ราชาซากศพบทที่ 321 แยกทาง

บทที่ 321 แยกทาง

บท​ที่​ 321

แยกทาง​

 

“เอ๊ะ​! งั้น​หรือ​!” สีหน้า​ของ​หลิน​เว่ย​ตะลึง​เล็กน้อย​ จากนั้น​เขา​ก็​เกา​หัว​อย่าง​เชื่องช้า​ เขา​ตกตะลึง​ จากนั้น​เขา​ก็​พูดว่า​ “แต่​ชิ้นส่วน​นี้​ เล็ก​เกินไป​ ข้า​เพียง​คิด​ว่า​มัน​น่าจะ​มีขนาดที่​ใหญ่​กว่า​นี้​ แต่ว่า​ สิ่งที่จะ​สามารถ​ช่วยเหลือ​ท่าน​ให้​ฟื้นตัว​ได้ดี​ยิ่งขึ้น​หรือไม่​?”

 

เหตุผล​ที่​หลิน​เว่ย​คิด​เช่นนั้น​ เนื่องจาก​ แม้ว่า​ชิ้นส่วน​ที่​เขา​ได้มา​ใน​ตอนแรก​จะไม่ใหญ่​มาก​นัก​ แต่​มัน​ก็​มีขนาด​เท่า​เศษเล็บ​ของ​เขา​ แต่​มัน​มีขนาด​มากกว่า​สิบ​เท่า​ของ​ชิ้น​ปัจจุบัน​ที่​หลิน​เว่ยพบ​ที่​สำนัก​ตี้เฉิง​ซ่ง และ​จู่ ๆ ชาย​ชรา​หมิง​ก็​พลัน​ได้สติ​ ซึ่งปกติ​เขา​มักจะ​หลับ​ไป​ ไร้​ท่าที​ตอบสนอง​

 

“อืม​! มัน​เล็ก​ไป​หน่อย​… แต่​อย่าง​น้อย​มัน​ก็​ช่วย​ฟื้น​ความ​แข็งแกร่ง​ได้​มาก​เช่นกัน​ อย่าง​น้อย​หลังจาก​ดูดซับ​ชิ้นส่วน​นี้​แล้ว​ ข้า​ก็​ไม่จำเป็นต้อง​พึ่ง​การ​หลับ​ลึก​ เพื่อ​ลด​การ​สูญเสีย​พลัง​วิญญาณ​อีกต่อไป​” ชาย​ชรา​ กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​

“ข้า​เข้าใจ​แล้ว​! ถ้าอย่างนั้น​ท่าน​ควรจะ​ดูดซับ​มัน​โดยเร็ว​!” หลิน​เว่ย​พยักหน้า​และ​พูด​และ​หยิบ​ชิ้นส่วน​วิญญาณ​เทพ​สงคราม​ ออก​มาจาก​กล่อง​หยก​

 

“ดี​!” ชาย​ชรา​หมิง​ เห็นได้ชัด​ว่า​ อดทน​รอ​แทบ​รอ​ไม่ไหว​ ทันทีที่​คำพูด​ของ​หลิน​เว่ย​โพล่ง​ออกมา​ เขา​รู้สึก​ว่า​มีพลัง​แห่ง​จิตวิญญาณ​หนึ่ง​พัวพัน​อยู่​ใน​ทะเล​จิตสำนึก​ หิน​คริสตัล​สีดำ​พุ่ง​ออกมา​อยู่​เบ้​อง​หน้า​คิ้ว​ของ​หลิน​เว่ย​

 

จากนั้น​เขา​ก็​คว้า​หิน​คริสตัล​ขนาด​เท่า​เมล็ดข้าว​เอาไว้​ใน​มือ​ทันที​ หลังจากนั้น​มัน​จึงลอย​เข้าไป​ยัง​จุดกึ่งกลาง​หว่าง​คิ้ว​ของ​เขา​อีกครั้ง​

 

