ตอนที่ 542 อย่าปล่อยให้รอดแม้แต่คนเดียว
เกิดเสียงดัง ‘เคร้ง!’ ก้องกังวาน
หยวนฟางเห็นกับกระบี่ล้ำค่าที่แทงโจมตีเข้ามาหยุดนิ่งลง ถูกกรงเล็บแหลมคมสีเงินข้างหนึ่งคว้าไว้
ผู้โจมตีพยายามออกแรงทว่าไม่สามารถขยับได้เลย สีหน้าเปี่ยมด้วยความตกตะลึง
กรงเล็บเหวี่ยงออกไป กระบี่ยาวสะท้อนกลับ คมกระบี่พุ่งเสียบอกของผู้โจมตีด้วยความเร็วดุจสายฟ้าแลบ โลหิตหลายหยดกระเด็นใส่หน้าหยวนฟาง
หยวนฟางหันไป มองเห็นมือสังหารคนนั้นถูกโจมตีลอยละลิ่วออกไป
มือสังหารที่ทรงพลังแกร่งกล้าปานนี้กลับไม่อาจตอบโต้ได้เลยสักนิด!
อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่วันยันค่ำ! หยวนฟางดีใจนัก ตะโกนเริงร่า “อิ๋นเอ๋อร์ จะปล่อยให้พวกเขารู้ตัวตนของท่านไม่ได้ รีบกำจัดพวกเขาเถอะ อย่าปล่อยให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว…” จากนั้นก็ตะลึงงันไปเล้กน้อย แววตาเย็นชาแปลกประหลาดทอดมองลงมาจากด้านบน มองเขาที่กอดขานางเอาไว้
วินาทีต่อมาหยวนฟางร้องโหยหวนออกมา “อ้าก!” ถูกเตะกระเด็นออกไป พุ่งชนมือสังหารคนหนึ่ง
มือสังหารคนนั้นฟันกระบี่ใส่ร่างหยวนฟาง แต่หยวนฟางหนังด้านเนื้อหนาไม่มีทางฟันเข้า หยวนกังที่ถูกฟันเพียงกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
นอกจากจะสกัดหยวนฟางที่กระเด็นเข้ามาไม่ได้ยังถูกหยวนฟางชนเข้าอย่างจังอีก แรงกระแทกมหาศาลทำให้มือสังหารคนนั้นกระเด็นออกไป กระอักเลือดออกมาคำหนึ่งเช่นกัน ทั้งสองร่วงลงพื้นกลิ้งไถลไป
ลุงเฉินสังเกตเห็นว่ามือสังหารที่ล้อมโมตีอยู่หยุดมือลงกะทันกันจึงหันมองตามสัญชาตญาณ ยังไม่เห็นเห็นชัดว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นเพียงเส้นผมสีเงินปลิวไสว จากนั้นแผ่นหลังก็สั่นสะเทือน กระอักโลหิตออกมาดัง “พรูด!” ร่างลอยละลิ่วออกไป
อินเอ๋อร์ฟาดมือโจมตีเข้าที่แผ่นหลังเขาแล้วปัดกระเด็นออกไป
ทุกคนที่กวัดแกว่งดาบกระบี่อยู่รอบตัวนางล้วนถูกจัดการทั้งสิ้น เส้นผมสีเงินลอยพลิ้วไหว นางยืนเพียงลำพัง เศษหญ้าปลิวผ่านร่างไป
พอเห็นหยวนฟางถูกถีบกระเด็น จากนั้นก็เห็นลุงเฉินถูกฟาดลอยออกไป กลุ่มมือสังหารที่ปิดล้อมอยู่ตกตะลึง ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ไฉนถึงลงมือแม้แต่กับพวกเดียวกันเล่า? ต่างจ้องมองอิ๋นเอ๋อร์ที่สภาพเปลี่ยนแปลงไปในพริบตาเดียว
เส้นผมสีเงินสลวยเงางามลอยพลิ้วตามลม ใต้เรือนผมสีเงินแผ่สยายคือดวงหน้ารูปไข่เรียวแหลมทรงเสน่ห์ บริเวณหน้าผากและสันจมูกมีเกราะกระดูกสีเงินแข็งด้านงอกคลุม ลวดลายสีเงินที่กระจายอยู่บนใบหน้าดูชั่วร้ายและแปลกประหลาด มีเขี้ยวยาวสองซี่งอกโผล่ออกมา
ใต้เส้นผมที่ถูกสายลมพัดไสวมีหูเรียวแหลมอยู่หนึ่งคู่
สองมือคือกรงเล็บยาวสีเงิน สองเนตรเย็นช้ากวาดมองออกไปช้าๆ ทั่วร่างแฝงกลิ่นอายมารปีศาจทีททำให้คนหวาดผวา
