ปีศาจที่​มีพรสวรรค์​ที่​แข็งแกร่ง​กว่า​

 

“แค่​ก!”​ หลิน​คัง​ซ่งไอ​สอง​ครั้ง​ แล้ว​พูด​กับ​ ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​”พี่​ซางกวน​ คราวนี้​เป็น​หลิน​กวน​เทียน​จริง ๆ​ที่​ทำผิด​ไป ข้า​จะให้​เขา​แก้ไข​สิ่งนี้​ แต่​ตอนนี้​ ท่าน​อยาก​ให้​คนอื่น​เห็น​เรื่องตลก​ของ​อาณาจักร​เฟิงห​ยู​หรือ​?”

 

“หลิน​เว่ย​และ​ หลิน​กวน​เทียน​ เกิด​ความขัดแย้ง​กัน​ที่นี่​ มัน​ทำให้​คนอื่น​หัวเราะเยาะ​ และ​เข้าใจผิด​คิด​ว่า​สถานศึกษา​เทียน​ห​ยู​ของ​เรา​ ขัดแย้ง​กับ​ราชวงศ์​ของ​อาณาจักร​เฟิงห​ยู​ หลิน​คัง​ซ่งเริ่ม​พูดคุย​ด้วย​เหตุผล​ เอาล่ะ​จำเป็นต้อง​หยุด​เรื่อง​นี้​ หลังจากนั้น​ หาก​เกิด​ผลกระทบ​ต่อ​ความสัมพันธ์​ของ​ทั้งสองฝ่าย​ มัน​จะไม่ดี​สำหรับ​หลิน​เว่ย​ในอนาคต​ ” เมื่อ​ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​พร้อม​ที่จะ​อ้า​ปาก​ เขา​รู้สึก​ว่า​มีคน​ดึง​แขน​เสื้อ​ของ​เขา​ และ​จากนั้น​เขา​ก็​ได้ยิน​เสียง​ หลง​ซีเฉิน​พูด​อยู่​ข้าง​หู​ของ​เขา​

 

“เอาล่ะ​! พอแล้ว​! ในอนาคต​ หาก​เจ้าไม่มีสายตา​กว้างไกล​ ก็​รับผิดชอบ​ด้วย​ตนเอง​ ไม่ต้อง​ให้​ข้า​ช่วยเหลือ​ล่ะ​” เมื่อ​ได้ยิน​คำพูด​ของ​หลง​ซีเฉิน,​ ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​ แม้ว่า​พวกเขา​จะรู้สึก​ไม่พอใจ​กับ​คำพูด​ของ​หลิน​คัง​ซ่ง ใบหน้า​ของ​เขา​ไม่ยินยอม​

 

จากนั้น​ริมฝีปาก​ของ​ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​ก็​ขยับ​ แต่​เสียง​ของ​เขา​ ถ่ายทอด​เข้าไป​ใน​หู​ของ​หลิน​เว่ย:​ “เว่ย​เอ๋​อ.​..หยุด​ได้​แล้ว​! ราชวงศ์​สัญญาว่า​จะให้​หลิน​กวน​เทียน​ขอโทษ​เจ้า หลังจากนั้น​ ใน​ครั้งนี้​ปล่อย​จิ้งจอก​หาง​คู่​ไปเถอะ​ เห็นแก่​อาจารย์​!”

 

ทันใดนั้น​เมื่อ​ได้ยิน​คำพูด​ของ​ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​ สีหน้า​ของ​หลิน​เว่ย​ก็​ตกตะลึง​ จากนั้น​เขา​ก็​พูด​กับ​ราชา​อินทรี​พยัคฆ์​ว่า​ “กลับมา​!”

 

“ พรึ่บ​!”เมื่อ​ได้ยิน​คำสั่ง​ของ​หลิน​เว่ย​ ใบหน้า​ของ​ราชา​อินทรี​พยัคฆ์​ตัว​น้อย​ดู​งงงวย​ แต่​เขา​ก็​ไม่ได้​ถามอะไร​มาก​ หลังจาก​หยุด​การ​โจมตี​จิ้งจอก​หาง​คู่​แล้ว​ เขา​ก็​กลับ​ไปที่​ด้าน​ข้าง​ของ​ หลิน​เว่ย​ และ​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​หลิน​เว่ย​ สายตา​ของ​เขา​จับจ้อง​ไปที่​จิ้งจอก​หาง​คู่​ที่อยู่​ตรงหน้า​

 