พลัง​แห่ง​จิตวิญญาณ​ของ​ชิ้นส่วน​เทพ​สงคราม​ที่​ดูดซับ​ไป​ ทำให้​หลิน​เว่ย​รู้สึก​ราวกับว่า​ ตก​อยู่​ใน​ทะเล​จิตสำนึก​ และ​เนื่องจาก​ชาย​ชรา​หมิง​ได้รับ​พลัง​วิญญาณ​ของ​ตน​กลับคืน​มา จึงปรากฏ​หิน​คริสตัล​สีดำ​ทั้ง​สามขนาด​ ซึ่งแตก​ต่างกัน​ ล่องลอย​อยู่แล้ว​ใน​ทะเล​จิตสำนึก​ของ​หลิน​เว่ย​ ไข่​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ มีขนาด​เท่า​ไข่​นก​พิราบ​ สีไม่เข้​มมาก​นัก​ แต่​เป็น​ลูกปัด​กลม​ๆ ซึ่งเป็นการ​ตกผลึก​ของ​พลัง​วิญญาณ​ของ​หลิน​เว่ย​

นอกจากนี้​ยังมี​หิน​คริสตัล​ขนาดใหญ่​ และ​ขนาดเล็ก​อีก​ 2 ชิ้น​ ที่​มีสีเป็น​สีดำ​เข้ม​ นั่น​คือ​เศษวิญญาณ​ของ​เทพ​สงคราม​ที่​เก่าแก่​

 

“เด็กน้อย​ แม้ว่า​เดิมที​ ชิ้นส่วน​เทพ​สงคราม​ชิ้น​นี้​จะเป็น​สมบัติ​ของ​ข้า​ แต่​มัน​ก็​หาย​ไป​หลาย​ปี​แล้ว​ ข้า​ต้องการ​เวลา​รวม​พลัง​ครั้งนี้​ อาจจะ​ใช้เวลา​สิบ​วัน​ หรือ​ครึ่ง​เดือน​ หรือ​อาจ​ใช้เวลานาน​กว่า​นั้น​ ใน​ระหว่าง​การ​รวบรวม​

 

ข้า​จะต้อง​หลับ​ลึก​อีกครั้ง​ ใน​ช่วง​เวลานี้​เจ้าต้อง​พึ่งพา​ตัวเอง​ได้​เท่านั้น​ โชคดี​ที่​มัน​ไม่ส่งผลร้าย​ต่อ​เจ้ามาก​นัก​ ” น้ำเสียง​ของ​ชาย​ชรา​หมิง​นั้น​เร่งรีบ​ เห็นได้ชัด​ว่า​ หาก​เขา​ไม่เตือน​หลิน​เว่ย​ เขา​ก็​จะเริ่ม​ผสาน​รวม​เศษวิญญาณ​ทันที​

 

“อืม​! วางใจ​เถอะ​! ข้า​สามารถ​จัดการ​สิ่งต่าง ๆ​ ได้​ ในขณะที่​หลิน​เว่ย​พยักหน้า​ และ​พูด​ตอบรับ​ แม้ว่า​จะไม่มีความช่วยเหลือ​จาก​อีก​ฝ่าย​ แต่​ก็​จะไม่มี ผลกระทบ​ใด​ ๆ ต่อ​เขา​ อย่างไรก็ตาม​ใน​ช่วงเวลา​สั้น​ ๆ ทักษะ​การ​คืนชีพ​กะโหลกศีรษะ​และ​พื้นที่​มิติ​ของ​เขา​ ย่อม​ไม่ได้รับ​การ​เลื่อน​ระดับ​ภายใน​ช่วงเวลา​นี้

 

“ดี​!”

หลังจากที่​ชาย​ชรา​ตอบรับ​ เขา​ก็​พลัน​เงียบ​ลง​ ภายใน​จิตสำนึก​ ไร้​ปฏิกิริยา​ใด​ ๆกับ​ร่าง​วิญญาณ​ของ​หลิน​เว่ย​ เมื่อ​เห็น​เช่นนี้​ หลิน​เว่ย​กลับ​สู่โลก​ภายนอก​

 

หลังจาก​มอง​ไป​รอบ​ ๆ เขา​ก็​พบ​ว่า​ ไม่มีอะไร​หลง​เหลืออยู่​ที่นี่​ หลิน​เว่ย​รู้สึก​หวั่นไหว​ ระหว่างทาง​ เขา​เก็บ​กรอบ​ไม้ใน​หอ​สมบัติ​เข้าไป​ใน​พื้นที่​มิติ​

 