มือสังหารรอบข้างมองกันไปมองกัน ล้วนไม่ทราบว่านี่คือสัตว์ประหล่าดอันใด
“บุกพร้อมกัน!” มือสังหารคนหนึ่งพลันตะโกนขึ้นมา
มือสังหารอีกเก้าคนเข้าโจมตีประสานกันทันที
ท่ามกลางสายลมโหมรุนแรง ฝุ่นหินปลิวกระจาย วัชพืชหลุดออกมาทั้งโคนลอยว่อนไปทั่ว
บางคนแม้จะถือกระบี่อยู่ก็ถูกฟาดกระเด็นออกไปด้วยแขนเดียว ลอยละลิ่วออกไปเสมือนหุ่นกระดาษกระอักโลหิตสดๆ ออกมาท่ามกลางฝุ่นหินที่ระเบิดตัวรุนแรง
บางคนถูกฟาดจนศีรษะกระจายเหลืออยู่ซีกเดียวแล้วปลิวออกไป
บางคนถูกกรงเล็บทะลวงอกแล้วสะบัดทิ้งไป
บางคนถูกกรงเล็บตวัดเฉือนอกลอยหวือออกไป
บางคนถูกกรงเล็บตบซัดติดพื้นเสมือนตอกตะปู ไหล่ขาดหายไปครึ่งหนึ่ง สำรอกโลหิตหายใจรวยริน
ภาพเงากรงเล็บที่ตวัดวาดไปทั่วอย่างรวเร็วและบ้าคลั่งหยุดลงแล้ว สถานการณ์ต่อสู้ก็หยุดลงด้วย
คนผู้หนึ่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ อิ๋นเอ๋อร์ ออกแรงจ่อกระบี่แทงเข้าที่เอวอิ๋นเอ๋อร์ ทำให้อาภรณ์ฉีกขาด ทว่าคมกระบี่ไม่สามารถแทงทะลุร่างอิ๋นเอ๋อร์ได้ กลับกลายเป็นเขาที่ถูกกรงเล็บทั้งห้าของอิ๋นเอ๋อร์ตะปบศีรษะเข้า
มือสังหารอีกคนพรั่นพรึงขึ้นมาอย่างแท้จริงเสมือนได้พบพานมารร้าย ถอยหลังหนีไปแววตาเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว ชีวิตนี้ยังไม่เคยพบตัวตนที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน พลันหันหลังหมายหลบหนี
เกิดเสียงดังโพละ! ศีรษะที่อยู่ภายใต้กรงเล็บระเบิดกระจาย อิ๋นเอ๋อร์พุ่งตัวออกไป รวดเร็วดั่งภูตผี
มือสังหารที่ศีรษะระเบิดยังไม่ทันล้มลงอย่างสมบูรณ์ มือสังหารที่กำลังหลบหนีคนนั้นเพิ่งจะดีดตัวเหินทะยานก็ถูกกดตัวลงมา มองเห็นกรงเล็บเปื้อนเลือดข้างนั้นปรากฏขึ้นตรงหน้าอก
กรงเล็บนั้นทะลวงผ่านออกมาจากทางด้านหลัง
มือสังหารหลายสิบคนที่เข้าปิดล้อมโจมตี พิการล้มตายเกลื่อนกลาดในพริบตาเดียว
คนรอบข้างที่ต่อสู้อยู่ล้วนหยุดนิ่งลง ทุกคนต่างมองมาทางนี้
หนิวโหย่วเต้า ก่วนฟางอี๋และหยวนกังยังพอว่า
แต่สวี่เหล่าลิ่วกับเหล่าสือซานตกตะลึงมากจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อสายตา หากมิใช่เพราะคนที่ดูราวกับปีศาจผู้นั้นยังสวมชุดของอิ๋นเอ๋อร์อยู่ พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อว่านางคือสาวน้อยผู้ใสซื่อคนนั้น
ได้พบเห็นฉากน่ากลัวเหนือจินตนาการดับตา สังหารยอดฝีมืออย่างพวกเขาได้ง่ายดายเหมือนหั่นผักหั่นแตง เช่นนี้จะให้สู้ได้อย่างไร กลุ่มมือสังหารหวาดกลัวขึ้นมา!
“หนี!” มือสังหารคนหนึ่งที่บังคับวิหคอยู่กลางอากาศตะโกนบอก
อิ๋นเอ๋อร์พลันเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า แววตาเย็นชาเหี้ยมหาญ โจมตีนางแล้วคิดจะหนีงั้นหรือ?
