บทที่ 412 สู้ศึก
บทที่ 412 สู้ศึก
“ซ่อนเอาไว้เหรอเนี่ย?” เมื่อเถาหรูไห่เห็นอู๋ฝานระเบิดความแข็งแกร่งออกมาก็ตกใจ ก่อนหน้านี้เขามองว่าอีกฝ่ายไม่ได้แข็งแกร่งอะไร ทว่าตอนนี้รู้แล้วว่าข้อสรุปของตนผิดพลาด เพราะชายหนุ่มแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก!
แม้แบบนั้นเถาหรูไห่ก็ยังคงเผยสีหน้าชั่วร้ายออกมาขณะพึมพำกับตัวเอง “แข็งแกร่งกว่าที่คิดแล้วยังไง วันนี้แกก็ต้องตายที่นี่อยู่ดี!”
เถาหรูไห่คือยอดฝีมือขอบเขตแปรสภาพขั้นกลาง ขณะที่อู๋ฝานไม่มีทางสำเร็จถึงขอบเขตแปรสภาพ แม้การระเบิดพลังจะทำให้เขาประหลาดใจพอสมควร แต่อย่างไรอีกฝ่ายก็ยังไม่ควรค่าให้ต้องใส่ใจ
ยิ่งไปกว่านั้น เพราะการระเบิดพลังอย่างกะทันหันของอู๋ฝาน ทำให้เถาหรูไห่ยิ่งเกิดความคิดฆ่าฟันที่ชัดเจนขึ้น อีกฝ่ายที่ยังเด็กแต่กลับฝึกฝนจนถึงขั้นนี้ได้ นับเป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยาก และตอนนี้ก็ยังมีเรื่องขัดแย้งกับสำนักเที่ยงยุทธ์ของพวกเขาอีก เรื่องนี้จึงยิ่งเป็นเหตุผลให้เถาหรูไห่ไม่อาจปล่อยชายหนุ่มให้รอดชีวิตไปได้ ไม่เช่นนั้นต่อไปอีกฝ่ายที่เติบใหญ่กว่านี้จะไม่ลุกขึ้นมาจัดการพวกตนเหรอ?
ดังนั้นวันนี้อู๋ฝานต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เถาหรูไห่จึงเร่งกระบวนท่าการโจมตีให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น เพื่อหาทางปลิดชีพนักพรตหญิงฮุ่ยเหวินโดยเร็วที่สุด เพราะเสร็จจากตรงนี้จะได้ไปลงมือจัดการอู๋ฝาน!
หลังอู๋ฝานเล่นงานศิษย์สำนักเที่ยงยุทธ์ที่ปิดล้อมเล่นงานตนเองเรียบร้อย เขาจึงสามารถไปช่วยทางด้านหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ได้ ทำให้กลุ่มคนที่รายล้อมสามหญิงสาวเริ่มลดจำนวนลง
“ไม่เป็นไรใชไหมครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถามหลิ่วเหยียนเอ๋อร์
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ส่ายหน้าตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ”
หลังได้ยินดังนั้นเขาจึงค่อยวางใจได้
“อู๋ฝาน! ขอร้อง… ช่วยผู้อาวุโสของฉันด้วยค่ะ ช่วยเหล่าศิษย์พี่น้องร่วมสำนักของฉันด้วยนะคะ!” ตอนนี้เองที่เป้ยอวี่ฉวนเข้ามาจับไหล่ของอู๋ฝานเพื่อร่ำร้องขอความช่วยเหลือ
เป้ยอวี่ฉวนไม่เพียงแค่พูด แต่ยังต้องการคุกเข่าโขกศีรษะให้ สภาพชวนเวทนาของศิษย์พี่น้องร่วมสำนัก ทำให้ใจเธอแทบแหลกสลาย ทว่าตัวเธอนั้นกลับไม่อาจทำอะไรได้ หลังพบเห็นอู๋ฝานระเบิดความแข็งแกร่งออกมา ใจที่สิ้นหวังจึงเกิดความคาดหวังขึ้นมาจนทำให้เธออ้อนวอนร้องขอความช่วยเหลือ
“ลุกก่อนครับ” อู๋ฝานช่วยพยุงร่างเป้ยอวี่ฉวนให้ลุกขึ้น “ผมจะช่วยพวกเขาเท่าที่ทำได้นะครับ”
ชายหนุ่มรู้ดีว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ เขาก็เกี่ยวข้องกับศึกระหว่างสำนักเที่ยงยุทธ์และหอคันธะสงัดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อรวมกับเรื่องที่ทำร้ายซุนเจี้ยนที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักเที่ยงยุทธ์ ก็ถือได้ว่าตนสร้างความขัดแย้งอย่างไม่มีทางหลุดพ้นจากปัญหาแล้ว ด้วยนิสัยของเถาหรูไห่จะไม่มีทางปล่อยให้อู๋ฝานที่เข้ามาแทรกแซงเรื่องราวรอดพ้น ต่อให้ตอนนี้คิดพาหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยถอยกลับไปก็ถือว่าสายเกินไปแล้ว