อย่างไรก็ตาม​ พื้นที่​มิติ​ของ​เขา​นั้น​กว้างใหญ่​มาก​และ​กรอบ​ไม้เหล่านี้​ หลังจาก​ผ่าน​ไป​หลาย​หมื่น​ปี​หรือ​หลาย​แสน​ปี​ก็​ไม่ได้รับ​ความเสียหาย​แม้แต่น้อย​ เห็นได้ชัด​ว่า​วัสดุ​นั้น​ดีมาก​ สามารถ​ใช้ใส่สิ่งของ​ที่​ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย​ให้​เข้าที่เข้าทาง​ได้​

 

เมื่อ​หลิน​เว่ย​ออกจาก​หอ​สมบัติ​ หลิน​เว่ย​ก็​รีบ​วิ่ง​ไป​ยัง​ห้อง​ปรุงยา​ แม้ว่า​เขา​จะรู้​ว่า​ห้อง​ปรุงยา​อาจจะ​เป็น​เช่นเดียวกับ​หอ​สมบัติ​ แม้ว่า​จะมียาเม็ด​ซึ่งอาจจะ​เสื่อมสภาพ​ลง​ใน​ช่วง​หลาย​ปี​ที่ผ่านมา​ แต่​หลิน​เว่ย​ก็​รู้สึก​ว่า​ เขา​จำเป็นต้อง​เขา​ไปดู​ให้​เห็น​กับ​ตา​

 

หาก​สามารถ​มองหา​ยา​ดี ๆ​ได้​ เขา​ก็​จะมีพัฒนาการ​ความ​แข็งแกร่ง​ที่​ดี​ ท้ายที่สุด​แล้ว​ ยาเม็ด​ที่​ล้ำค่า​ที่สุด​คือ​ ยา​สำหรับ​การ​เลื่อน​ระดับ​ขั้น​อรหันต์​!

 

“ กึก​ๆ!” เมื่อ​ หลิน​เว่ย​มาถึง ห้อง​ปรุงยา​ มีคำ​ว่า​ “ห้องโถง​ยา​” อยู่​บน​แผ่น​โลหะ​ เขา​พบ​ว่า​มีบุคคล​หลาย​คน​และ​ สัตว์​อสูร​กำลัง​อยู่​ภายนอก​ห้อง​ปรุงยา​

 

พวกเขา​คือ​ หลิน​กวน​เทียน​ แต่​นอกเหนือจาก​ หลิน​กวน​เทียน​และ​นักรบ​ทั้ง​สี่แล้ว​ ยังมี​บุคคล​อื่น​อยู่​ด้วย​ ความ​แข็งแกร่ง​ของ​พวกเขา​นั้น​ โดย​พื้นฐาน​แล้ว​ขั้น​มหา​จักรพรรดิ​ แต่​มีสัตว์​อสูร​ขั้น​ศักดิ์สิทธิ์​อยู่​รอบตัว​ เพื่อ​ช่วย​ต้านทาน​แรงกดดัน​

 

ที่​มองไม่เห็น​ที่อยู่​รอบตัว​

 

เห็นได้ชัด​ว่า​ กองกำลัง​ที่อยู่​เบื้องหลัง​พวกเขา​ พยายาม​อย่าง​เต็มที่​ที่จะ​ได้รับ​สมบัติ​จาก​ซากปรักหักพัง​นี้​ โดย​ทั้งหมด​พบ​ว่า​ มีทั้งสิ้น​ 17 ร่าง​ และ​รวม​หลิน​เว่ย​ กลายเป็น​ 18 คน​ นอกจาก​ หลิน​เว่ย​ที่​ปีน​บันได​ด้วย​ตนเอง​แล้ว​

 

คนอื่นๆ​ ต้อง​ใช้สัตว์​อสูร​17 ตน​ใน​ขั้น​ศักดิ์สิทธิ์​

 

หลิน​เว่ย​ประหลาดใจ​กับ​จำนวน​ ของ​สัตว์​อสูร​ขั้น​ศักดิ์สิทธิ์​มาก​ อย่างไรก็ตาม​เขา​ไม่ได้​สนใจ​มัน​มาก​นัก​ เพราะ​จำนวน​ของ​สัตว์​อสูร​ขั้น​ศักดิ์สิทธิ์​ของ​หลิน​เว่ย​นั้น​ มีมากกว่า​พวก​มัน​หลายเท่า​และ​ความ​แข็งแกร่ง​ก็​มากกว่า​

