ตอนที่ 476 : วิกฤตของพวกกลายพันธุ์
ตั้งแต่โบราณมา ยอดฝีมือระดับสูงสุดคือเครื่องหมายที่สูงส่งที่สุดในทวีป มันเป็นเป้าหมายของผู้คนนับไม่ถ้วน เพื่อที่จะก้าวขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด ผู้บ่มเพาะนับไม่ถ้วนต่างก็หาวิธีทางต่างๆ บางทีอาจจะมีสักคนในรอบพันปีที่ได้ขึ้นไปในระดับนั้น ในแต่ละยุคอัจฉริยะนับไม่ถ้วนได้ตายไป ดังนั้นจึงอาจจะใช้เวลาหลายพันปีกว่าที่จะมียอดฝีมือระดับสูงสุดกำเนิดขึ้นมา
ยอดฝีมือระดับสูงสุดคือตัวแทนแห่งความสูงส่ง มันแทนถึงความอิสระและชีวิตที่ยืนยาว !
ไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็ต้องการเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด ไม่มีใครต้านทานเป้าหมายนี้ได้ !
ยอดฝีมือระดับสูงสุดทุกคนต่างก็เป็นอัจฉริยะของยุค พวกเขาต่างก็มีความเย่อหยิ่งของตัวเอง !
แต่ตอนนี้กลับมีโอสถที่ทำให้คนกลายเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดได้ทันที…
ไม่อาจจะรับได้ !
ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดคนไหนต่างก็ไม่อาจจะรับความจริงนี้ได้ !
พวกเขาใช้เวลาในวัยเยาว์อดทนต่อความโดดเดี่ยวและพยายามมาหลายพันปี สุดท้ายพวกเขาก็กลายเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดได้และก้าวเข้ามายังจุดสูงสุดของโลกแต่พวกเขากลับยังไม่ทันได้ยินดี ก็พบว่ามันมีกลุ่มคนที่กินโอสถและกลายเป็นตัวตนที่อยู่ระดับเดียวกับพวกเขาได้ มันเท่ากับการตบหน้าพวกเขา !
ลมหายใจของแต่ละคนถี่ขึ้นมา สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกดดัน “หากมันง่ายที่จะขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด งั้นการที่พวกเราพยายามมาตลอดหลายปีนี้จะมีประโยชน์อะไร?”
มุมมองที่พวกเขามีต่อโลกนี้ถูกพังทลาย
“ไม่ ใช่ว่าจะได้มาฟรีๆ” ฝางมู่ปลอบใจตัวเอง “แม้ว่าพวกเขาจะก้าวมาอยู่ในระดับเดียวกับพวกเราได้ แต่พวกเขาก็ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ไม่ใช่แม้แต่สัตว์อสูร พวกเขาคือกลุ่มสัตว์ประหลาด มนุษย์ไม่อาจจะยอมรับพวกเขา สัตว์อสูรเองก็ไม่ยอมรับพวกเขา มันไม่มีที่สำหรับพวกเขาในโลกนี้”
อันที่จริงแม้ว่าพวกกลายพันธุ์จะแข็งแกร่งแต่มันก็ไม่เคยอยู่ในสายตาของคนทั้งโลก
เพราะพวกเขารู้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมีพลังพอที่จะจัดการกับมนุษย์และสัตว์อสูร ตอนที่ปรากฏตัวออกมาในโลกนี้ พวกเขาจะถูกมนุษย์และสัตว์อสูรโจมตี ไม่ว่าจะเป็นสำหรับมนุษย์หรือสัตว์อสูร ทั้งสองเผ่าพันธุ์ก็ไม่อาจจะปล่อยให้สิ่งมีชีวิตแบบนี้อยู่รอดต่อไปได้
“แต่…สำหรับคนที่ฝันจะขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดแล้ว ราคาที่ต้องจ่ายไปไม่ได้มีค่าใดๆเลย” ชุยเจี่ยนยังไม่อาจจะทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้ “ลองคิดดูว่ามีใครบ้างที่อยากขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด คนแบบนั้นในโลกนี้มีอยู่มากมาย….”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างก็เงียบไป มันมีสมาชิกในพันธมิตรกลายพันธุ์เป็นร้อยๆคน บางคนอาจจะมีกองกำลังอยู่แล้วแต่พวกเขาก็ยอมเข้าร่วมกับพันธมิตรนี้ ยังไงซะโลกนี้คนที่แข็งแกร่งก็มีสิทธิเหนือผู้อื่น ความเย้ายวนนี้ไม่ใช่น้อยๆ มีไม่กี่คนที่ต้านทานมันได้ เอาเซิงเฟิงเป็นตัวอย่าง แต่เซิงเฟิงไม่ได้โชคดีและถูกมองว่าเป็นพวกล้มเหลว
ลั่วซู่หยางสูดหายใจเข้าลึกๆและถามเซิงเป่ยซิ่ว “โอกาสที่จะกำเนิดพวกกลายพันธุ์ขั้นสูงนั้นมากหรือไม่?”
