บทที่ 432 แยกทาง
บทที่ 432 แยกทาง
“ผู้ช่วย? ผู้ช่วยจากที่ไหนกันคะ? ไม่ใช่ว่าตลอดทางก็มีแค่พวกเราสามคนเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นตอนคุณออกมาฉันไม่เห็นมีคนอื่น” แม้เธอจะพยายามย้ำตัวเองตลอดว่าไม่ควรรีดเร้นความจริงจากอู๋ฝานมากเกินไป เพราะอย่างไรทุกคนต่างก็มีความลับ โดยเฉพาะตั้งแต่ที่อีกฝ่ายสร้างเรื่องน่าประหลาดใจมากมาย ทำให้หญิงสาวตระหนักว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดต่างก็เป็นความลับทั้งสิ้น ทว่าประเด็นนี้ทำให้เธออดไม่ได้จนต้องถามออกมา
“ผู้ช่วยเหล่านั้นค่อนข้างพิเศษน่ะครับ คนธรรมดามองไม่เห็นพวกเขา” อู๋ฝานตอบอย่างคลุมเครือ
“พิเศษ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มองอู๋ฝาน สุดท้ายจึงพยักหน้ารับไม่ซักถามอะไรเพิ่มอีก
เธอสังเกตเห็นว่าอู๋ฝานไม่อยากตอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ดังนั้นจึงไม่ถามต่อให้มากความ ขณะเดียวกันยังต้องลอบต่อว่าตัวเองที่เมื่อครู่ถามมากจนเกินไป
ขณะอู๋ฝานเห็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ทำท่าทีว่าเข้าใจแล้วออกมา ในใจเขาจึงนึกละอายจนต้องเอ่ยต่อ “บางเรื่องตอนนี้ผมยังไม่สามารถอธิบายได้ครับ ถ้ามีโอกาส ต่อไปคุณจะได้เห็นพวกเขาเองครับ”
“ค่ะ” เมื่ออู๋ฝานพูดถึงขนาดนี้ ในใจของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
อู๋ฝานไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงอะไรหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ และเขาก็ไม่อาจเอาชนะเถาหรูไห่ได้จริง ๆ คนที่สังหารอีกฝ่ายไม่ใช่ตน แต่เป็นนักรบโลกอสูรและทหารประจำราชสำนักที่อัญเชิญออกมาผ่านป้ายอัญเชิญ เพราะเหตุดังกล่าวชายหนุ่มจึงต้องลากเถาหรูไห่เข้าไปยังทางคับแคบลับหูลับตาคนอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครพบเห็น
เพราะพัฒนาเป็นป้ายอัญเชิญระดับทอง ความแข็งแกร่งของนักรบโลกอสูรและทหารประจำราชสำนักแห่งราชวงศ์เหยียนเฟิงจึงแข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนที่ยังเป็นระดับทองแดง ทหารประจำราชสำนักเทียบเท่าขอบเขตมืดขั้นสูงสุด ขณะนักรบโลกอสูรก้าวล้ำไปจนถึงขอบเขตแปรสภาพขั้นต้น ต่อให้เถาหรูไห่เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตแปรสภาพขั้นกลาง แต่ต่อหน้ากลุ่มยอดฝีมือถึงสี่สิบคนที่หมายจะสังหาร ทั้งยังไม่ได้เตรียมใจรับเรื่องเช่นนี้มาก่อน อย่างไรโชคชะตาก็ไม่พ้นการถูกสังหารในชั่วอึดใจ
แต่ประเด็นเรื่องป้ายอัญเชิญทำให้อู๋ฝานไม่สามารถอธิบายแก่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ได้ เรียกได้ว่าแทบไม่มีทางอธิบายเลยด้วยซ้ำ
เรื่องดีก็คือหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ซักถามเรื่องนี้อีก
ไม่นานถังอวี่เฟยก็กลับออกมาจากห้องอีกครั้ง จากนั้นคนทั้งสามก็ตามไปสมทบกับกลุ่มหลัก
“อาจารย์เกิ่ง ผมมีเรื่องต้องจัดการพอสมควรเลย คิดว่าคงเดินทางกลับไปพร้อมกันไม่ได้ อาจจะต้องรบกวนอาจารย์เกิ่งช่วยดูแลการเดินทางกลับในส่วนของผมด้วยนะครับ” อู๋ฝานหาตัวเกิ่งหย่าเฟยเพื่อบอกกล่าว
อู๋ฝานรับปากเรื่องเดินทางไปยังหอคันธะสงัดเอาไว้แล้ว เป้ยอวี่ฉวนและคนอื่นกำลังรอคอยอยู่ ทำให้เขาไม่อาจร่วมทางกับนักศึกษามหาวิทยาลัยเจียงโจวเดินทางกลับไปได้
“ครั้งนี้เรื่องอะไรอีกล่ะคะ?” เมื่อเห็นอู๋ฝานกำลังจะขอแยกตัวออกไปอีกครั้ง เกิ่งหย่าเฟยก็อดไม่ได้จนต้องถามออกมา “พวกเธอสองคนก็จะไปกับคุณด้วยรึเปล่าคะ?”
พวกเธอที่เกิ่งหย่าเฟยเอ่ยถึง ย่อมเป็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยที่อยู่ข้าง ๆ อู๋ฝาน
“ไม่ครับ ผมไปคนเดียว พวกเธอจะกลับมหาวิทยาลัยพร้อมทุกคนครับ” อู๋ฝานตอบรับ
“งั้นฉันก็ไม่คัดค้านอะไรค่ะ” เกิ่งหย่าเฟยตอบกลับมา “แต่เรื่องฝั่งมหาวิทยาลัยล่ะคะ? คุณเป็นอาจารย์คนที่นำคณะนักศึกษาเดินทางมา ถ้าแยกตัวไประหว่างทางแบบนี้ทางมหาวิทยาลัยจะไม่คาดโทษเอาเหรอคะ?”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องฝั่งมหาวิทยาลัยหรอกค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยขึ้น
เกิ่งหย่าเฟยมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ จากนั้นจึงบอกกับอู๋ฝาน “ในเมื่อเป็นแบบนั้นก็คงไม่มีอะไรแล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
เกิ่งหย่าเฟยทราบเบื้องลึกเบื้องหลังของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์พอสมควร ในเมื่อเธอออกหน้าช่วยอู๋ฝาน เรื่องฝั่งมหาวิทยาลัยก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
“ขอบคุณอาจารย์เกิ่งมากครับ ไว้กลับไปแล้วผมจะหาโอกาสเลี้ยงมื้อเย็นเองนะครับ” อู๋ฝานพูดขึ้นมา
เนื่องจากอู๋ฝานขอแยกตัวระหว่างเดินทางครั้งนี้ถึงสองครั้ง ทำให้เกิ่งหย่าเฟยต้องรับหน้าดูแลนักศึกษาตัวคนเดียว ในใจเขาจึงรู้สึกผิดขึ้นมา
“ถือว่าตกลงกันแล้วนะคะ ไว้ฉันจะรอกินให้หนำใจที่เจียงโจวค่ะ” เกิ่งหย่าเฟยมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟย ก่อนจะยิ้มให้อู๋ฝาน
“ได้เลยครับ” อู๋ฝานรับคำ
หลังกลุ่มคนเตรียมตัวเรียบร้อย เกิ่งหย่าเฟยจึงนำกลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงโจวเดินทางกลับ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยไปกับกลุ่มนี้ ส่วนอู๋ฝานกำลังเตรียมตัวไปพบคนของหอคันธะสงัดเพื่อเดินทางสู่ที่ตั้งสำนักร่วมกัน
“ดูแลตัวเองด้วยนะคะ เรื่องทางมหาวิทยาลัยฉันจะจัดการให้เอง ไม่ต้องกังวลเรื่องคาบเรียนที่ต้องเข้าสอนนะคะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์บอกอู๋ฝาน
“ขอบคุณครับ” อู๋ฝานพยักหน้ารับ
“อู๋ฝาน หอคันธะสงัดมีแต่ผู้หญิงสวย ๆ ทั้งนั้น อย่าปล่อยตัวปล่อยใจ รู้ใช่ไหมคะ?” ถังอวี่เฟยบอก
“รู้ครับ” อู๋ฝานไม่คิดจะอะไรทำนองนั้นอยู่แล้ว
จากนั้นพวกหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงเดินทางกลับไปกันก่อน หลังแยกทางกันเรียบร้อย อู๋ฝานจึงไปพบเป้ยอวี่ฉวนและเหล่าศิษย์หอคันธะสงัด
“อาการบาดเจ็บของทุกคนเป็นยังไงบ้างครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ยาสมานแผลที่เจ้าหอให้ไว้ประสิทธิภาพไร้ข้อกังขาค่ะ พี่น้องทุกคนอาการดีขึ้นและเริ่มฟื้นตัวกันแล้ว” เป้ยอวี่ฉวนนึกขอบคุณและซาบซึ้งต่ออู๋ฝาน
“ดีแล้วครับ” อู๋ฝานตอบรับ “ผมเช่ารถไว้จำนวนหนึ่งแล้ว พวกเราน่าจะเดินทางกันได้เลย”
“ค่ะ!” กลุ่มคนตอบรับพร้อมกัน
แม้ทุกคนของหอคันธะสงัดเป็นผู้ฝึกตน แต่ไม่ใช่คนตัดขาดจากทางโลกและไม่ทันยุคสมัย ตอนแรกที่พวกเธอเดินทางมาที่นี่ก็ใช้รถยนต์เช่นเดียวกัน
ภายในรถ เป้ยอวี่ฉวนนั่งข้างอู๋ฝาน นอกจากเธอแล้วก็ยังมีศิษย์คนอื่นจากหอคันธะสงัดร่วมโดยสาร แน่นอนว่ารวมถึงที่เก็บเถ้ากระดูกของเจ้าหอคนเก่าและนักพรตฮุ่ยเหวินด้วย ทำให้บรรยากาศภายในรถค่อนข้างหนักอึ้งอยู่พอสมควร
“จะว่าไปแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ? ทำไมเจ้าสำนักเที่ยงยุทธ์ถึงมุ่งเป้ามาไปที่หอคันธะสงัดของพวกเรา” อู๋ฝานถามขึ้นมา เพราะตกปากรับคำเป็นเจ้าหอเรียบร้อยแล้ว คำเรียกหาจึงเปลี่ยนจากของพวกคุณ เป็นของพวกเราแทน
ตลอดมาอู๋ฝานรับรู้ได้ว่าความขัดแย้งระหว่างสองสำนักคล้ายไม่ใช่อุบัติเหตุ มันจะต้องมีเหตุผลอื่น
“เรียนเจ้าหอ ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าสำนักเที่ยงยุทธ์ที่ชื่อเถาหรูไห่หมายตาวิชากระบี่ประจำสำนักอย่าง ‘วิชาสุดยอดกระบี่สิบสามกระบวนท่า’ ค่ะ!” หนึ่งในศิษย์หอคันธะสงัดตอบอู๋ฝานกลับมา
“เล่าต่อเลยครับ” อู๋ฝานตอบรับ
“ค่ะเจ้าหอ” ศิษย์คนนั้นเริ่มเล่าต่อ “ศิษย์ของสำนักเที่ยงยุทธ์จงใจกลั่นแกล้งศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักของหอคันธะสงัด เพื่อทำให้อดีตเจ้าหอของพวกเราไปสอบถามหาคำอธิบายจากพวกมันค่ะ ที่พวกมันทำทั้งหมดก็เพื่อจะซุ่มโจมตี และต้องการจะเรียนรู้กับฝึกฝนวิชาสุดยอดกระบี่สิบสามกระบวนท่าจากอดีตเจ้าหอโดยตรง เนื่องจากมีเพียงเจ้าหอ เหล่าผู้อาวุโส และศิษย์ตรงของแต่ละท่านที่จะได้รับการฝึกฝนวิชาดังกล่าวค่ะ”
เป้ยอวี่ฉวนพยักหน้าให้อู๋ฝาน เป็นการบ่งบอกว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง เธอเองก็เป็นศิษย์ใกล้ชิดของอดีตเจ้าหอ ดังนั้นเธอเองก็ได้ฝึกฝนวิชาดังกล่าวมาเช่นกัน
“เจ้าสำนักเที่ยงยุทธ์ทะเยอทะยานมาก เขายอมใช้วิธีการต่ำช้าเพื่อทำให้สำนักเที่ยงยุทธ์ก้าวขึ้นสู่สำนักชั้นหนึ่ง หรือกระทั่งถึงขั้นให้เป็นสำนักชั้นนำเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงมุ่งเป้ามายังวิชาประจำสำนักของเราค่ะ” ศิษย์คนนั้นเริ่มร่ายยาวออกมา “พูดได้ว่าเถาหรูไห่คนนั้นเป็นฝ่ายเริ่มและลงมือกับพวกเราก่อน โดยที่พวกเราไม่เคยทำอะไรให้เลยด้วยซ้ำ”
อู๋ฝานพยักหน้ารับ ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ทราบจากหลิ่วเหยียนเอ๋อร์แล้ว ว่าวิชาสุดยอดกระบี่สิบสามกระบวนท่าทรงอำนาจเพียงใด จึงคาดเดาได้ว่าเถาหรูไห่เกิดนึกละโมบ รวมกับเรื่องที่หอคันธะสงัดมีการสานสัมพันธ์กับสำนักอื่นน้อยนิด เรียกได้ว่าแทบไม่มีพันธมิตรเลยด้วยซ้ำ จึงถือเป็นเป้าหมายอันดีที่ควรค่าแก่การลงมือ