 

ใน​บรรดา​สัตว์​ สัตว์​อสูร​17 ชนิด​ มังกร​เงิน​ของ​วิหาร​แห่ง​แสง และ​มังกร​เพลิง​ของ​อาณาจักร​โบราณ​กัง​ห​ลัน​ สามารถ​ทำให้​ดวงตา​ของ​หลิน​เว่ย​ร้อนผ่าว​ด้วย​ความละโมบ​ เนื่องจาก​ เขา​เป็น​เจ้านาย​ของ​ มังกร​ดำ​ ขั้น​ศักดิ์สิทธิ์​ระดับ​แปด​

 

และ​ราชา​อินทรี​พยัคฆ์​ ขั้น​ศักดิ์สิทธิ์​ ระดับ​เจ็ด​ และ​จื่อห​ยู​ หลังจาก​ออกจาก​ดินแดน​ลับ​แล้ว​ พวกเขา​จะแยกทาง​กัน​ ดังนั้น​หลิน​เว่​ยวา​งแผน​ที่จะ​ใช้ประโยชน์​จาก​ช่วง​เวลานี้​ เพื่อ​สะสมความ​แข็งแกร่ง​ของ​ตัวเอง​ให้​มากขึ้น​ เพื่อให้​เหนื่อย​น้อยลง​

 

เบื้องหน้า​ของ​พวกเขา​ ทั้ง​สี่อาณาจักร​มีจำนวน​เก้า​คน​ และ​แปด​ที่​เหลือ​ มีสี่คน​ที่​มาจาก​สอง​อาณาจักร​ที่​แตก​ต่างกัน​ แต่ละ​อาณาจักร​ มีคน​สอง​คน​คือ​ อาณาจักร​อินทรี​เหล็ก​ และ​อาณาจักร​ซวน​หยวน​

 

อาณาจักร​ทั้งสอง​นี้​อยู่​ใน​อันดับ​แรก​ๆใน​ดินแดน​กัง​ห​ลัน​

 

สี่คน​ที่​เหลือ​ ล้วน​มาจาก​อาณาจักร​ที่​แตก​ต่างกัน​ แต่​พวกเขา​ได้​จัดตั้ง​พันธมิตร​ชั่วคราว​ขึ้น​ เนื่องจาก​อาณาจักร​ที่อยู่​เบื้องหลัง​พวกเขา​ แต่เดิม​เป็น​พันธมิตร​ของ​ดินแดน​ของ​ตนเอง​ ดังนั้น​จึงได้​จัดตั้ง​พันธมิตร​ขึ้น​โดยปริยาย​

 

การ​มาถึงของ​ หลิน​เว่ย​นั้น​ ดึงดูด​ความสนใจ​ของ​ผู้คน​ทันที​ อย่างไรก็ตาม​หลังจากที่​ได้​เห็น​ร่าง​ของ​หลิน​เว่ย​ ที่​มีสัญลักษณ์​ของ​อาณาจักร​เฟิงห​ยู​ นักรบ​ของ​อาณาจักร​เหล่านั้น​ก็​ดู​นิ่งเฉย​เล็กน้อย​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ เมื่อ​พวกเขา​พบ​ว่า​ฝ่าย​ของ​หลิน​เว่ย​ไม่มี สัตว์​อสูร​

 

ขั้น​ศักดิ์สิทธิ์​ ที่​สามารถ​ช่วยเหลือ​ให้​เคลื่อนไหว​ได้​อย่าง​อิสระ​ที่นี่​ เมื่อ​พบ​ว่า​หลิน​เว่ย​อาศัย​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​ตัวเอง​ และ​ใบหน้า​ของ​พวกเขา​ก็​ประหลาดใจ​

 

“หลิน​เว่ย!​ มีเสียง​ที่​เอ่ย​เรียก​เขา​ดัง​ขั้น​ ใน​ตอนแรก​ หลิน​เว่ยพบ​ว่า​ มีคน​อยู่​ที่นี่​มากมาย​เกินไป​ เขา​จึงตั้งใจ​จะล้มเลิก​ แต่​ทันใดนั้น​ก็​ได้ยิน​เสียง​คน​เรียกชื่อ​ของ​เขา​