นางสลัดศพที่ติดอยู่บนมือออกไป ยกไหล่เล็กน้อย เกิดเสียงดังแควกแว่วขึ้นด้านหลัง
เสื้อผ้าด้านหลังขาดเป็นรู ปีกสีเงินคู่หนึ่งดีดออกมา
ภายใต้แสงอัสดง ปีกสองข้างถูกแสงตะวันตกดินอาบย้อมข่มประกายสีเงินไว้
ปีกสีเงินพลันขยับกระพือ เกิดสายลมกระโชกขึ้น นางเหินทะยานขึ้นสู่นภา
อินทรีหยกทมิฬตัวนั้นเร่งกระพือปีกแล้วก็ยังหลบเลี่ยงคนที่พุ่งตามมาขึ้นมาจากด้านล่างอย่างรวดเร็วไม่พ้น มือสังหารที่อยู่บนหลังอินทรีหยกทมิฬทะยานกายเหินออกไปทันที
空中陡然拐弯的银辉如一支利箭般,划出一道弧线击中了他,将他从空中给击落。
แสงสีเงินที่หักเลี้ยวกะทันหันกลางอากาศดูราวกับศรเงินดอกหนึ่ง ตวัดโค้งพุ่งตะรางเข้าหาเขา โมตีเขาร่วงหล่นลงมาจาอากาษ
砰!地面一个坑,双翅略收的银儿站在坑中,坑内有鲜血从她脚下溅出。
เกิดเสียงดังปัง! พื้นยุบเป็นหลุม อิ๋นเอ๋อร์หุบปีกเงินลงยืนอยู่ใจกลางหลุม มีโลหิตในหลุมกระเซ็นขึ้นมาจากใต้เท่านาง
“อ้าก!” เสียงโหยหวนน่าเวทนาสั้นห้วนแว่วขึ้นมาจากในหลุม
ปีกสีเงินกระพือสร้างลมพัดโหมอีกครั้ง มุ่งตรงเข้าคนกลุ่มที่มีคนมากที่สุด มือสังหารโพกหน้าสองคนกระอักเลือดกระเด็นออกไป
“หมอบลง!”
ทันใดนั้นหยวนกังตะโกนขึ้นมา
อิ๋นเอ๋อร์ที่สลายวงโจมตีลงพุ่งมาทางฝั่งพวกเขาแล้ว สวี่เหล่าลิ่วและเหล่าสือซานนึกว่าพวกเดียวกันคงไม่เป็นไร แต่หยวนกังมองออกว่าแววตาของอินเอ๋อร์ผิปกติจึงรีบตะโกนเตือน
“โฮก!”
เสียงพยัคฆ์คำรามดังกัมปนาทขึ้น ดาบสามคำรามฟันเข้าใส่อิ๋นเอ๋อร์ที่พุ่งเข้ามา
อิ๋นเอ๋อร์ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นกัน เกิดเสียงดังเคร้ง! นางกสะบัดปีกลอยตัวกลางอากาศ
หยวนกังกระอักโลหิตกระเด็นออกไป สวี่เหล่าลิ่วและเหล่าซือสานยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้ก็ไม่สังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับลุงเฉินและหยวนฟาง ต่างถูกปีกใหญ่คู่หนึ่งบินเฉียดผ่านหน้าทั้งคู่ไป ทั้งสองกระอักโลหิตเซล้มลงบนพื้น
เหล่ามือสังหารหนีกระเจิงออกไป ปีกสีเงินคู่นั้นกวาดผ่านทุ่งหญ้าไปราวกับสายฟ้าสีเงินที่แลบแปลบปลาบ บินร่อนไปทั่ว ราวกับเหยี่ยวไล่โฉบลูกเจี๊ยบ ไม่มีผู้ใดเลี่ยงพ้นและไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้ อย่างมากบางส่วนก็หนีออกไปไกลหน่อยเท่านั้น
อิ๋นเอ๋อร์โฉบวนกลับมาที่ทุ่งหญ้าแล้ว พุ่งตรงเข้าใส่คนที่ยังยืนอยู่
นางปรี่เข้ามารวดเร็ว ทำให้ผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายคนขนหัวลุกขึ้นมาแล้ว
“ให้ตายเถอะ!” ก่วนฟางอี๋หวีดร้องออกมา สะบัดแขนเสื้อส่วยันต์กระบี่สวรรค์ออกไปแผนหนึ่ง ปลดปล่อยเงามายาที่ถาโถมทรงพลัง พลังงานมหาศาลพวยพุ่งขึ้นสู่นภา
นางเคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว ไม่กล้าลงมือต่ออีก ถึงสู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ข่มโจมตีคนเขาไม่ได้เลย ทำได้เพียงใช้พลังมหาศาลนี้ปกป้องตัวเอง ไอรีนโนเวล
