บทที่ 420 ความตายของซุนเจี้ยน
บทที่ 420 ความตายของซุนเจี้ยน
“จนถึงตอนนี้อู๋ฝานก็ยังไม่ออกมาเลย จะไม่เป็นไรแน่เหรอ?” ถังอวี่เฟยพึมพำด้วยความกังวล
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ตอบ แต่สายตาของเธอยังคงจ้องมองยังปากทางเข้าถ้ำด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก
ทางเข้าถ้ำถูกปิดเรียบร้อยแล้วแต่อู๋ฝานก็ยังไม่ออกมา ความหมายก็มีเพียงหนึ่งเดียว…
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์รีบทิ้งความคิดในแง่ร้ายเหล่านั้น เพราะอู๋ฝานจะต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน
ขณะนี้เองที่ซุนเจี้ยนนำเหล่าศิษย์สำนักเที่ยงยุทธ์กลับมา ก่อนหน้านี้คนของสำนักเที่ยงยุทธ์หวาดกลัวอู๋ฝานจึงทำให้โชคดีไม่เจอเหตุถ้ำถล่ม แต่พวกเขากลับไม่ได้รีบเดินทางกลับสำนัก กระทั่งกลับมายังที่เกิดเหตุ
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มองกลุ่มคนของสำนักเที่ยงยุทธ์ด้วยท่าทีระแวดระวัง ส่วนคนของหอคันธะสงัดต่างก็ยืนเฝ้าระวังเช่นเดียวกัน
“ไง ที่นี่วุ่นวายดีจริง ๆ ยอดฝีมือฝั่งพวกเธอหายไปไหนแล้วล่ะ” ซุนเจี้ยนมองแต่ไม่พบอู๋ฝานจึงเผยความหยิ่งผยองกับกลุ่มคนจากหอคันธะสงัด
เพราะก่อนหน้านี้ถูกอู๋ฝานข่มจนกลัวถึงขนาดต้องหลบหนี ซุนเจี้ยนรู้สึกทั้งอับอายและอัปยศ แต่ช่วงที่พวกเขาเพิ่งออกพ้นจากถ้ำได้ไม่นานกลับรับรู้ถึงแรงสั่นไหว ทำให้เขาตัดสินใจยังไม่เดินทางกลับ ทว่าเลือกที่จะนำเหล่าศิษย์สำนักเที่ยงยุทธ์วนกลับมาดูสถานการณ์
หลังเห็นผู้ฝึกตนมากมายหลบหนีออกมาจากถ้ำอย่างวุ่นวาย จำนวนผู้รอดชีวิตลดน้อยลงกว่าที่พวกเขาจำได้ค่อนข้างมาก และที่ซุนเจี้ยนให้ความสนใจที่สุดคือหอคันธะสงัด สุดท้ายจึงพบว่าแม้อีกฝ่ายออกมากันได้หมด แต่คนที่ทำร้ายเขาและสังหารผู้เป็นอาจารย์กลับไม่อยู่ เมื่อเห็นดังนั้นจึงรู้สึกว่าอาจเป็นโอกาสดี หลังจากตรวจสอบจนมั่นใจว่าอู๋ฝานคงไม่กลับออกมาแล้ว เขาจึงออกนำคนของตนแสดงตัวต่อหน้าคนของหอคันธะสงัดอีกครั้งหนึ่ง
“คิดจะทำอะไร?” ถังอวี่เฟยเอ่ยถามขึ้นมา
“ก็ไม่อะไร” ซุนเจี้ยนตอบรับอย่างเฉยชา “ก็แค่คิดล้างแค้นให้อาจารย์กับศิษย์น้องร่วมสำนักที่ตายไปก็เท่านั้นเอง!”
“ทั้งที่สำนักของพวกแกเป็นฝ่ายเริ่มเล่นงานพวกเราก่อนเนี่ยนะ!” ศิษย์คนหนึ่งจากหอคันธะสงัดพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ อีกฝ่ายบอกว่าต้องการล้างแค้นสำนักของพวกเธอ ทั้งที่อีกฝ่ายต่างหาที่เลือกจะซุ่มโจมตีสังหารเจ้าหอของพวกเธออย่างไร้ซึ่งเหตุผล มันเป็นวิธีต่ำช้าแต่ทำให้หอคันธะสงัดสูญเสียหนักหนา หากพูดถึงผู้ที่อยากล้างแค้นตอนนี้ก็ต้องเป็นพวกเธอต่างหาก!
