ระบบเจ้าสำนัก 468 : ความโกรธของราชาสัตว์อสูร

ตอนที่ 468 : ความโกรธของราชาสัตว์อสูร

ตอนที่  468 : ความโกรธของราชาสัตว์อสูร

เฉินกูโกรธอย่างมาก เขาต้องการจะฆ่าคนที่ทำแบบนั้น !

 

เมื่อครู่นี้เขารับรู้ได้ว่าพลังที่เขาใส่ไว้ในตัวไป่หลิงได้ทำงาน !

 

พลังนี้คือพลังที่ผสมจากปราณและการรับรู้ มันไม่ใช่แค่รับรู้ได้ถึงอันตราย แต่ยังระเบิดพลังเพื่อต้านทานการโจมตี ในตอนที่ตกอยู่ในอันตรายได้อีกด้วย

 

ในอีกความหมายคือ พลังนี้จะทำงานก็ตอนที่ได้รับการโจมตีที่ทรงพลังเข้ามา

 

“มีคนต้องการจะสังหารไป่หลิง!” เฉินกูสีหน้าหมองลง ตอนนี้เขาคลั่งเพราะความโกรธ

 

ในใจของเฉินกูนั้น ไป่หลิง, มังกรแดงและอินทรีย์ปีกฟ้าไม่ใช่แค่ศิษย์สายตรง แต่ยังถือว่าเป็นบุตรของเขาอีกด้วย หากมองจากทั้งโลกแล้วมีแค่ไป่หลิงและอีกสองคนที่รู้จักเขาจริงๆ รวมไปถึงยกย่องว่าเขาคือวีรุบุรุษของเผ่าสัตว์อสูร

 

ดังนั้นเขาจึงถือว่าทั้งสามคือคนของเขา เขาไม่อาจจะยอมให้พวกนี้ต้องเจ็บตัวแม้แต่น้อย

 

แต่ตอนนี้กลับมีคนต้องการจะสังหารไป่หลิงและพลังในการโจมตีก็ไม่ใช่น้อยๆ ไม่งั้นแล้วพลังของเขาในตัวนางคงไม่ทำงาน

 

“ยกโทษให้ไม่ได้!” เฉินกูปล่อยจิตสังหารออกมา

 

เขาไม่สนว่าต้องใช้พลังวิญญาณไปเท่าไหร่ เขารีบมุ่งหน้าไปยังภูเขาจิ้งจอกด้วยการเคลื่อนย้ายพริบตา ร่างกายของแผ่พลังอันน่ากลัวออกมาสายตลอด

 

ตอนนั้นเฉินกูไม่อาจจะใจเย็นได้ เขาต้องการเป้าหมายเพื่อระบายความโมโหนี้ “หรือว่าเพราะข้าเก็บตัวอยู่นาน คนนอกจึงคิดว่าสามารถรังแกข้าได้ตามใจ ? ”

ที่สำนักคังเฉียง

 

ลั่วซู่หยาง, ซุยเจี่ยน,ฝางมู่,หนี่จี่เทียน,อ้าวอู่เหยียนและอ้าวเยว่ ที่อยู่ในป่าหวงหยวนต่างก็มองไปทางเฉินกู

 

อ้าวเยว่คิ้วขมวด “ชายคนนี้ เขาจะทำอะไรกัน?”

 

ตอนที่นางสู้กับเฉินกูเฉินกูไม่ได้ดูโมโหแบบนี้ ใครกันที่ทำให้เขาโกรธ ?

 

“เกิดอะไรขึ้นกับราชาสัตว์อสูร?” ลั่วซู่หยางตัวสั่น “ใครกันที่ไปหาเรื่องเขา?”

 

พวกเขารับรู้ได้ถึงความโกรธของราชาสัตว์อสูร ที่ราวกับภูเขาไฟระเบิดออกมา ความอาฆาตจากการฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ซึ่งรับรู้ได้จาการระเบิดพลังครั้งนี้ ตลอดหลายปีมานี้ราชาสัตว์อสูรนั้นเก็บตัวจนแทบไม่มีใครรับรู้ได้ถึงพลังนี้จากตัวเขา แต่ตอนนี้พลังที่ถูกสะกดมาตลอดหลายพันปี กลับระเบิดออกมาอย่างไม่มีวี่แววมาก่อน

 

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นการต่อสู้เมื่อ 8,000 ปีก่อน แต่พวกเขาก็รู้ข้อมูลมาบ้าง ตอนนี้ราชาสัตว์อสูรกลับไปเป็นเหมือนเมื่อ 8,000 ปีก่อนได้ยังไง ?