ทางออกจึงมีแต่ต้องจัดการคนของสำนักเที่ยงยุทธ์ เพราะมันไม่เพียงจะช่วยหอคันธะสงัดได้ แต่ยังรวมถึงตัวพวกเขาเองด้วย
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ!” เป้ยอวี่ฉวนบอก เพราะอู๋ฝานกลายเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเธอ หลังได้รู้ว่าอีกฝ่ายตอบรับให้ความช่วยเหลือ ในใจเธอจึงยิ่งซาบซึ้งตื้นตัน
“เจ้าสำนักเที่ยงยุทธ์แข็งแกร่งมาก แน่ใจแล้วเหรอคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถามด้วยความกังวล
“แน่ใจเหรอครับ? ไม่เลย” อู๋ฝานส่ายหน้า
“ไม่เลย?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เบิกตากว้าง “งั้นพวกเราไม่เข้าไปยุ่งอาจจะดีกว่านะคะ”
แม้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์อยากช่วยเป้ยอวี่ฉวน แต่เหนืออื่นใดคือเธอไม่ต้องการเห็นอู๋ฝานตกอยู่ในอันตราย อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเพียงแค่คนที่บังเอิญเจอกัน ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่ต้องการให้เขาเข้าไปเสี่ยงอันตรายเกินจำเป็นถึงขนาดนี้
“ตอนนี้ต่อให้พวกเราอยากถอนตัวก็เกรงว่าจะไม่ได้แล้วครับ ผมทำร้ายศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักเที่ยงยุทธ์ไปแล้ว เจ้าสำนักของเขาก็ประกาศชัดเจน คิดว่าพวกเราจะหนีออกไปได้งั้นเหรอครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เริ่มครุ่นคิด ก่อนจะพบว่าสถานการณ์ในปัจจุบันไปทางใดก็ยากลำบาก
อู๋ฝานยิ้มบาง ๆ ตอบรับ “ไม่ต้องกังวลนะครับ ถึงผมจะไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะได้ไหม แต่ถ้าคิดฆ่าผมไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน”
อู๋ฝานยังมีความสามารถในการรักษาชีวิต คนอื่นเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่เขาครอบครองวิชาดำดินที่สามารถใช้งานในยามคับขันได้ แน่นอนว่าวิชาอันยอดเยี่ยมย่อมไม่สามารถใช้งานได้บ่อยครั้ง และตนก็ไม่อยากใช้งานต่อหน้าผู้คนมากมายด้วยเช่นกัน
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังคิดจะพูดอะไรออกมา แต่อู๋ฝานตบไหล่ของเธอเป็นการปลอบโยนให้วางใจ จากนั้นจึงถือดาบใหญ่ที่ชิงมาพุ่งเข้าไปห้ำหั่นกับเถาหรูไห่
เถาหรูไห่คือเจ้าสำนักเที่ยงยุทธ์ เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนัก ตราบใดที่สังหารอีกฝ่ายได้ สถานการณ์ฝั่งของอู๋ฝานจะพลิกกลับเปลี่ยนเป็นอีกเรื่อง
อู๋ฝานคิดเข้าไปลงมือ เถาหรูไห่ก็ทราบเช่นกัน กระทั่งประหลาดใจกับความหาญกล้าของอีกฝ่ายจนต้องหัวเราะเสียงเย็นยะเยือกออกมา “เลือกได้ดี! ยังไงก็ต้องฆ่าทิ้งอยู่แล้ว ในเมื่อยื่นคอมารับความตายด้วยตัวเองก็ขอสนองให้แล้วกัน!”