 

หลิน​เว่ย​รู้​โดยธรรมชาติ​ว่า​ เสียง​นั้น​ดัง​ออก​มาจาก​ปาก​ของ​หลิน​กวน​เทียน​ ดังนั้น​เขา​จึงหัน​ศีรษะ​และ​มอง​ไป​ที่​ตำแหน่ง​ของ​หลิน​กวน​เทียน​ หัว​คิ้ว​ของ​เขา​ขมวด​ในทันที​ เขา​ไม่เชื่อ​ว่า​อีก​ฝ่าย​นั้น​จะมีเมตตา​ หรือ​รู้สึก​อยาก​ผู้​มิตร​กับ​เขา​อย่าง​กะทันหัน​

 

ดังนั้น​เขา​ควรจะ​ปกป้อง​ตนเอง​ ท้ายที่สุด​หลิน​เว่ย​ไม่เคย​ แสดงความสามารถ​ของ​ตน​ออกมา​ให้​อีก​ฝ่าย​ได้​รับรู้​

 

“ไม่! ที่นี่​มีคน​มากมาย​ ข้า​ควร​มองหา​ที่อื่น​ดีกว่า​! อย่างไรก็ตาม​ สถานที่​นี้​ใหญ่​มาก​ มีพระราชวัง​มากมาย​” หลิน​เว่ย​หัน​กลับมา​และ​ส่าย​หัว​ เขา​กำลังจะ​ออก​ไป​

 

“ ฮ่าฮ่า! พี่​กวน​เทียน​ จิต​ใจดี​ เสีย​จริง​ ท่าน​ไป​เสียเวลา​เรียก​คนพรรค์นั้น​ ราวกับ​เอา​ใบหน้า​ไป​แนบ​ก้น​เย็น​ๆ คน​ไม่รู้จัก​บุญคุณ​ผู้ใด​ไม่ควรค่า​แก่​การ​คบหา​!” อย่างไรก็ตาม​ ในเวลานี้​ จู่ ๆก็​มีเสียง​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​ ใน​คำพูด​นั้น​มีความหมาย​ที่​ยั่วยุ​

เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​ต้องการ​จะยุยง​หลิน​กวน​เทียน​ใน​ที่สาธารณะ​ เพื่อให้​อีก​ฝ่าย​โจมตี​หลิน​เว่ย​

 

ซ่งลุ่ย​ คือ​คนพูด​เช่นนั้น​ นับ​ตั้งแต่แรก​ เขา​มองเห็น​ว่า​ หลิน​เว่ย​ เขา​ก็​บังเกิด​ความไม่พอใจ​และ​ต้องการ​โจมตี​หลิน​เว่ย​ แต่​เขา​ต้องการ​ที่​ยืมมือ​คนอื่น​เพื่อ​สังหาร​ศัตรู​ของ​ตนเอง​ เนื่องจาก​ เขา​รับรู้​ถึงความ​เป็น​อริ​จาก​หลิน​กวน​เทียน​และ​ หลิน​เว่ย​

 

ดังนั้น​เขา​จึงกระโดด​ออก​ไป​ยั่วยุ​ ทุกครั้งที่​มีโอกาส​

 

แต่​สีหน้า​ของ​หลิน​กวน​เทียน​ใน​ตอนนี้​รู้สึก​อึดอัด​เล็กน้อย​ใน​ขณะนี้​ เมื่อ​มอง​ไป​ที่​ด้านหลัง​ของ​หลิน​เว่ย​ ดวงตา​ของ​เขา​ก็​เปล่งประกาย​ด้วย​แสงเย็น​ แต่​ใน​ใจเขา​กลับ​โกรธ​ซงลุ่ย​ที่​พูด​ไม่คิด​

 