 

ราชาสัตว์อสูรคิดจะสังหารมนุษย์อีกครั้งงั้นรึ ?

 

“ยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์คนไหนกันที่กล้ามาหาเรื่องเขา?” อยู่ๆสีหน้าของชุยเจี่ยนก็ดูซับซ้อนขึ้นมา

 

ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของลั่วซู่หยางและฝางมู่ก็เปลี่ยนไป

 

ราชาสัตว์อสูรโกรธเคืองเช่นนี้ ยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์คงไม่มีใครหยุดเขาได้ !

 

ลั่วซู่หยางคิ้วขมวด “คนของเผ่ามนุษย์มีคนโง่แบบนั้นด้วยรึ?”

 

เฉินกูคือยอดฝีมือระดับสูงสุดที่โด่งดังมาหลายพันปีแล้ว แม้ว่ายอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่จะไม่รู้ขั้นความต่างระหว่างระดับนี้ และไม่รู้ว่าเฉินกูอยู่ขั้นสูง ไม่สิ สูงสุดแต่ตราบใดที่พอมีสมองอยู่บ้าง พวกนั้นก็น่าจะรู้ว่าเฉินกูไม่ใช่คนที่พวกเขาจะไปหาเรื่องได้

 

แต่การที่คนเราทะลวงผ่านขึ้นมาเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดได้ มันอาจจะมีความยโสเพิ่มขึ้นมา…

 

“ตามไปดูกัน!” ฝางมู่สูดหายใจเข้าลึกๆและพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

 

พวกเขาไม่ได้กลัวว่าจะตามเฉินกูไม่ทัน เพราะเฉินกูได้ระเบิดพลังทั้งหมดออกมา ร่างของเขาราวกับดวงดาวยามค่ำคืน แม้ว่าว่าจะอยู่ห่างเป็นพันไมล์แต่พวกเขาก็ยังรับรู้ถึงตัวเฉินกูได้

 

หนี่จี่เทียนดวงตาเป็นประกายขึ้นมา “งั้นข้าจะรออยู่ที่นี่”

 

“หากเจ้าจะอยู่ที่สำนักคังเฉียงต่อก็ไม่มีปัญหา!” ลั่วซู่หยางพูดขึ้น “แต่อย่าคิดที่จะหนี…” ลั่วซู่หยางเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะบอกกับอ้าวอู่เหยียน “อาจารย์อ้าวอู่เหยียนคงต้องรบกวนท่านเฝ้าชายคนนี้เอาไว้จนกว่าเจ้าสำนักจะกลับมา และค่อยให้เจ้าสำนักตัดสิน”

 

อ้าวอู่เหยียนมองไปที่หนี่จี่เทียนและคิด “ชายคนนี้เป็นอะไร?”

 

ลั่วซู่หยางพูดออกมาตรงๆ “เขาเป็นปรมาจารย์ใช้คำสาป 6 ดาว”

 

“ปรมาจารย์ใช้คำสาป 6 ดาว ข้าเข้าใจแล้ว !” อ้าวอู่เหยียนดวงตาเป็นประกายขึ้นมาและมองไปที่หนี่จี่เทียน ด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ หึ หึ ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าจะเป็นปรมาจารย์ใช้คำสาป 6 ดาว !”

 

เมื่อเห็นสายตาของอ้าวอู่เหยียนที่จับจ้องมานั้น ก็ทำให้หนี่จี่เทียนขนลุก เขารีบกระแอมออกมาทันที “ช่างเถอะ ข้าจะตามท่านไปด้วย อยู่ที่นี่ข้าไม่ค่อยชินนัก…”

 

อ้าวอู่เหยียนยิ้มออกมา “อยากไปรึ ? เจ้าตัดสินเรื่องนี้ไม่ได้!”

 

เขาหันไปหาลั่วซู่หยางและพูดขึ้นมา “เอาล่ะ รีบไปกันได้แล้ว หากช้ากว่านี้ข้ากลัวว่าคงจะตามไม่ทัน สำหรับชายคนนี้พวกเจ้าสบายใจได้ หากข้ายังอยู่ เขาก็ไม่อาจจะก่อปัญหาขึ้นมาได้” ความแข็งแกร่งของเขาถือว่าน่ากลัว แค่ฐานะองค์รัชทายาทเผ่ามังกร แม้ว่าอีกฝ่ายจะกล้ากว่านี้ก็คงไม่กล้าจะมีเรื่องกับเขา

 

ลั่วซู่หยางมองไปที่ฝางมู่และชุยเจี่ยน ก่อนจะพยักหน้าและพูดขึ้นมา “ไปกันเถอะ”

 

เมื่อพูดจบทั้งสามคนก็หายตัวไปแทบจะพร้อมกัน

….

