บทที่ 435 เรื่องราวของหอคันธะสงัด
บทที่ 435 เรื่องราวของหอคันธะสงัด
อู๋ฝานไม่ต้องการให้ฝาแฝดมาคอยรับใช้เหมือนเป็นเมดหรือหญิงรับใช้ แต่ก็ไม่ต้องการให้พวกเธอถูกต่อว่าด้วยเช่นกัน
“เจ้าหอพอใจก็ดีแล้วค่ะ” สวีฮุ่ยตอบรับ “ฉันคิดว่าน่าจะต้องมีคนคอยอยู่เคียงข้างรับใช้เจ้าหอให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะที่นี่ถือเป็นสถานที่แปลกใหม่สำหรับเจ้าหอ ทำให้อาจรู้สึกไม่คุ้นชิน การมีคนที่รู้เรื่องดีอยู่แล้วคอยติดตามจะยิ่งสะดวกนะคะ เมื่อก่อนตอนที่อดีตเจ้าหอยังอยู่ก็มีคนคอยติดตามรับใช้เหมือนกัน ดังนั้นนี่ไม่ใช่เรื่องการเอาใจใส่เกินเหตุ เจ้าหอวางใจและไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้นค่ะ”
สิ่งที่อู๋ฝานไม่ทราบคือที่สำนักฝึกตนทั้งหลาย บุคคลสำคัญเช่นเจ้าสำนักหรือผู้อาวุโสจะมีคนคอยติดตามรับใช้จำนวนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นในด้านชีวิตประจำวันหรืออื่น ๆ ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อช่วยให้บุคคลเหล่านั้นมุ่งเน้นกับการฝึกตนโดยไม่ต้องเสียสมาธิไปกับเรื่องราวเล็กน้อย
“ถ้างั้น… ก็ได้ครับ” อู๋ฝานเห็นสวีฮุ่ยยืนกรานจึงไม่อาจตอบอะไรอื่นอีก อย่างไรเขาก็ไม่ได้คิดอยู่ที่นี่นานนัก ไว้เมื่อกลับไปแล้วทุกสิ่งก็จะกลับคืนสู่ปกติเอง
“เล่าสถานการณ์ของสำนักให้ฟังหน่อยครับ” อู๋ฝานตรงเข้าประเด็น
“ทราบแล้วค่ะ” สวีฮุ่ยตอบรับอย่างนอบน้อม “ก่อนหน้านี้หอคันธะสงัดของพวกเรามีศิษย์ในสำนักรวมห้าร้อยยี่สิบเอ็ดคนค่ะ เนื่องจากเหตุการณ์ที่สำนักเที่ยงยุทธ์จัดฉากลงมือ ทำให้พวกเราสูญเสียศิษย์ไปพอสมควร ปัจจุบันจึงเหลือศิษย์สำนักจำนวนสี่ร้อยแปดคน หากนับรวมเจ้าหอเข้าไปด้วยจะเป็นสี่ร้อยเก้าคนค่ะ ในจำนวนนี้มีหนึ่งร้อยยี่สิบสามคนได้รับบาดเจ็บ และผู้บาดเจ็บทุกคนก็เป็นคนที่ติดตามเจ้าหอเดินทางกลับมา คาดว่าน่าจะพอทราบสถานการณ์อยู่แล้วนะคะ”
อู๋ฝานพยักหน้ารับ ครั้งนี้ศิษย์หอคันธะสงัดที่เดินทางสู่ภูเขาเทียนเหลียงไม่บาดเจ็บก็ล้มตาย เรียกได้ว่าเกิดความสูญเสียอย่างหนัก บรรดาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้นได้ยาสมานแผลของตนช่วยห้ามเลือดและฟื้นฟูอาการไปบ้างแล้ว ดังนั้นเขาจึงพอทราบอาการของพวกเธออยู่ระดับหนึ่ง
“หอคันธะสงัดของพวกเราครอบครองวิชากระบี่ที่มีชื่อเสียง มันเป็นวิชากระบี่ประจำสำนักของเรานามว่าวิชาสุดยอดกระบี่สิบสามกระบวนท่า เป็นวิชาระดับสวรรค์ค่ะ” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้สวีฮุ่ยก็เผยสีหน้าภูมิใจออกมา อย่างไรก็ไม่ใช่ทุกสำนักที่จะมีวิชาระดับสวรรค์ในครอบครอง แต่ไม่นานสีหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นหมองหม่น “โชคไม่ดีที่นับตั้งแต่ก่อตั้งสำนักมาจนถึงปัจจุบัน เวลาล่วงเลยกว่าพันปีเข้าไปแล้ว ทว่ากลับยังไม่เคยมีใครฝึกฝนวิชากระบี่นั้นจนถึงจุดสูงสุดได้แม้แต่คนเดียว ดังนั้นจึงแทบไม่มีทางที่จะรีดเร้นศักยภาพสูงสุดของมันออกมาได้ ทำให้ความยิ่งใหญ่ของวิชาถูกมองว่าอยู่ในระดับดาษดื่นเหมือนวิชาระดับโลกาค่ะ”