เฉินกูและชุยเจี่ยนต่างก็มองไปที่เซิงเป่ยซิ่ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือเรื่องสำคัญอย่างมาก
“ไม่ใช่แค่ไม่สูงแต่ยังต่ำอย่างมาก” เซิงเป่ยซิ่วไม่สนว่าทำไมลั่วซู่หยางถึงได้ถามออกมาแบบนี้ เขาไม่คิดจะตุกติก เขาบอกทุกอย่างที่ตัวเองรู้ออกมา “ยาลึกลับนั้น พวกเขาเรียกมันว่ายาพลิกชีวิต มันหมายถึงการเปลี่ยนแปลงชีวิต วัสดุสำหรับยานี้เอามาจากสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง, เลือดกับเนื้อของมนุษย์ก่อนจะผ่านการปรุงที่ซับซ้อนและกินเวลาอันยาวนาน บอกได้ว่ายาพลิกชีวิตนี้ล้ำค่าอย่างมาก มันมีค่ามากยิ่งกว่ายาขั้น 5 พวกนั้นจับตัวปรมาจารย์ปรุงยา 5 ดาวมาหลายคนและปรมาจารย์ปรุงยา 6 ดาวอีกหนึ่งคน ใช้เวลาหลายพันปีกว่าจะคิดหาทางปรุงยาขึ้นมาได้ ซึ่งปรุงยาแบบนี้ขึ้นมาได้ไม่ถึงหมื่นเม็ด…”
“ด้วยยาพลิกชีวิตกว่าหมื่นเม็ด กลับสร้างยอดฝีมือระดับสูงสุดแค่สามคน, ยอดฝีมือขอบเขตตุ้นซวน, หลี่ซวนและหลิงซวนอีกหลายคน คนที่เหลือกว่า 9 ใน 10 ต่างก็เป็นพวกล้มเหลว พวกนั้นต่างก็ถูกกำจัด โอกาสเหล่านี้เจ้าคงคิดออก…”
โหดร้าย เลือดเย็นและป่าเถื่อน !
ตอนนี้ลั่วซู่หยางและคนอื่นๆเริ่มเข้าใจพันธมิตรกลายพันธุ์ขึ้นมาบ้างแล้ว !
ยาที่ทำจากเลือดเนื้อของมนุษย์ พวกเขาจะกินมันได้ยังไง ?
คนพวกนี้ไม่มีความคิดที่มนุษย์ควรจะมีด้วยซ้ำ !
“ใช่สิ นอกจากนี้ยังมีจุดบกพร่องหนึ่งที่ทำให้คนพิการได้” อยู่ๆเซิงเป่ยซิ่วก็นึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมา ปัญหานี้ทำให้ยอมเข้าร่วมกับพันธมิตรกลายพันธุ์ได้
ลั่วซู่หยางถามขึ้นมา “จุดบกพร่องอะไรกัน?”
เซิงเป่ยซิ่วสูดหายใจเข้าลึกๆและแสดงสายตาโกรธแค้นออกมา “ใครก็ตามที่กินยาพลิกชีวิตเข้าไป พวกเขาจะไม่อาจให้กำเนิดทายาทได้ พวกคนในพันธมิตรกลายพันธุ์ต่างก็ไม่อาจจะมีทายาทได้อีก….ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากจะมีทายาท แต่ตอนที่กินยาเข้าไป พวกเขาก็เสียความสามารถในการสืบพันธุ์ไป”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
พวกคนในพันธมิตรกลายพันธุ์ต่างก็มีจิตใจไม่ปกติ มันเป็นภัยต่อทวีปที่อาจจะทำลายทั้งทวีปได้ หากพวกนี้มีความสามารถในการสืบพันธุ์ งั้นมันคงเป็นปัญหาใหญ่ !