เฉินกูได้ทำการเคลื่อนย้ายออกมาจากเขตเหนือ พลังอันน่ากลัวจากตัวเขาทำให้ผู้คนต่างก็สั่นกลัว ผู้คนในแต่ละเมืองต่างรู้สึกราวกับว่านี่คือจุดจบของโลก ความตายกำลังคืบคลานมาหาพวกเขา

 

พวกคนที่อยู่ขอบเขตหลิงซวนและหลี่ซวน ที่มนุษย์มากมายยกย่องว่าเป็นเทพ ไม่ต่างอะไรจากมดเลยในตอนนั้น

 

ภายใต้พลังอันน่ากลัวนี้พวกเขาต่างก็พากันตัวสั่นไม่ต่างอะไรจากคนทั่วไป ฉากแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นกับพวกนักฝึกสัตว์อสูรเมื่อ 8,000 ปีก่อน

 

โชคดีที่พลังของเฉินกูอยู่แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น และไม่นานก็หายไป ชัดแล้วว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่เมืองของมนุษย์พวกนี้

….

ในป่าลวงตาไม่รู้จบ เซิงเป่ยซิ่วได้ทำการโจมตีภาพลวงตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลังงานของภาพลวงตาหายไปด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง พลังงานที่ฟื้นฟูขึ้นมาไม่อาจจะทดแทนพลังที่เสียไปได้ ภาพลวงตาเริ่มเปราะบางลงเรื่อยๆ  ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ภาพลวงตาก็สั่นไหวมากขึ้นเท่านั้น มันทำให้ผู้คนสงสัยว่าภาพลวงตานี้จะหยุดเซิงเป่ยซิ่วได้นานแค่ไหนกัน ?

 

ในส่วนลึกของภาพลวงตามีถ้ำแห่งหนึ่งซ่อนอยู่ในจุดอ่อนของภาพลวงตา ในถ้ำนั้นไป่หลิงได้นั่งยองๆลงกับพื้นด้วยสายตาที่เหม่อลอยดูไร้วิญญาณ

 

ด้านหลังนางมีจิ้งจอกน้อยหลายสิบตัวเกาะกลุ่มกันอยู่ พวกนั้นมองออกไปด้านนอกด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัว  สายตาของพวกนั้นต่างก็จับจ้องไปที่เซิงเป่ยซิ่ว

 

แม้ว่าเซิงเป่ยซิ่วจะมองไม่เห็นพวกเขา และไม่อาจจะทำร้ายพวกเขาได้ แต่พวกเขาก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าระยะห่างระหว่างเซิงเป่ยซิ่วกับพวกเขานั้นห่างกันแค่ไม่กี่ร้อยลี้ ทุกครั้งที่เซิงเป่ยซิ่วทำการโจมตีภาพลวงตา ดินแดนแห่งการสืบทอดนี้ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ถ้ำนั้นจะเกิดการสั่นไหวขึ้นเล็กน้อย

 

“พี่สิบสาม…” กลุ่มจิ้งจอกน้อยเข้ามาล้อมไป่หลิงเอาไว้ พวกนั้นต่างก็พากันกังวลและกลัว ระดับการบ่มเพาะของพวกนี้อยู่แค่ขอบเขตว่อซวน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเพราะความกลัว และมองไปที่ไป่หลิง

 

เมื่อได้ยินคำพูดของพวกนั้นไป่หลิงก็ได้สติ  นางหันกลับไปมองสีหน้าที่น่าสงสารของเหล่าจิ้งจอกน้อย ไป่หลิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนในเผ่าล้านคนที่ตาย และสุดท้ายก็เหลือแค่เหล่าจิ้งจอกน้อยตรงหน้านาง….