เรียกได้ว่าน่าเสียดาย ทั้งที่สำนักครอบครองวิชาระดับสวรรค์ไว้แล้ว แต่กลับไม่มีหนทางรีดเร้นประสิทธิภาพออกมาใช้งานได้ ไม่เช่นนั้นสถานะของหอคันธะสงัดในแวดวงผู้ฝึกตนคงจะสูงส่งยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
แน่นอนว่าพวกเธอไม่ได้สนใจเรื่องชื่อเสียงอะไรถึงขนาดนั้น
“นอกจากวิชาสุดยอดกระบี่สิบสามกระบวนท่า สำนักของเราก็ยังมีวิชาระดับโลกาอีกสามวิชา วิชาระดับลึกล้ำอีกสิบห้าวิชา และวิชาระดับปฐพีอีกสามสิบวิชาในครอบครองค่ะ” สวีฮุ่ยกล่าวต่อ “วิชาสุดยอดกระบี่สิบสามกระบวนท่าจะถ่ายทอดให้แก่ตัวตนระดับเจ้าหอหรือผู้อาวุโส รวมถึงศิษย์สายตรงของแต่ละท่าน ศิษย์ทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้วิชาสุดยอดกระบี่สิบสามกระบวนท่าหลุดออกไปสู่โลกภายนอก โดยศิษย์คนอื่นจะได้รับการฝึกฝนวิชาอื่นตามความเหมาะสมค่ะ”
“ถ้าเป็นแบบนั้น มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังโดยรวมของสำนักเหรอครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
วิชากระบี่อันสูงสุดประจำสำนักกลับให้คนเพียงกลุ่มน้อยฝึกฝน ขณะที่ศิษย์ส่วนใหญ่ที่เหลือจะได้รับการฝึกฝนวิชาที่ลดหลั่นกันลงมา ผลลัพธ์ย่อมกระทบต่อรากฐานความแข็งแกร่งของสำนัก
“วิชาระดับโลกาที่ฝึกฝนจนถึงขีดสุดก็แข็งแกร่งมากอยู่นะคะ” สวีฮุ่ยตอบรับ “และถ้ามีใครสามารถฝึกฝนวิชาระดับโลกาจนถึงขีดสุดได้ พวกเขาย่อมได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อาวุโสของสำนัก เมื่อถึงเวลานั้นยังไงก็ได้เรียนรู้วิชาสุดยอดกระบี่สิบสามกระบวนท่าค่ะ”
“เป็นแบบนี้นี่เอง” อู๋ฝานที่เข้าใจจึงพยักหน้ารับ
ตามความเข้าใจเบื้องต้นของอู๋ฝาน กล่าวคือโดยทั่วไปแล้วศิษย์ที่เพิ่งเข้าร่วมสำนักจะต้องรับการฝึกฝนวิชาระดับปฐพีซึ่งอยู่ต่ำที่สุด เมื่อใดฝึกฝนวิชาระดับปฐพีจนถึงขีดสุดย่อมมีกำลังเพิ่มมากขึ้น ตอนนั้นก็จะมีคุณสมบัติได้ฝึกฝนวิชาระดับลึกล้ำและเป็นเช่นนี้ตามลำดับไป หากต้องการคุณสมบัติเข้าถึงวิชาที่ระดับสูงยิ่งขึ้น ก็มีแต่จะต้องหมั่นเพียรฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง มันคือการสร้างแรงใจให้เหล่าศิษย์ฝึกซ้อมอย่างจริงจังและตั้งใจ คาดว่าสำนักอื่นก็น่าจะมีแนวทางเช่นเดียวกัน
แน่นอนว่าหอคันธะสงัดค่อนข้างพิเศษ เพราะแม้จะมีวิชาระดับสวรรค์อันเป็นจุดสูงสุดของสำนัก แต่กลับไม่มีใครรีดเร้นเอาพลังแท้จริงออกมาจนเกินกว่าวิชาระดับโลกาได้
“ที่นี่คือสถานที่ตั้งหลักของหอคันธะสงัด และที่โลกภายนอกพวกเราก็มีกิจการและทรัพย์สินในครอบครอง ของพวกนั้นจะได้รับการดูแลจัดสรรโดยศิษย์นอกสำนักค่ะ” สวีฮุ่ยกล่าวต่อ
“ศิษย์นอกสำนัก?” อู๋ฝานเกิดความสงสัยขึ้นมา “พวกเขาถูกนับรวมในจำนวนที่รายงานเมื่อกี้รึเปล่าครับ?”