จบคำ ถังหรูไห่ก็ใช้ฝ่ามือเล่นงานฮุ่ยเหวินจนกระเด็นพร้อมหันมาเล่นงานอู๋ฝาน
“ตึง!”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายบุกเข้าหา อู๋ฝานก็เหวี่ยงดาบออกไปครั้งหนึ่ง จันทร์ครึ่งเสี้ยวจากวงดาบปรากฏกลางอากาศหมายฟาดปะทะเถาหรูไห่
แต่อีกฝ่ายตอบสนองรวดเร็ว เพียงก้าวเท้าก็สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของอู๋ฝานได้ ขณะหลบเลี่ยงชายวัยกลางคนก็ยังพลิกฝ่ามือทั้งสองออกกระบวนท่า ฝ่ามือหนึ่งเล่นงานที่หน้าอก อีกฝ่ามือหนึ่งเล่นงานที่หน้าท้อง
อู๋ฝานตะลึงอยู่ในใจพร้อมถอนดาบกลับมาเพื่อหลบเลี่ยง แต่ขณะร่างกายเคลื่อนไหว เถาหรูไห่กลับตามติดใช้ขาขวาปะทะกับขาของชายหนุ่ม เพราะถูกแรงปะทะอย่างกะทันหันทำให้ก้าวเท้าไม่มั่นคง คู่ต่อสู้สามารถเข้าประชิดตัวได้อีกครั้ง พร้อมสะบัดฝ่ามือเล่นงานเข้าที่ใบหน้าของเป้าหมาย
หลังเห็นอู๋ฝานตกอยู่ในอันตราย ทั้งหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยต่างกังวล ขณะกลุ่มคนที่รับชมไม่ได้แสดงท่าทีประหลาดใจออกมา อย่างไรเถาหรูไห่ก็เป็นเจ้าสำนัก ทั้งยังเป็นถึงสำนักชั้นสองแถวหน้า ในเมื่อปะทะตัวต่อตัวย่อมมีแต่จะทำให้อีกฝ่ายต้องถอยอย่างต่อเนื่อง บางคนกระทั่งคิดว่าเขาไม่มีทางหลบได้เกินสามกระบวนท่าด้วยซ้ำ ไม่ช้าอย่างไรก็ต้องถูกอีกฝ่ายสังหาร
ตอนนี้อู๋ฝานไม่เหลือเวลาให้ใส่ใจความคิดของคนอื่นรอบข้าง เพราะเห็นเถาหรูไห่กำลังเปิดฉากรุกไล่หมายสังหาร เขาจึงหันกลับไปพร้อมใช้เท้าขวาถีบร่างของคู่ต่อสู้อย่างรุนแรง
“ตึง!”
ขาของอู๋ฝานปะทะเข้ากับฝ่ามือของเถาหรูไห่ แรงกระแทกสั่นไหวโลดแล่นมาตามขาของชายหนุ่ม แต่เขาอดกลั้นเอาไว้พร้อมเตะใส่อีกฝ่ายอย่างต่อเนื่องไม่ถอนเท้า
ขาของอู๋ฝานรู้สึกเหน็บชา ฝ่ามือของเถาหรูไห่ก็รู้สึกไม่สบายเช่นกัน เนื่องจากไม่คาดว่าคู่ต่อสู้อายุน้อยตรงหน้าจะมีเรี่ยวแรงมหาศาล แม้เทียบกับตัวเขาก็ยังด้อยกว่าแค่เล็กน้อย เรื่องนี้ยิ่งทำให้ในใจของเขาหวาดหวั่น เขาคือขอบเขตแปรสภาพขั้นกลาง อู๋ฝานที่โผล่มาจากที่ใดก็ไม่รู้ แค่ด้านพละกำลังกลับสามารถทัดเทียมเขาได้ เพียงเรื่องนี้ก็พบว่ายากจะทำใจยอมรับแล้ว
แน่นอนว่าเถาหรูไห่ไม่ได้มีเพียงแค่พละกำลัง แม้ในใจตื่นตระหนกกับความแข็งแกร่งของอู๋ฝาน แต่เขาก็ไม่ได้มองว่าตนเองจะต้องพ่ายแพ้ให้แก่อีกฝ่าย ตอนนี้เห็นคู่ต่อสู้ลงมือต่อไม่หยุดพัก เขาจึงต้องออกกระบวนท่าต้านรับการโจมตีเอาไว้
วิชาขาห่วงโซ่ของอู๋ฝานยังคงแข็งแกร่งและรวดเร็ว แต่มันเพิ่งสำเร็จได้เพียงขั้นที่หนึ่งเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับขอบเขตแปรสภาพขั้นกลางเช่นคู่ต่อสู้ในปัจจุบัน แม้ท่วงท่าการออกขาจะรวดเร็ว แต่อีกฝ่ายก็สามารถใช้ฝ่ามือสกัดต้านรับเอาไว้ได้ เรียกได้ว่าแทบไม่อาจทำให้คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บเลย
ขณะใกล้จบกระบวนท่าโจมตีของวิชาขาห่วงโซ่ เถาหรูไห่เล็งเห็นจุดบอดพร้อมทั้งออกฝ่ามืออย่างรวดเร็วใส่หน้าท้องของอู๋ฝาน ชั่วพริบตานี้ชายหนุ่มจึงรู้สึกจุกเสียดในช่องท้องจนยากที่จะทนทาน กระทั่งจุกขึ้นมาถึงกลางอกจนร่างของเขาต้องเซถอยกลับไปหลายก้าว