ระบบเจ้าสำนัก 459 : ความสับสน

ตอนที่ 459 : ความสับสน

ตอนที่ 459 : ความสับสน

ผู้ใช้คำสาปนั้นหายากและจำนวนนั้นก็มีไม่ถึง 1 ใน 10 ของสายอาชีพพิเศษอื่นๆ ผู้ใช้คำสาปนั้นยากที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ มันยากกว่าสายอาชีพอื่นๆนับ 10 เท่า ดังนั้นผู้ใช้คำสาประดับสูงจึงหาได้ยากมาก สำหรับปรมาจารย์ใช้คำสาป 6 ดาว ในประวัติศาสตร์ทวีปป่านี้ไม่เคยเห็นมาก่อน

 

ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีปรมาจารย์ใช้คำสาป 5 ดาวอยู่หลายคน แต่ปรมาจารย์ใช้คำสาป 6 ดาวนั้นมีแค่คนเดียว !

 

ชายลึกลับมีสิทธิที่จะภูมิใจในตัวเองเพราะจำนวนปรมาจารย์ใช้คำสาป 6 ดาวนั้นมีน้อยยิ่งกว่ายอดฝีมือระดับสูงสุด และการขึ้นเป็นปรมาจารย์ใช้คำสาป 6 ดาวได้นั้นก็พิสูจน์แล้วว่าพรสวรรค์ของเขาน่ากลัวจริงๆ

 

“อย่าพูดไร้สาระ รีบพาเราไปหาคนร้ายและดูว่าใครกันที่ทำลายเมืองจูอัน!” ลั่วซู่หยางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพูดขึ้นมา

 

นี่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับชะงัก ความภูมิใจที่เคยมีในใจนั้นหายไป

 

ปรมาจารย์ใช้คำสาป 6 ดาวแข็งแกร่งก็จริง แต่ปรมาจารย์ใช้คำสาป 6 ดาวที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดนั้นหายากยิ่งกว่า แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าเซียน เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเงียบ แม้แต่บ่นเขาก็ยังไม่กล้า  !

 

หลังจากที่เบะปากอยู่สักพักเขาก็หันกลับและพูดขึ้นมา “ตามข้ามา”

 

เมื่อพูดเขาหาก็พุ่งออกไปทันที

 

ฝางมู่และเซียนคนอื่นๆตามไปติดๆ พวกเขาต่างก็พากันระวังตัวอย่างมาก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะโกหกหรือไม่ แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะประมาทอีกฝ่ายได้  ชายคนนี้เป็นถึงปรมาจารย์ใช้คำสาป 6 ดาวและเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำ  พวกเขาจะประมาทไม่ได้

 

จากเมืองจูอันไปทางตะวันตกประมาณ 15 นาทีพวกเขาก็ได้มาถึงบึงพิษแห่งหนึ่ง

 

หลังจากที่มาถึงที่นั่น ชายคนนั้นก็หยุดและชี้ไปที่ใจกลางบึง “คนร้ายอยู่ด้านนั้นแต่พวกท่านจะกล้าลงไปกันรึ?”

 

แม้จะมองจากไกลๆ แต่ก็รับรู้ได้ว่าที่นี่อันตรายอย่างมาก ถึงจะด้อยกว่าเขตหวงห้ามก็ แต่มันมีพิษอยู่ทั่วทุกที่ แม้แต่ในอากาศก็ยังเป็นพิษ มันยากที่จะคิดได้ว่าจะมีคนอาศัยอยู่ที่นี่ได้ยังไง

 

ลั่วซู่หยางพูดขึ้น “นำทางไปซะ”

 

ชายลึกลับอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ลั่วซู่หยาง เขาสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะหยุดหายใจ เขาบินไปที่ใจกลางบึง เห็นได้ว่าเขาไม่ได้สับสนกับที่แห่งนี้ เขาหลีกเลี่ยงจุดอันตรายต่างๆได้ ในเวลาเดียวกันเขาก็พูดขึ้นมา “อากาศที่นี่เป็นพิษ พวกท่านไม่ควรจะหายใจ แม้แต่การรับรู้ก็ไม่ควรที่จะแผ่ออกมา ไม่งั้นแล้วพิษที่นี่จะส่งผลต่อพวกท่าน แม้แต่ความคิดก็จะถูกกัดกร่อน…”

 

ด้วยความแข็งแกร่งของยอดฝีมือระดับสูงสุดแล้ว พวกเขาไม่อาจจะถูกฆ่าที่นี่ได้ แต่หากประมาท พิษนี้ต้องทำให้พวกเขาบาดเจ็บได้อย่างแน่นอน

 

ตอนที่ทุกคนเข้าไปในบึง มุมมองที่กว้างแบบเดิมเริ่มแคบลงเรื่อยๆ ขวากหนามต่างๆทำให้พื้นที่การบินและมุมมองนั้นมืดลงเรื่อยๆ พิษที่นี่หนาแน่นราวกับหมอก มันสามารถกันแสงจากดวงอาทิตย์ได้ด้วยซ้ำ

 

“ที่นั่น” ชายลึกลับส่งข้อความ “ต่อไปขึ้นอยู่กับพวกท่านแล้ว”

เมื่อมองตามทิศทางที่ชายลึกลับชี้ไป ฝางมู่และคนอื่นๆก็เห็นว่าณ.ใจกลางบึงมีเงาร่างหนึ่งอยู่ ร่างครึ่งหนึ่งจมอยู่ในบึง อีกครึ่งโผล่ออกมา พิษรอบตัวชายคนนั้นราวกับมีชีวิต มันพากันพุ่งมายังร่างกายของเขา

 

เขากำลังบ่มเพาะปราณพิษ! สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือร่างกายส่วนบนนั้นราวกับสัตว์ประหลาด มันเต็มไปด้วยเกล็ดและมีเขาที่หัวดูราวกับสัตว์อสูร น่าแปลกใจที่ถึงเขาจะดูเหมือนสัตว์อสูรแต่แผ่พลังของมนุษย์ออกมา

 

นี่คือมนุษย์ที่มีรูปร่างเป็นสัตว์อสูร มันทำให้ผู้คนต่างก็ตะลึง

 

“นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกัน!”