“เจ้ารู้จักชื่อของพวกเขาหรือไม่?” ลั่วซู่หยางตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “พวกกลายพันธุ์ขั้นสูงทั้งสามคนและผู้นำทั้งสองนั่น”
เซิงเป่ยซิ่วส่ายหน้าและพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ผู้นำทั้งสองนั้นลึกลับ ทั้งสองไปมาและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเขาไม่เคยเปิดเผยใบหน้าจริงๆออกมา นี่ไม่ต้องพูดถึงชื่อเลย แม้แต่รูปลักษณ์ภายนอกนั้นข้าก็ไม่เคยเห็น ฟังจากพวกกลายพันธุ์คนหนึ่งพูดมา ผู้นำทั้งสองต่างจากพวกเขา พวกนั้นเป็นมนุษย์บริสุทธิ์ สำหรับพวกกลายพันธุ์ขั้นสูงทั้งสามคนนั้น พวกเขาไม่เคยพูดชื่อของตัวเองมาก่อน ตอนที่พวกเขาเรียกขานกัน พวกเขาจะเรียกชื่อแฝงของตัวเอง ”
หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่สีหน้าของเซิงเป่ยซิ่วก็ดูซับซ้อนขึ้นมา “หลักๆแล้วเป็นพวกกลายพันธุ์ขั้นสูงที่ติดต่อกับข้า เขาใช้ชื่อว่า ‘เทพ’ ส่วนอีกสองคนใช้ชื่อว่า ‘ปีศาจ’ และ ‘น้ำเงิน’ เทพเกิดขึ้นเมื่อ 3,000 ปีก่อน ปีศาจเกิดมาเมื่อ 2,000 ปีก่อน ส่วนน้ำเงินเกิดมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน”
หลังจากนั้นเซิงเป่ยซิ่วก็หลับตาลงและพูดขึ้นมาช้าๆ “หากเจ้าต้องการจะทำลายพันธมิตรกลายพันธุ์ พวกเจ้าควรจะเร่งมือ ข้าได้ยินเทพพูดเมื่อปีก่อนว่านักปรุงยาในพันธมิตรใช้เวลาไปเกือบปีคิดค้นยาพลิกชีวิตแบบใหม่ขึ้นมาได้สำเร็จ…ยาพลิกชีวิตแบบใหม่นั้นแม้ว่าจะยังคงมีส่วนผิดพลาดแบบเดิม แต่มันก็มีโอกาสสูงที่จะสร้างพวกกลายพันธุ์ขั้นสูงขึ้นมาได้ เวลาของพวกเจ้าเหลือน้อยลงเรื่อยๆ…”
สำหรับพันธมิตรกลายพันธุ์แล้ว เซิงเป่ยซิ่วมีแค่ความโกรธแค้นเท่านั้น เพราะโชคชะตาที่น่าเศร้าของสองพ่อลูกนี้คือสิ่งที่พันธมิตรกลายพันธุ์สร้างขึ้นมา
หากเขาทำได้ เขาอยากจะไปฆ่าคนพวกนั้นเพื่อระบายความแค้นที่มี !
มันเพราะภาพฝันที่เขาคิดไว้ในใจว่าพันธมิตรจะคิดค้นยาที่ไม่มีผลข้างเคียงขึ้นมาได้ หากกินยานั้นเข้าไป ลูกชายของเขาจะได้กลับไปเป็นปกติ
ตอนนี้เมื่อเขาตกอยู่ในกำมือของเฉินกูและคนอื่นๆ ความฝันลมๆแล้งๆนั้นก็พังทลายไปด้วย ความเกลียดชังที่เขากักเก็บไว้ในใจมาตลอดหลายปีได้พรั่งพรูออกมาและแผ่ไปทั่วสมองของเขา !
เมื่อได้ยินที่เซิงเป่ยซิ่วพูด ลั่วซู่หยางก็สีหน้าซับซ้อนขึ้นมา “ยาพลิกชีวิตแบบใหม่รึ?”
นี่ถือว่าเป็นข่าวร้ายที่สุด !
หากมันมีคนบ้าสร้างกลุ่มพวกกลายพันธุ์ขั้นสูงขึ้นมา ใครบ้างจะจัดการพวกนั้นได้ ? มนุษย์กับสัตว์อสูรไม่ใช่ว่าจะหายไปจากโลกนี้หรือไง ?
พวกเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของเจ้าสำนัก ว่าสูงพอที่จะรับมือกับยอดฝีมือระดับสูงสุดสัก 10 คนได้ แต่หากเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นพันคนล่ะ?
นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่คิดไปเอง แต่มันอาจจะเป็นไปได้จริงๆในอนาคต !