“ใครเริ่มจะไปสำคัญอะไรล่ะ ที่สำคัญคือมีคนของหอคันธะสงัดสังหารคนจากสำนักเที่ยงยุทธ์ของพวกเราจนถูกตามล้างแค้นต่างหาก!” ซุนเจี้ยนอวดตัวอย่างไม่ยี่หระ ขอแค่อู๋ฝานไม่อยู่ คนที่เหลือก็ไม่นับเป็นตัวอะไรในสายตาเขาทั้งสิ้น หากวัดเพียงแค่พละกำลัง อย่างไรสำนักเที่ยงยุทธ์ก็ได้เปรียบ
“คนเลว! ไร้ยางอาย!” ถังอวี่เฟยสบถออกมา
เมื่อเห็นว่าซุนเจี้ยนกำลังคิดเปิดฉากสังหารคนของหอคันธะสงัดอีกครั้งหนึ่ง
ซุนเจี้ยนมองทางถังอวี่เฟยพลางถาม “พวกเธอสองคน ในเมื่อเข้าข้างนังพวกนี้ก็ตายไปด้วยกันซะเถอะ!”
ซุนเจี้ยนทราบว่าทั้งถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต่างก็เป็นคนของอู๋ฝาน ดังนั้นเขาจึงเกลียดชังคนเหล่านี้จากก้นบึ้งของหัวใจ ตอนนี้คือโอกาสเหมาะสมให้ลงมือ เขาจะไม่มีทางปล่อยผู้หญิงทั้งสองคนนี้ไปเป็นอันขาด!
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ชักกระบี่ออกจากฝัก ก่อนจะไปยืนตรงหน้าถังอวี่เฟยและกลุ่มคนหอคันธะสงัดด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก
เพียงซุนเจี้ยนออกคำสั่ง ศิษย์สำนักเที่ยงยุทธ์จึงเข้าประหัตถ์ประหารหอคันธะสงบัด ทั้งสองฝ่ายกำลังเปิดฉากสู้รบกันอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้คนของหอคันธะสงัดต่างก็ได้รับบาดเจ็บหนัก อาการของพวกเธอยังไม่หายดี หากยังต้องปะทะกันอีกครั้งคงตกเป็นรองโดยไร้ข้อกังขา ต่อให้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ปกป้องสุดตัวก็คงจบลงด้วยความตายไม่ก็บาดเจ็บ
ยังไม่กล่าวว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตัวคนเดียว แม้วิชากระบี่ของเธอจะเลิศล้ำเพียงใด แต่การฝึกฝนก็ยังถูกจำกัดที่ขอบเขตสว่างขั้นสูงสุด แม้ต้านรับเอาไว้ได้ก็ไม่อาจนาน กลุ่มคนในที่นี้ต่างก็ทราบดี ดังนั้นซุนเจี้ยนจึงไม่รีบร้อนลงมือ กระทั่งเผยสีหน้าท่าทีมั่นอกมั่นใจมองคนของหอคันธะสงัดที่ต้องเผชิญศึกอันขื่นขม
หลังศึกครั้งนี้เขาจะนำศิษย์สำนักเที่ยงยุทธ์เดินทางกลับ เพราะความตายของเถาหรูไห่ ทำให้เขาคือผู้มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะได้รับสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักสายตรง และด้วยความดีความชอบจากการเก็บกวาดครั้งนี้ จะยิ่งทำให้การสืบทอดตำแหน่งของเขามั่นคงมากยิ่งขึ้น
ขณะซุนเจี้ยนกำลังนึกถึงอนาคตอันรุ่งโรจน์ ทันใดนั้นเองที่เกิดรู้สึกเจ็บบริเวณขา ทั้งร่างโอนเอนก่อนจะล้มลง และไม่นานก็ได้เห็นร่างคุ้นเคยเดินมาจากบริเวณปลายสายตา
“มันยังอยู่ได้ยังไง? ไม่ใช่ว่าตายในถ้ำไปแล้ว?” หลังเห็นอีกฝ่าย ซุนเจี้ยนถึงขั้นตื่นตระหนก เดิมเขากล้าเคลื่อนไหวก็เพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายที่ร้ายกาจตายอยู่ในถ้ำแล้ว ไม่ได้นึกว่าคนจะปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน
แต่ตอนนี้เขาไม่เหลือเวลาให้สงสัยว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงยังไม่ตาย เพราะการปรากฏตัวตรงหน้าขณะนี้ทำให้ซุนเจี้ยนตระหนักได้ถึงอันตรายจนคิดหลบหนี ทว่าเพราะเพิ่งถูกหินขว้างเล่นงานตรงขา ความเจ็บปวดยังคงแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างจนทำให้ไม่อาจลุกหลบหนี อีกฝ่ายยังคงเดินเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วพร้อมฟาดฝ่ามือลงที่แผ่นหลังของเขา
“ฟึ่บ!”