ครืน! เสียงระเบิดปานสายฟ้าถล่มโลกาแว่วขึ้น หน้าดินพังทลาย คลื่นดินโคลนถูกระเบิดปลิวว่อนไปทั่วทิศ
กลุ่มวิหคยักษ์ที่อยู่กลางอากาศเร่งขยับปีกบินสูงขึ้นเพื่อหลบเลี่ยง
ก่วนฟางอี๋กระอักเลือดออกมาคำหนึ่งลอยละลิ่วออกไปเหมือนดาวหางเพราะพลังทำลายล้าง ล้มกระแทกลงบนพื้นอย่างรุนแรง
พอโจมตีล้มไปได้อีกคน ปีกสีเงินขยับกระพืออยู่ท่ามกลางสายลมโหมกระโชกก็หมุนกลับเปลี่ยนทิศทาง พุ่งเข้าหาหนิวโหย่วเต้าที่ถือกระบี่ไว้ในมือ
หนิวโหย่วเต้ามีสีหน้าตึงเครียด ตั้งกระบี่พาดขวางป้องกันไว้ด้านหน้าพร้อมกันใช้พลังขยายเสียงให้ดังก้อง “อิ๋นเอ๋อร์! อิ๋นเอ๋อร์! อิ๋นเอ๋อร์…”
ตะเบ็งเสียงเรียกต่อเนื่อง ต้องการปลุกสตินาง
ช่วยไม่ได้จริงๆ เมื่อเผชิญหน้ากับราชินีปีศาลตนนี้ เขาไม่มีกำลังพอจะตอบโต้ได้เลย ในสายตาของอีกฝ่ายความเร็งในการตอบโต้ของเขาเหมือนเด็กเล็กๆ ไม่มีผิด
ให้หนีงั้นหรือ? อย่าว่าแต่ครั้งก่อนเลย เมื่อครู่นี้ยังไม่เห็นอีกหรือ?ความเร็วในการหลบหนีของเขาสู่ใครไม่ได้เลย อีกอย่างจะหนีไปที่ใดได้เล่า
แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีอยู่ ดูเหมือนเสียงเรียกของเขาจะได้ผล
อิ๋นเอ๋อร์ที่พุ่งเข้ามาดั่งสายฟ้าแลบค่อยๆ ชะลอความเร็วลง ความเร็วในการขยับปีกลดช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ช้าลงไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ลอยตัวนิ่งอยู่กลางอากาศมองเขาจากด้านบน
หนิวโหย่วเต้าเงยหน้ามอง ปักกระบี่ลงบนพื้น สองมือว่างเปล่า สื่อว่าไม่มีเจตนาร้าย จากนั้นก็เอ่ยเรียกด้วยด้วยระดับเสียงปกติอีกครั้ง “อิ๋นเอ๋อร์!”
สองปีกกระพือเนิบช้า น่างร่อนลงมาปลายเท้าค่อยๆ แตะลงสู่พื้น
อิ๋นเอ๋อร์ยืนอยู่ตรงหน้าเขาหุบปีกกลับเข้าไปช้าๆ มองเขาด้วยความฉงนเล็กน้อย แววตาเย็นชาโหดเหี้ยมหายไปแล้ว ดูเหมือนพยายามจะนึกอะไรอยู่
หนิวโหย่วเต้ายื่นมือออกไปหานาง ลองเดินเข้าไปหาก้าวหนึ่ง
อิ๋นเอ๋อร์สะดุ้งนิดๆ สองปีกกางออกเล็กน้อยอีกครั้ง
หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมา พยายามยิ้มอย่างอ่อนโอน ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้นางพลางกวักมือเรียก สื่อให้นางยื่นมือออกมา
คล้ายว่าอิ๋นเอ๋อร์จะซึมซับเอาความรู้สึกของอีกฝ่ายเข้ามา ดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงเจตนาดีจึงค่อยๆ หุบสองปีกลงอีกครั้ง ลองยื่นกรงเล็บข้างหนึ่งออกไป
หนึ่งมือมนุษย์และหนึ่งกรงเล็บปีศาจ บนทุ่งหญ้าที่ยุ่งเหยิงเละเทะ อาบไล้ด้วยแสงตะวันรอน ในสุดสองมือก็แนบชิดกันแล้ว
เมื่อสองมือแตะกัน หนิวโหย่วเต้าที่เคยมีประสบการณ์มาแล้วโคจรเคล็ดวิชามหาจักรวาลอย่างรวดเร็ว ถ่ายเทเข้าสู่ร่างของนาง ช่วยกำจัดพลังปีศาจที่โกรธาพลุ่งพล่านทั่วร่างให้นาง