 

ต้องรู้ก่อนว่าจิ้งจอกน้อยส่วนมากเพิ่งจะบ่มเพาะได้ ในหมู่พวกนี้ถึงกับมีจิ้งจอกที่เพิ่งเกิดมา พวกนี้เหมือนกับทารกของมนุษย์ พวกนี้ควรจะมีเวลาเที่ยวเล่นแต่ตอนนี้พวกเขากลับกำพร้าพ่อแม่ พวกเขาไม่ได้มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย พวกเขากลับแสดงสีหน้าโศกเศร้าและหวาดกลัว คนที่พวกเขารักกลับตายกันหมดด้วยน้ำมือของมนุษย์ตรงหน้า

 

จิ้งจอกน้อยเองก็ผ่านประสบการณ์แบบเดียวกับไป่หลิงมา แต่พวกนี้ไม่ได้ฉลาดนัก แม้ว่าพวกเขาจะเศร้าแต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าผ่านภัยพิบัติแบบไหนมา

 

“พวกเจ้าสบายใจได้ หากยังมีข้าอยู่ก็ไม่มีใครทำร้ายพวกเจ้าได้!” ไป่หลิงสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ นางคือที่พึ่งสุดท้ายของจิ้งจอกน้อยเหล่านี้ หากนางไม่มีสติ เรื่องมันคงมีแต่แย่ลงเรื่อยๆ…

 

นางมองออกไปนอกถ้ำและพบว่าเซิงเป่ยซิ่วทำการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง สายตานางเต็มไปด้วยความแค้นเคือง “เผ่าจิ้งจอกมีคนหลายสิบล้านคน ! รอก่อนเถอะ เจ้าหนีไปไหนไม่ได้แน่ ! พลังของอาจารย์ในตัวข้าทำงานแล้ว ตอนนี้อาจารย์คงเดินทางมาที่นี่และในไม่ช้าอาจารย์คงจะมาถึง !”

 

นางไม่รู้ว่าเฉินกูจะใช้เวลานานแค่ไหน กับการเดินทางจากป่าหวงหยวนมายังภูเขาจิ้งจอก แต่นางเชื่อว่าเฉินกูจะมาถึงก่อนที่เซิงเป่ยซิ่วจะทำลายภาพลวงตาลงได้ !

 

หลังจากนั้น 30 นาที

 

ร่างของเฉินกูลอยอยู่เหนือภูเขาจิ้งจอก แค่เพียงมองเขาก็เห็นฉากทั้งหมดด้านล่าง

 

“เผ่าจิ้งจอกถูกเข่นฆ่าตายหมดรึ?” สีหน้าของเฉินกูเย็นชาขึ้นมา เผ่าจิ้งจอกคือเผ่าที่สำคัญของสัตว์อสูร มันคือหนึ่งในหลายสิบเผ่าที่มีการสืบทอด มันคือเผ่าพันธุ์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ประวัติของมันทัดเทียมกับเผ่ามังกรได้ ตระกูลใหญ่แบบนี้แน่นอนว่าต้องสำคัญต่อเฉินกู

 

แน่นอนว่าการที่เผ่าจิ้งจอกถูกทำลายไปแบบนี้ ทำให้เฉินกูโกรธ แต่ความโกรธในเรื่องนี้ก็ยังน้อยกว่าการที่ไป่หลิงถูกโจมตี

 

ในใจเขาแล้ว แม้ว่าเผ่าจิ้งจอกจะโดนทำลายอีกสักสิบเผ่าแต่ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับไป่หลิง!

 

เขาหลับตาตรวจสอบจุดที่พลังหายไป จากนั้นร่างของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกป่าลวงตา เขารับรู้ได้ว่าป่านี้มีพลังของตัวเอง และเรื่องที่แปลกก็คือ การโจมตีที่ทำให้พลังของเขาในตัวไป่หลิงทำงาน กลับไม่อาจจะสร้างความเสียหายให้ป่านี้ได้เลย

 

เฉินกูก้าวเข้าไปสายไม่ลังเล ร่างของเขาได้เข้ามาในป่าลวงตาทันที

 

ต่อมาเฉินกูก็ปรากฏตัวขึ้นในป่า บังเอิญว่าตอนที่เขาปรากฏตัวนั้น พลังอันนน่ากลัวได้พุ่งเข้ามาทางเขา ซึ่งคือพลังของยอดฝีมือระดับสูงสุด หากเทียบกับปราณของพวกขอบเขตตุ้นซวนทั่วไปแล้ว พลังนี้น่ากลัวกว่ามาก

 

ฝ่ามือของเฉินกูปล่อยคลื่นออกมาทำลายพลังนั้นได้อย่างง่ายดาย

 

“บังอาจนัก!”

 

ในเวลาเดียวกัน เสียงตะโกนด้วยความโกรธของเฉินกูก็ดังก้องไปทั่วป่าลวงตา จนทำให้ภาพลวงตานี้สั่นไหว

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-1579 อ่านนิยาย

ระบบเจ้าสำนัก … เรื่องย่อ

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร

มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ

ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์

หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”

เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ

ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้

ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

Options

not work with dark mode
Reset