ภายในลำคอของซุนเจี้ยนรับรู้ได้ถึงกลิ่นฉุนพร้อมเลือดกระอักออกมาเต็มปาก ทั้งร่างล้มตึงลงกับพื้น
ซุนเจี้ยนรู้ได้ถึงฝ่าเท้าที่เหยียบลงบนแผ่นหลังตน สิ่งนี้ทำให้การหายใจยิ่งเป็นเรื่องยาก
“อู๋ฝาน!”
กลุ่มคนที่เห็นว่าชายหนุ่มกลับมาแล้วไม่ได้มีเพียงแค่ซุนเจี้ยน แต่ยังมีพวกหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ขณะนี้ถังอวี่เฟยตะโกนเรียกเสียงดังด้วยความยินดี ส่วนหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ยิ้มออกมาเช่นกัน
คนที่เพิ่งปรากฏตัวไม่ใช่ใคร เป็นอู๋ฝาน!
หลังอู๋ฝานออกมาจากพื้นก็ได้เห็นว่ากลุ่มคนสำนักเที่ยงยุทธ์กำลังคิดปิดล้อมโจมตีสำนักคันธะสงัดอีกครั้ง เพราะตอนนี้เขาคือเจ้าหอ เมื่อเห็นเรื่องเหล่านี้จะนิ่งดูดายได้งั้นเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังถูกลากไปเกี่ยวข้อง เพราะเหตุดังกล่าวเขาจึงไม่อาจนิ่งเฉยจนต้องลงมือเพื่อสังหารซุนเจี้ยนให้สิ้นเรื่องราว
“ซุนเจี้ยน ก่อนหน้านี้ฉันอุตส่าห์ละเว้นชีวิตให้ ตอนนี้ไม่สำนึกทั้งยังกล้าดี ดังนั้นอย่าหาว่าฉันไร้มารยาทก็แล้วกัน” อู๋ฝานเผยเสียงเย็นยะเยือก
เหมือนดังที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เคยบอกไว้ ข้อพิพาทระหว่างสำนักเที่ยงยุทธ์และหอคันธะสงัดได้ฝังรากลึกจนไม่อาจคลี่คลายได้ง่าย ๆ อีกต่อไป การกระทำของซุนเจี้ยนในปัจจุบันถือเป็นสิ่งยืนยันการวิเคราะห์ของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ด้วยฐานะเจ้าหอแห่งหอคันธะสงัดคนปัจจุบัน อู๋ฝานจึงต้องคิดถึงสำนักเป็นอย่างแรก ดังนั้นเขาจะไม่มีทางปล่อยใครก็ตามที่ตั้งตัวเป็นศัตรูไป
“ไม่ อย่าฆ่าฉันเลย!” ขณะรับรู้ถึงจิตสังหารจากร่างของอีกฝ่าย ซุนเจี้ยนก็รู้สึกแข้งขาอ่อนแรง ข้อมือที่หักอยู่แต่เดิมทำให้สูญเสียกำลังไปอย่างมหาศาล แม้สภาพเต็มร้อย แต่เขาก็ยังไม่อาจรับมืออู๋ฝานด้วยซ้ำ ขณะนี้จึงทำได้เพียงร้องขอความเมตตา
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันรับปากว่าจะไม่เสนอหน้ามาให้หอคันธะสงัดเห็นอีก!” ซุนเจี้ยนพยายามอ้อนวอน
“คิดว่าฉันจะเชื่องั้นสิ?” อู๋ฝานเผยสีหน้าเหยียดหยัน เพราะทราบดีว่าคนเช่นซุนเจี้ยนเป็นยังไง ไม่ต้องเดิมพันเขาก็กล้าพูดว่าตราบใดที่มีโอกาส อีกฝ่ายจะหาทางลงมือจัดการหอคันธะสงัดอย่างไม่ต้องสงสัย คนเช่นนี้จะปล่อยให้รอดไปอีกไม่ได้!
“ขอร้อง เชื่อฉันเถอะนะ! ฉัน!?…” ซุนเจี้ยนพยายามอ้อนวอนร้องขอการให้อภัย แต่อู๋ฝานไม่เสียเวลาให้อีกฝ่ายเปิดปากพูดนานกว่านี้ ทันใดนั้นเท้าของเขาก็เคลื่อนที่อย่างรุนแรงกระทืบลำคอจนเกิดเสียงแกร๊ก บ่งบอกว่ามันหักเรียบร้อยแล้ว
แม้เป็นซุนเจี้ยน แต่เมื่อหักคอก็ไม่มีทางรอดชีวิต ร่างนั้นนอนนิ่งไม่ไหวติงกับพื้นและไร้ซึ่งลมหายใจ
ซุนเจี้ยนถึงแก่ความตาย!
…………………………………………………..