“ ต้อง​การสู้​ต่อ​อีก​หรือไม่​?” หลิน​เว่ย​มอง​ไปที่​ หลิน​กวน​เทียน​ และ​เห็น​ว่า​ เขา​หลบสายตา​ ก็​ไม่กล้า​เงยหน้า​มอง​ มุมปาก​ของ​เขา​ยกขึ้น​ และ​แสดง​รอยยิ้ม​ตลก​ ๆ

 

“ ฮึบ!”​ หลิน​กวน​เทียน​ ดูเหมือน​จะได้รับ​การตักเตือน​จาก​คนอื่น​ แม้ว่า​จะได้ยิน​คำพูด​ของ​หลิน​เว่ย​ เขา​ก็​กำหมัด​แน่น​ หอบ​หายใจ​รุนแรง​ และ​หัวใจ​ของ​เขา​เต็มไปด้วย​ความโกรธ​ แต่​เขา​ก็​ไม่กล้า​ที่จะ​ท้าทาย​หลิน​เว่ย​อีกต่อไป​ เขา​ทำได้​เพียง​แค่น​เสียง​เย็นชา​ หัน​ศีรษะ​ไปด้าน​หนึ่ง​แล้ว​ก้มหน้า​ลง​ไป

 

สำหรับ​คนอื่น​ ๆ เมื่อ​เห็น​หลิน​กวน​เทียน​จำใจกลืน​ความ​อับอาย​ลง​ไปใน​ท้อง​ คนอื่น​ ๆก็​ไม่กล้า​ที่จะ​ยั่วยุ​หลิน​เว่ย​อีกต่อไป​ เฉินเฉิน​ขมวดคิ้ว​และ​ก้มหน้า​ต่ำ​ จน​เขา​ไม่กล้า​มอง​ไปที่​หลิน​เว่ย​ เพราะ​เกรง​ว่า​ หลิน​เว่ย​อาจจะ​พาล​มาหาเรื่อง​เขา​ ท้ายที่สุด​ ตอนที่​เขา​อยู่​ใน​ดินแดน​ลับ​ เขา​ก็​ไม่ได้​ปฏิบัติ​ตัวดี​ต่อ​หลิน​เว่ย​นัก​

 

“จำนวน​กี่​คน​! เรา​มาเริ่ม​กัน​ได้​แล้ว​” หนึ่ง​ใน​สามผู้ตัดสิน​กล่าว​อย่าง​ยินดี​

 

“ไปกัน​เถอะ​!” หลิน​กวน​เทียน​กล่าว​ด้วย​ใบ​หน้าที่​อดกลั้น​ และ​พยักหน้า​ จากนั้น​เขา​ก็​มอง​ไปที่​ หลิน​เว่ย​ เมื่อ​เห็น​ว่า​อีก​ฝ่าย​ไม่ได้​ขยับตัว​ และ​ไม่ได้​ตั้งใจ​ที่จะ​ก้าว​ไปข้างหน้า​ ทันใดนั้น​เขา​ก็​เข้าใจ​ว่า​ อีก​ฝ่าย​ต้องการ​ให้​พวกเขา​ออก​ไปก่อน​

 

เมื่อ​นึกถึง​สิ่งนี้​ หน้าผาก​ของ​หลิน​กวน​เทียน​เต็ม​ไปรอย​ดำทะมึน​ แต่​หลังจากนั้น​ครู่หนึ่ง​ ร่างกาย​ของ​เขา​ก็​คล้าย​กับ​บอล​ที่​ยุบตัว​ลง​ ค่อยๆ​ก้าว​ไปหา​ผู้ตัดสิน​ทั้ง​สามคน​ และ​เริ่ม​นำ​แก่น​คริสตัล​ออกมา​ คนอื่น​ ๆ อีก​หลาย​คน​ รวมทั้ง​กวน​เจิ้น​ และ​หมิง​จิ้ง ก็​รีบ​วิ่ง​ขึ้นไป​เช่นกัน​

 

“ กรอบแกรบ​ … !” แก่น​คริสตัล​ทั้ง​เจ็ด​กอง​ตกลง​สู่พื้น​ กลายเป็น​เนินเขา​ขนาด​ต่าง ๆ​กัน​เจ็ด​ลูก​ คน​ที่​มีจำนวนมาก​ที่สุด​คือ​คน​ที่อยู่​ตรงหน้า​ นั่น​คือ​ เฉินเฉิน​ แต่​คน​ที่​มีคริสตัล​ระดับสูง​ คือ​คน​ที่อยู่​ข้างหน้า​เขา​ นั่น​คือ​ หลิน​กวน​เทียน​

 