“ไม่ค่ะ” สวีฮุ่ยส่ายศีรษะ “จำนวนคนที่ฉันรายงานก่อนหน้านี้คือศิษย์ที่อยู่ที่นี่ เป็นจำนวนศิษย์ในสำนัก และมีเพียงศิษย์สำนักในถึงจะสามารถฝึกฝนวิชาต่าง ๆ ได้ ส่วนศิษย์สำนักนอกคือผู้ที่ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะได้ฝึกฝนค่ะ พวกเขาจะรับหน้าที่เรื่องการดูแลเรื่องราวทางโลกให้สำนัก แต่ศิษย์นอกสำนักที่มีศักยภาพก็จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศิษย์สำนักในค่ะ”
“เป็นแบบนี้นี่เอง” อู๋ฝานรับคำ ขณะนึกถึงผู้อาวุโสเทียนเหอ อีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสนอกสำนักแห่งสำนักล้ำสวรรค์ คอยรับผิดชอบดูแลเรื่องราวทางโลกมนุษย์ให้แก่สำนัก ส่วนสถานะของสำนักนอกนั้นเรียกได้ว่าไม่ได้สูงส่งอะไร ดังนั้นตำแหน่งผู้อาวุโสนอกสำนักจึงไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเช่นกัน แต่แม้แบบนั้นการปรากฏตัวของผู้อาวุโสเทียนเหอ ก็ยังได้รับการเห็นค่าโดยห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงโจว
การได้เป็นผู้อาวุโส ไม่ว่าจะเป็นสำนักนอกหรือว่าสำนักในย่อมต้องได้รับการฝึกฝน แต่สถานะตัวตนของผู้อาวุโสนอกสำนักอาจจะต่ำเตี้ยไปบ้าง
“เรื่องราวของสำนักเราก็มีประมาณนี้ค่ะ ถ้าเจ้าหอไม่เข้าใจตรงใดหรือต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ก็มาพบฉันเพื่อสอบถามได้ค่ะ” สวีฮุ่ยพูดขึ้นมา
“ได้ครับ ขอบคุณครับ” อู๋ฝานตอบรับ
“เจ้าหอสุภาพเกินไปแล้วค่ะ เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว” สวีฮุ่ยตอบกลับมา “ถ้าเจ้าหอไม่มีอะไรอีก ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ” อู๋ฝานพยักหน้ารับ
สวีฮุ่ยหันกายเตรียมเดินออกไป แต่ขณะเกือบจะถึงประตู อู๋ฝานกลับเรียกเธอเอาไว้
“เดี๋ยวครับ!”
“เจ้าหอมีคำสั่งอะไรเหรอคะ?” สวีฮุ่ยหันกลับมามองอู๋ฝานด้วยท่าทีนอบน้อม
“อันที่จริงก็ไม่มีอะไรมากครับ” อู๋ฝานครุ่นคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ผมอยากถามความเห็นว่า… คิดยังไงกับการที่ผมได้มาเป็นเจ้าหอคันธะสงัดน่ะครับ”
มันเป็นเรื่องที่คาใจอู๋ฝานมาโดยตลอด คนของหอคันธะสงัดต่างก็ทราบดีว่าหากไม่เกิดเรื่องราวครั้งนี้ขึ้น ผู้ที่จะได้รับตำแหน่งย่อมต้องเป็นสวีฮุ่ย เนื่องจากเธอคือคนที่มีคุณสมบัติสูงที่สุด ดังนั้นเขาจึงต้องการทราบความคิดเห็นของอีกฝ่าย
“ฉันไม่มีความเห็นอะไรค่ะ” สวีฮุ่ยส่ายหน้าตอบกลับ “ในเมื่อคุณเป็นเจ้าหอแล้ว ฉันก็พร้อมจะทำตามคำสั่งอย่างจริงจังค่ะ”
“ไม่คิดเรื่องนี้เลยสักนิดเหรอครับ? ถ้าผมไม่ปรากฏตัว คุณก็คงได้เป็นเจ้าหอแล้ว” อู๋ฝานยังคงถาม
“คิดค่ะ” สวีฮุ่ยพยักหน้ารับตามตรง “แต่ฉันไม่ใช่คนที่ยึดติดกับตำแหน่งค่ะ สิ่งที่ต้องการคือการพาหอคันธะสงัดก้าวสู่จุดที่ดียิ่งขึ้น ตอนนี้ก็เห็นแล้วว่าเจ้าหอมีความเหมาะสมกว่าฉัน ดังนั้นฉันเลยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนค่ะ”