ตอนนั้นแม้แต่สีหน้าของเฉินกูก็ยังดูเคร่งเครียดขึ้นมา เขาแสดงสายตาที่เป็นกังวลออกมา “พวกพันธมิตรกลายพันธุ์ต้องการทำอะไรกันแน่ ? ปกครองโลกงั้นรึ ?” หากพันธมิตรกลายพันธุ์สร้างกลุ่มยอดฝีมือระดับสูงสุดขึ้นมาจำนวนมากได้จริง เช่นนั้นโลกป่าขั้นต่ำก็ต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของพวกนั้น แม้แต่เผ่ามังกรก็ไม่อาจจะต้านทนาได้
เซิงเป่ยซิ่วสีหน้าเปลี่ยนไป เขาเผยรอยยิ้มพอใจออกมา “ฮาฮา ! ยังไงซะเราพ่อลูกก็ต้องตายกันแล้ว จุดจบของมนุษย์จะเป็นยังไง ข้าไม่อาจจะเข้าไปควบคุมได้ มีแต่พวกเจ้าที่ต้องปวดหัวกันต่อไป!”
“ไม่ เราต้องหาตัวพวกนั้นให้เจอ !” ลั่วซู่หยางแสดงท่าทีลนลานออกมา “หาตัวพวกนั้นให้เจอ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!”
เนื่องจากเขาเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด เขาจึงรู้สึกได้ถึงเภทภัยก่อนคนอื่น ภัยนี้มากกว่าภัยจากการที่ยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่กำเนิดขึ้นมากว่าสิบเท่า ยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่นั้นพอเจรจาต่อรองกันได้แต่พวกกลายพันธุ์นั้นไม่อาจจะต่อรองได้เลย พวกนี้ไม่ได้มีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่
เฉินกูแสดงสีหน้เคร่งเครียดออกมา “แม้ว่าพลังของเผ่าสัตว์อสูรจะไม่มากแต่เราต้องหาตัวพวกนี้ให้เจอ !”
เซิงเป่ยซิ่วหัวเราะออกมาอย่างพอใจกับความโชคร้ายของผู้อื่น “ยิ่งพวกเจ้าสู้กันเท่าไหร่ ข้ายิ่งพอใจเท่านั้น มันคงดีหากต้องตายไปทั้งสองฝ่าย!” นี่คือสิ่งที่เขาต้องการจะเห็น ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรกลายพันธุ์หรือเฉินกู,ลั่วซู่หยางและคนอื่นๆ เขาอยากให้ทุกคนตายเพื่อที่เขากับลูกจะไม่ได้ตายอย่างโดดเดี่ยว ศัตรูทั้งหมดของพวกเขาจะได้ตายตามพวกเขาไปด้วย
“หุบปาก!” ลั่วซู่หยางตะคอกออกมาอย่างเย็นชาและพูดขึ้น “ข้ายังมีอีกคำถาม”
“ถามมา ตราบใดที่ข้ารู้ ข้าจะไม่มีทางปิดบังเจ้า” เซิงเป่ยซิ่วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ยังไงซะอีกไม่นานพวกเจ้าก็ต้องตามพวกเราไป บอกเจ้าไปมันจะเสียหายอะไร ?”
“พันธมิตรกลายพันธุ์เกี่ยวข้องยังไงกับราชวงศ์หมิง?” ลั่วซู่หยางถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ทำไมคนร้ายถึงได้ทำลายราชวงศ์หมิง ? ราชวงศ์หมิงมีบทบาทอะไร?” หลายคำถามนี้ต่างก็มีความหมายแบบเดียวกัน
เซิงเป่ยซิ่วยิ้มออกมา “คำตอบก็ง่ายๆ เพราะการก่อตั้งพันธมิตรกลายพันธุ์ขึ้นมา แต่เดิมแล้วเป็นแผนของราชวงศ์หมิง พวกสัตว์ประหลาดของราชวงศ์หมิงคือสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมา แต่โชคร้าย พวกเขาเสียเวลาไปหลายพันปี แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่คู่ควรกลับมา สุดท้ายพันธมิตรในตอนนี้จึงทำการศึกษาต่อโดยคนในองค์กรตอนนี้แทน…”
ราชวงศ์หมิงคือผู้บุกเบิก คนในราชวงศ์ไม่กล้าจะพูดเรื่องนี้ออกมา เนื่องจากเป็นความผิดของพวกเขาที่ทำมาตลอดหมื่นปีมานี้ มันยากที่จะมองข้ามได้ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป พวกแรกที่ต้องได้รับผลกระทบก็คือราชวงศ์หมิง