เขา​เดา​ว่า​ มีความเป็นไปได้​มาก​สำหรับ​หลิน​เว่ย​ที่จะ​พลั้ง​มือ​โจมตี​เขา​ ดังนั้น​เมื่อ​เขา​เห็น​ว่า​หลิน​เว่ย​ไม่สนใจ​ เขา​จึงไม่ต้องการ​มีปัญหา​ ยิ่งไปกว่านั้น​อีก​ฝ่าย​ไม่ได้​รั้ง​อยู่​ที่นี่​ แต่​หันกลับ​ไป​ และ​เดิน​จากไป​อย่าง​เรียบง่าย​ หลิน​กวน​เทียน​จึงไม่ได้​พูด​อะไร​

 

ในทางตรงกันข้าม​ หลังจากที่​ซงลุ่ย​พูด​สิ่งนี้​ สีหน้า​ของ​หลิน​กวน​เทียน​ดู​หงุดหงิด​เล็กน้อย​ แต่​เห็นได้ชัด​ว่า​ เขา​ไม่ยินยอม​ถูก​หลอก​ใช้ เพื่อที่จะ​ต่อสู้​กับ​หลิน​เว่ย​และ​ถูก​ลอบกัด​หรือ​ฉวยโอกาส​

 

ดังนั้น​หลิน​กวน​เทียน​จึงยักไหล่​ ใบหน้า​ของ​เขา​เรียบ​เฉย​ และ​มองไม่เห็น​อารมณ์​ที่​แปรปรวน​ เขา​หัน​ไปหา​ซ่งลุ่ย​ และ​พูด​แผ่วเบา​ว่า​ “นี่​เป็นเรื่อง​ของ​อาณาจักร​เฟิงห​ยู​ของ​เรา​ ดังนั้น​ไม่รบกวน​ท่าน​”

 

“อืม​! ข้า​เพียง​คิด​…ข้า​ยัง​ไม่ได้​พูด​อะไร​” ซ่งลุ่ย​กาง​มือ​ออก​ และ​พูด​ด้วย​ใบหน้า​เฉยเมย​ อย่างไรก็ตาม​ เมื่อ​เขา​มอง​ไป​ที่​ด้านหลัง​ของ​หลิน​เว่ย​ เขา​ก็​ลอบ​ส่งสายตา​อำมหิต​

 

ในความเป็นจริง​ เขา​ไม่คิด​ว่า​หลิน​กวน​เทียน​จะโจมตี​หลิน​เว่ย​ จุดประสงค์​ของ​เขา​คือ​ แยก​หลิน​เว่ย​ออกมา​ และ​จัดการ​หลิน​เว่ย​ด้วยมือ​ของ​เขา​เอง​ แม้ว่า​เขา​จะไม่สามารถ​ใช้โอกาส​นี้​

 

เพื่อ​บอก​ทุกคน​ ว่า​ หลิน​เว่ย​และ​ หลิน​กวน​เทียน​นั้น​ ขัดแย้ง​กัน​ ด้วย​วิธี​นี้​เขา​จึงบอกใบ้​ให้​คนอื่นๆ​ รับรู้​

สำหรับ​การ​จากไป​ของ​หลิน​เว่ย​ ย่อม​ไม่มีผู้ใด​เอ่ย​ขวาง​เขา​ไว้​ เนื่องจาก​ทุกคน​มีความสุข​ที่​เห็น​หลิน​เว่ย​จากไป​ ยิ่งไปกว่านั้น​ หลิน​เว่ย​ยังคง​เป็นสมาชิก​ของ​อาณาจักร​เฟิงห​ยู​ แม้ว่า​ดูเหมือนว่า​เขา​จะขัดแย้ง​กับ​หลิน​กวน​เทียน​ แต่​ใน​ช่วงเวลา​สำคัญ​

 

ใคร​จะรู้​ว่า​พวกเขา​จะร่วมมือ​กัน​หรือไม่​?

 

“ไม่จำเป็นต้อง​รอ​อะไร​อีกต่อไป​….พวกเรา​มาทำลาย​ค่าย​กล​ตรงนี้​ก่อน​เถอะ​…. ส่วน​สมบัติ​ที่อยู่​ข้างใน​นั้น​

 

พวกเรา​สามารถ​แบ่งปัน​กัน​ได้​” เห็นได้ชัด​ว่า​ไท่​ซาน​ไม่ต้องการ​รอ​ เขา​จึงลุกขึ้น​ยืน​และ​พูด​กับ​ฝูงชน​ทันที​

 

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset