บทที่ 422 สมบัติทั้งสาม
บทที่ 422 สมบัติทั้งสาม
อู๋ฝานรู้สึกลำบากใจ เพราะเขายังไม่คิดไปที่สำนักในเวลานี้ แต่คำพูดของเป้ยอวี่ฉวนก็มีเหตุและผล หอคันธะสงัดกำลังเผชิญช่วงเวลาอันยากลำบาก ทำให้ต้องการคนที่สามารถยึดเหนี่ยวจิตใจได้ และเจ้าหอคนใหม่ของพวกเธอก็ถือเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด
“ฉันว่าเธอพูดถูกนะคะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พูดขึ้นมา “ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากไปอยู่หรือผูกมัดกับสำนัก แต่ก็อยากแนะนำว่ากลับไปกับพวกเธอก่อน หลังจัดการเรื่องราวจนเรียบร้อยแล้วค่อยขอตัวออกมาค่ะ”
เป้ยอวี่ฉวนมองอู๋ฝานด้วยสายตาคาดหวังและเว้าวอน เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เขาร่วมทางกลับไปด้วย
อู๋ฝานลังเลไปอีกครู่หนึ่งก่อนจะตอบรับ “ก็ได้ครับ คืนนี้ไปหาที่พักกันก่อนนะครับ วันพรุ่งนี้ไว้พวกเราค่อยเดินทางไปพร้อมกัน”
“ขอบคุณเจ้าหอค่ะ!” เป้ยอวี่ฉวนพร้อมกลุ่มศิษย์ที่ได้ยินคำตอบรับจึงดูมีเรี่ยวแรงกันขึ้นมา
พวกเป้ยอวี่ฉวนไปหาที่พัก ขณะพวกอู๋ฝานทั้งสามเดินทางกลับโรงแรม
“อู๋ฝาน คุณกลับมาได้ซะที นี่ไปไหนกันมาคะเนี่ย? ทำไมฉันโทรหาไม่ติดเลยล่ะ?” หลังทั้งสามคนมาถึงล็อบบีของโรงแรม จึงได้พบเกิ่งหย่าเฟยที่มีท่าทีร้อนรน เมื่อเห็นกลุ่มคนกลับมาเธอจึงรีบเข้ามาสอบถาม
“พอดีมีธุระที่ต้องจัดการน่ะครับ แล้วแถวนั้นก็ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ด้วย” อู๋ฝานตอบกลับ “ทุกคนกลับมากันหมดแล้วเหรอครับ? ระหว่างทางไม่มีอะไรใช่ไหม?”
พื้นที่หวงห้ามของภูเขาเทียนเหลียงไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่แปลกหากเกิ่งหย่าเฟยจะไม่สามารถติดต่อหาเขาได้
“นอกจากพวกคุณสามคน ที่เหลือก็กลับมากันหมดแล้วค่ะ” เกิ่งหย่าเฟยตอบรับ “คุณที่เป็นอาจารย์คอยดูแลกลุ่มทัศนศึกษากลับเป็นฝ่ายแอบออกไปซะเอง ถ้าพวกนักศึกษารู้เข้าได้โวยวายกันแน่เลยค่ะ”
“ขอบคุณที่อาจารย์เกิ่งคอยช่วยเหลือครับ” อู๋ฝานยิ้มรับ
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกคุณปลอดภัยกันก็ดีแล้ว ฉันคงต้องไปพักบ้างเหมือนกัน” เกิ่งหย่าเฟยตอบกลับขณะมองทางถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์
“พวกเราก็แยกย้ายกลับห้องดีกว่าครับ” อู๋ฝานพูดขึ้นมา
ทั้งถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้กลับห้องของตัวเอง แต่ตามไปถึงห้องของอู๋ฝานก่อนจะนั่งลงสุมหัว เพื่อพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแดนลับของภูเขาเทียนเหลียง
“เจ้าของแดนลับภูเขาเทียนเหลียงน่าจะเป็นหร่วนชิงค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์นำเอาม้วนคัมภีร์ซึ่งถูกคนอื่นโยนทิ้งออกมาจากกระเป๋า
“ทำไมอยู่กับคุณได้ล่ะครับ?” อู๋ฝานสงสัย
“เพราะเรื่องราววุ่นวายทำให้ม้วนกระดาษนี่กลิ้งไปมากับพื้น พอเห็นไม่มีใครเก็บ ฉันก็เลยไปเก็บมันมาค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบ
ม้วนคัมภีร์ดังกล่าวไม่ได้อัดแน่นไปด้วยเคล็ดวิชาฝึกฝน ดังนั้นคนที่หยิบมันขึ้นมาในตอนแรกจึงสบถก่อนจะโยนทิ้ง จนสุดท้ายจึงตกมาอยู่ในมือของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์
“เขียนว่าอะไรครับ?” อู๋ฝานถาม
“เนื้อหาหลัก ๆ คือบันทึกชีวิตของคนที่เป็นเจ้าของแดนลับในช่วงตัดขาดจากโลกภายนอกค่ะ อธิบายว่าหลังเขาตายไปก็จะเก็บของที่ตนภาคภูมิใจสามสิ่งลงไปในโลงศพด้วย” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบกลับมา
“แล้วหร่วนชิงคือใคร? ตอนนั้นเหมือนจะมีคนรู้จักเขาไม่น้อยเลย” ถังอวี่เฟยถามขึ้นมา
“ชื่อหร่วนชิงเป็นที่รู้จักอยู่พอสมควร” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าตอบ “ผู้อาวุโสหร่วนชิงคืออัจฉริยะแห่งการฝึกตน ด้วยวัยสามสิบห้าก็สำเร็จเขตแดนกำเนิดสวรรค์ ตอนอายุสี่สิบห้าก็ได้ก้าวสู่ขั้นสูงสุดของเขตแดนกำเนิดสวรรค์ แต่หลังจากนั้นเขากลับหายตัวไป ข่าวลือบอกว่าเขาต้องการข้ามผ่านเขตแดนกำเนิดสวรรค์สู่ขอบเขตใหม่ เขาจึงเลือกตัดขาดจากโลกและเก็บตัวฝึกฝน หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีข่าวคราวอะไรอีก ผู้อาวุโสท่านนี้เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นอัจฉริยะในรอบพันปีด้วยซ้ำ และยังเป็นที่รู้กันว่าเป็นผู้เข้าใกล้ขอบเขตถัดไปมากที่สุด แต่น่าเสียดายที่นับตั้งแต่การเก็บตัวครั้งนั้นก็ไม่เคยมีข่าวของเขาอีกเลย ไม่นึกว่าจริง ๆ แล้วเขาจะอยู่ที่แดนลับแห่งภูเขาเทียนเหลียง”
“แข็งแกร่งถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” อู๋ฝานรับคำด้วยความตกใจไม่น้อย เรื่องนี้ทำให้เขารู้ว่าหนทางความก้าวหน้าของผู้ฝึกตนสู่เขตแดนกำเนิดสวรรค์มันยากเย็นเพียงใด หร่วนชิงที่อายุสามสิบห้าไปถึงเขตแดนกำเนิดสวรรค์ได้ย่อมถือเป็นอัจฉริยะตัวจริง เนื่องจากผู้ฝึกตนอายุประมาณนั้นส่วนใหญ่จะสำเร็จเพียงแค่ขอบเขตมืดขั้นสูงสุด หากนำมาเปรียบเทียบ หร่วนชิงก็ก้าวล้ำกว่ามหาศาล
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้ารับ “ตามบันทึกของม้วนกระดาษนี้ หลังผู้อาวุโสหร่วนชิงมาถึงภูเขาเทียนเหลียง การฝึกฝนก็ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่นัก หลังจากนั้นจึงหันไปเรียนรู้ศาสตร์เรื่องกลไกและการปรุงยา เพราะหวังว่าจะเป็นตัวช่วยให้ผ่านเขตแดนกำเนิดสวรรค์ขั้นสูงสุดได้ ผู้อาวุโสหร่วนชิงได้แสดงพรสวรรค์ในศาสตร์ทั้งสองอย่างออกมาอย่างยอดเยี่ยม หลังผ่านไปหลายสิบปีก็ประสบความสำเร็จหลายอย่าง แต่ไม่ว่าจะความสามารถใดในทั้งสองอันก็ไม่อาจช่วยให้ข้ามผ่านเขตแดนกำเนิดสวรรค์ได้ จนกระทั่งโรคภัยและความตายมาเยือน ผู้อาวุโสหร่วนชิงก็ยังหยุดอยู่ที่เขตแดนกำเนิดสวรรค์ขั้นสูงสุด”
“เขตแดนกำเนิดสวรรค์ขั้นสูงสุดแทบไม่มีทางข้ามไปได้เลยงั้นเหรอ?” ถังอวี่เฟยถามด้วยความสงสัย เพราะเธอแทบไม่รู้เรื่องอะไรในโลกผู้ฝึกตนเลย อันที่จริงก็รู้เพียงเล็กน้อยไม่ต่างกับอู๋ฝาน
“ทั้งโลกของผู้ฝึกตนไม่เคยมีใครข้ามผ่านเขตแดนกำเนิดสวรรค์ขั้นสูงสุดเลยแม้แต่คนเดียว แค่นี้น่าจะพอเดาความยากได้แล้วมั้ง?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบกลับ
ถังอวี่เฟยเพียงแลบลิ้นออกมาแก้เขินเป็นการตอบรับ
“ในเมื่อเจ้าของแดนลับภูเขาเทียนเหลียงคือผู้อาวุโสหร่วนชิง ก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมแดนลับถึงอันตรายขนาดนั้น ที่นั่นมีกลไกกับดักไม่น้อยเลย” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พึมพำออกมา
“ม้วนกระดาษนี่บอกว่าเขาเก็บของสามอย่างที่ภูมิใจที่สุดลงไปในโลงด้วย” ถังอวี่เฟยเผยดวงตาเป็นประกายขณะมองอู๋ฝาน “เจออะไรจากโลงศพบ้างคะ?”
“เป็นม้วนกระดาษครับ” ภายใต้สายตาใคร่รู้ของคนทั้งสอง อู๋ฝานจึงนำเอาม้วนคัมภีร์ที่ได้รับจากก่อนหน้านี้ออกมาจากกระเป๋า “เป็นสามอันนี้ครับ”
“ม้วนกระดาษอีกแล้ว?” ถังอวี่เฟยนิ่วหน้าแสดงความผิดหวัง เพราะเธอคิดว่าจะเป็นสมบัติตระการตา แต่ที่แท้กลับเป็นม้วนคัมภีร์
“เนื้อหาล่ะคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยถาม
“ยังไม่แน่ใจครับ ผมยังไม่ได้ตรวจสอบ” อู๋ฝานตอบกลับ
ชายหนุ่มคลี่ม้วนคัมภีร์ทั้งสามลงบนเตียงเพื่อตรวจสอบ
“วิชาแสนกลโม่ชิง?”
“สูตรยาอาทิตย์มรกต?”
“ตำรากระบี่สายฟ้าอินทนิล?”
หลังพวกอู๋ฝานได้เห็นเนื้อหาบนม้วนคัมภีร์ทั้งสาม จากที่เคยผ่อนคลายกลายเป็นต้องตื่นเต้นยินดี
ทั้งสามไม่อาจรอที่จะได้อ่านเนื้อหาบนม้วนคัมภีร์ และยิ่งอ่านไปมันก็มีแต่จะทำให้พวกเขาได้รู้แจ้ง
“ไม่ผิดแน่ พวกนี้คือของสามอย่างที่ผู้อาวุโสหร่วนชิงภูมิใจที่สุด” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่ได้อ่านถึงกับถอนหายใจออกมา “ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาใดในทั้งสามอันนั้น หากเปิดเผยออกสู่โลกภายนอก คงได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้แก่ผู้ฝึกตนทั้งวงการแน่ ถึงขนาดมากพอที่จะทำให้เกิดพายุโลหิตเลยด้วย”
อู๋ฝานและถังอวี่เฟยต่างพยักหน้ารับเห็นพ้อง เพราะเนื้อหาทั้งสามต่างก็ดีเยี่ยมในแบบของพวกมัน หากเปิดเผยออกไป คงมีผู้ฝึกตนที่พร้อมจะยอมแลกไม่ว่าด้วยอะไรก็ตาม
วิชาแสนกลโม่ชิง มันคือวิชากลไกที่หร่วนชิงได้เรียนรู้และทำความเข้าใจกับวิชากลไกของตระกูลโม่จนแตกฉาน มันไม่เพียงประกอบด้วยกับดักสารพัดสิ่ง แต่ยังรวมถึงการสร้างหุ่นเชิด อาวุธสำหรับบุกโจมตีและอื่น ๆ อีกมากมาย
ส่วนสรรพคุณของยาอาทิตย์มรกตคือการช่วยส่งเสริมให้ผู้ฝึกตนขอบเขตแปรสภาพขั้นสูงสุดก้าวสู่ขอบเขตกำเนิดสวรรค์!
และสุดท้ายคือตำรากระบี่อินทนิลที่เป็นวิชาระดับสวรรค์อันเลิศล้ำ!
…………………………………………………..