แก่น​คริสตัล​ที่เก็บ​รวบรวม​โดย​ หลิน​กวน​เทียน​นั้น​ เป็น​ระดับ​ 8 และ​ระดับ​ 9 และ​เขา​ยัง​แก่น​คริสตัล​ศักดิ์สิทธิ์​ทั้ง​สามชิ้น​ออกมา​

 

“ทีม​ อาณาจักร​เฟิงห​ยู​ได้​คะแนน​ 435,001 คะแนน​” ผู้ตัดสิน​รายงาน​ผล​การ​ตรวจ​นับ​ของ​พวกเขา​ต่อหน้า​หลิน​กวน​เทียน​

 

“ฮึ่ม! ไปกัน​เถอะ​ หลิน​กวน​เทียน​ไม่ต้องการ​ที่จะ​อยู่​ต่อไป​ เขา​โบกมือ​เก็บ​แก่น​คริสตัล​ที่อยู่​บน​พื้นดิน​ และ​พูด​เสียง​เย็นชา​ จากนั้น​เขา​ก็​หัน​กลับมา​ และ​จากไป​ เมื่อ​เขา​ผ่าน​หลิน​เว่ย​ เขา​ก็​หยุด​ก้าว​เท้า​ และ​ มอง​ไปที่​ หลิน​เว่ย​อย่าง​เย็นชา​ หลังจาก​หายใจเข้า​ลึก​ ๆ เขา​ไม่ได้​พูด​อะไร​อีกต่อไป​ และ​เดินผ่าน​ หลิน​เว่ย​ไปอย่าง​รวดเร็ว​

 

เมื่อ​เห็น​หลิน​กวน​เทียน​มอง​มาที่​ตา​ของ​เขา​ หลิน​เว่ย​ก็​ยักไหล่​และ​พูด​ด้วย​รอยยิ้ม​เย็น​ ๆ ว่า​ “ถึงตา​เรา​แล้ว​”

 

เมื่อ​เทียบ​กับ​กลุ่ม​อื่นๆ​ ใน​สี่อาณาจักร​ กลุ่ม​ของ​หลิน​เว่ย​มีจำนวน​คน​มาก​ที่สุด​ โดย​มีทั้งหมด​เก้า​คน​ คน​ที่​มีแก่น​คริสตัล​น้อยที่สุด​คือ​ เย่จื่อเวิน​ อย่างไรก็ตาม​ เขา​ไม่ได้​รวมกลุ่ม​กับ​ หลิน​เว่ย​เมื่อ​ตอน​อยู่​ใน​ดินแดน​ลับ​ ดังนั้น​เขา​จึงไม่เสียใจ​ที่​ตนเอง​ได้​คริสตัล​ค่อน​ข้างน้อย​ และ​มาจาก​ความสามารถ​ของ​ตัว​เขา​เอง​

“ กรอบแกรบ​ … !” แก่น​คริสตัล​ทั้ง​เจ็ด​กอง​ เรียงราย​เป็นแถวเป็นแนว​ยาว​ ปรากฏ​ต่อหน้า​ทุกคน​ มีเพียง​สอง​คน​ที่อยู่​ข้างหน้า​พวกเขา​ จำนวน​แก่น​คริสตัล​มีเพียง​น้อย​นิด​

 

และ​มีสอง​คน​ที่​มีแก่น​คริสตัล​มากมาย​ราวกับ​เนินเขา​

 

ทุกคน​ที่​เฝ้าดู​การ​นับคะแนน​ ต่าง​ตื่น​ตะลึง​ โดยเฉพาะ​ผู้ตัดสิน​ทั้ง​สามคน​ เมื่อ​พวกเขา​มอง​ไปที่​ดวงตา​ของ​หลิน​เว่ย​ พวกเขา​ก็​รู้สึก​หวาดกลัว​ และ​การแสดงออก​ของ​พวกเขา​สั่น​งึก​ๆทั้ง​สามคน​

 

“เป็นไปได้​อย่างไร​ เจ้าต้อง​โกง​แน่นอน​ จะมีแก่น​คริสตัล​ขั้น​ศักดิ์สิทธิ์​มากมาย​ขนาด​นี้​ได้​อย่างไร​ หลิน​กวน​เทียน​ร้อง​โวยวาย​ ตะโกน​ด้วย​ใบหน้า​ดุร้าย​

 

“ โง่เง่า!” เมื่อ​ได้ยิน​ว่า​หลิน​กวน​เทียน​เริ่ม​ตั้งคำถาม​กับ​หลิน​เว่ย​ เขา​ก็​หันหน้า​ไปมอง​อีก​ฝ่าย​ พลาง​เม้มริมฝีปาก​และ​พูด​ประชดประชัน​

 

Options

not work with dark mode
Reset