สีหน้าของอิ๋นเอ๋อร์อ่อนโยนลง ปิดตาลงช้าๆ เชิดคางเล็กน้อย ดูเหมือนจะเพลิดเพลินนิดหน่อย
ลักษณะภายนอกของนางก็ค่อยๆ ปรากฏความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ปีกหุบกลับเข้าไปในร่าง เส้นผมสีเงินค่อยๆกลายเป็นสีเทา จากงานก็กลายเป็นสีดำ กรงเล็บแหลมคมก็กำลังหดตัวลงเช่นกัน…
”
“แค่กๆ…”
ก่วนฟางอี๋ค่อยๆ คลานลุกขึ้นมาจากพื้นดินโคลน
เมื่อเคยมีประสบการณ์มาแล้วครั้งหนึ่งย่อมต่างออกไป มีพลังจากยันต์กระบี่สวรรค์ปกป้องอยู่ก็ช่วยสกัดต้านแรงโจมตีส่วนใหญ่ให้นางได้จริงๆ
ครั้งนี้นางไม่ได้บาดเจ็บสาหัส เพียงได้รับแรงสะเทือนจนมึนงงเมท่านั้น ตั้งสติไม่ได้อยู่พักใหญ่
แต่ก็นับว่านางเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่นำยันต์กระบี่สวรรค์ซึ่งมีอานุภาพโจมตีมหาศาลมาใช้ประโยชน์เป็นยันต์คุ้มกันได้
นางสะบัดหัวไปมา ตั้งสติเล็กน้อย ปีนออกมาจากหลุมที่เกิดขึ้นเพราะตน หลังจากมองเห็นฉากสถานการณ์ขคนทั้งสองที่อยู่ไกลออกไป นางกระแอมเล้กน้อยพลางเช็ดคราบเลือดบนปากออก
จากนั้นก็เหลียวมองรอบข้าง เห็นว่ารอบข้างยุ่งเหยิงเละเทะไปหมด นอกจากสองคนนั้นแล้วไหนเลยจะยังมีใครอื่นยืนอยู่อีก
ดูเหมือนนางจะนึกอะไรขึ้นได้ พลันแสดงสีหน้าหวาดวิตก ร้องเรียกทันที “ลุงเฉิน สวี่เหล่าลิ่ว เหล่าสือซาน…”
นางพุ่งตัวออกไป เหินนทะยานโฉบผ่านกลุ่มคนที่ล้มระเนระนาดอยู่ตามพื้น พบตัวลุงเฉินที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น
เมื่อพลิกตัวลุงเฉินขึ้นมาก็เห็นเลือดอาบหน้า พบว่าลมหายใจแผ่วรวยริน หมดสติไปแล้ว กระดูกหักหลายจุด อวัยวะภายในได้รับความเสียหายรุนแรง
นางรีบล้วงลูกกลอกสมานฟ้าเม็ดหนึ่งยัดใส่ปากเขา ใช้พลังหลอมละลายให้ ตามด้วยช่วยทำแผลปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วน
มีเสียงคราง “ฮึกๆ” แว่วมาไม่ไกลนัก ก่วนฟางอี๋เงยหน้ามองออกไป มองเห็นหยวนฟางพลิกตัวขึ้นมา ลุกขึ้นนั่งช้าๆ ออกแรงสะบักหน้าเล็กน้อย
“เจ้าหมี เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ก่วนฟางอี๋ตะโกนถาม
หยวนฟางที่ดึงสติกลับมาได้แล้วมองดูนาง จากนั้นก็มองสภาพแวดล้อมรอบข้างที่เละเทะวุ่นวาย
จะบอกว่าเขาไม่บาดเจ็บหนักก็ไม่ได้ โชคดีที่ไม่ได้ถูกโจมตี เพียงถูกอิ๋นเอ๋อร์สะบัดเท้าเหวี่ยงทิ้ง เมื่อประกอบเข้ากับร่างกายคงกระพันฟันแทงไม่เช้าแล้ว นับว่ารักษาชีวิตรอดกลับมาได้จริงๆ
เขาทอดสายตามองไปทางหนิวโหย่วเต้าที่อยู่ไกลออกไป สีหน้าขื่นขม เอ่ยเสียงสะอื้น “บอกเจ้าว่าอย่าปล่อยให้รอดไปแม้แต่คนเดียวก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าห้ามปล่อบพวกเราด้วย!”
……………………………………………………………………………………………..