 

ฝางมู่และเซียนคนอื่นๆต่างก็มองหน้ากันด้วยความเคร่งเครียด

 

ในเวลาเดียวกันชายที่ใจกลางบึงก็รับรู้ได้ถึงการมาของคนอื่นๆ เขาหยุดทำการบ่มเพาะและค่อยๆลืมตาขึ้นมา “หนี่จี่เทียน”

 

ตอนแรกเขาเห็นแค่หนี่จี่เทียน จากนั้นก็มองไปที่ฝางมู่และพูดขึ้น “แล้วพวกเจ้าเป็นใครกัน!”

 

หนี่จี่เทียนก็พูดขึ้นมาด้วยความแค้น “เจ้าปิศาจเฒ่า ข้าแค้นเจ้ายิ่งนัก ข้าให้หินต้องสาปกับเจ้า ทำไมเจ้าถึงปล่อยพลังคำสาปของข้าในเมืองจูอัน? เจ้าเกือบทำให้ข้ากลายเป็นฆาตรกร..” เวลาที่เขาได้รู้จักกับอีกฝ่ายไม่ได้สั้นนัก แต่เขาไม่เคยเห็นชายลึกลับทำตัวบ้าคลั่งเลย การฆ่าคนกว่า 100 ล้านคน อีกฝ่ายทำแบบนี้ได้ยังไง ?

 

“เจ้ามาเพราะเรื่องเมืองจูอันรึ?”  ชายลึกลับยักคิ้วและมองไปที่หนี่จี่เทียน ก่อนจะมองไปที่ฝางมู่และเหล่าเซียน “ยอดฝีมือระดับสูงสุดทั้งห้าคน ฮี่ฮี่ พวกเจ้ามาหาข้าจริงๆ”

 

เขารับรู้ได้ว่าฝางมู่และลั่วซู่หยางนั้นแข็งแกร่งกว่าคนอื่น  จากตัวฝางมู่และลั่วซู่หยางเขารับรู้ได้ถึงอันตราย แต่เขากลับใจเย็น เขาไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาและไม่คิดที่จะหนี

 

ลั่วซู่หยางสีหน้าหม่นไป “เรื่องในเมืองจูอัน เจ้าเป็นคนทำจริงๆรึ!”

 

แม้ว่าชายลึกลับจะไม่ได้ยอมรับ แต่คำพูดของเขาก็รับรองแล้วว่านี่เป็นผลงานของเขา

 

“คนกว่า 100 ล้านคน! เจ้าทำได้ยังไง!” หงจินเป่าโกรธขึ้นมา

 

ฝางมู่,ชุยเจี่ยนและหยางเพ้ยอันมองไปที่ชายลึกลับด้วยความโกรธ พวกเขาบินไปล้อมอีกฝ่ายเอาไว้และปิดกั้นมิติไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหนีไป

 

ตอนนี้มันมียอดฝีมือระดับสูงสุดถึง 6 คนล้อมเขาไว้

 

ชายลึกลับยังคงแสดงท่าทีใจเย็นออกมา เขาไม่ได้สนใจท่าทีของคนอื่นๆ เขาไม่คิดจะดิ้นรนออกจากสถานการณ์เป็นตายนี้

 

“ข้าเดาว่าพวกเจ้าจะมา แต่ข้าไม่คิดว่าพวกเจ้าจะมากันเร็วแบบนี้” ชายลึกลับพูดกับตัวเอง “แต่พวกเจ้าไม่ควรมาที่นี่ แม้ว่าพวกเจ้าจะมีจำนวนมากและแข็งแกร่ง แต่อย่าลืมว่านี่คือเขตของข้า ปราณธาตุที่นี่เป็นพิษ ข้าสามารถควบคุมมันได้ง่ายๆ…”

 

แน่นอนสิ่งที่เขาบอกว่าเป็นการควบคุมนั้น ต่างจากการควบคุมของจางหยู

 

เขาแค่ใช้กฎเพื่อกระตุ้นพลังของหลิงชี่ธาตุ กระตุ้นความเป็นพิษของมันไม่ใช่การควบคุมตามใจ

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น ฝางมู่และคนอื่นๆต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไป พวกเขาดูเคร่งเครียดกันขึ้นมา

 

“ยอมแพ้ซะ” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าไม่ใช่คู่มือของเรา! พิษที่นี่เป็นปัญหาก็จริง แต่มันไม่ได้ทำร้ายเรามากนัก…” มันอาจจะเป็นภัยต่อยอดฝีมือระดับสูงสุดแต่ไม่ใช่ว่าเป็นภัยถึงชีวิต

 

ชุยเจี่ยนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องกลัวหรอก พิษงั้นรึ ? ข้ามียาล้างพิษจำนวนมาก ยาขั้น 6 จะกันพื้นที่พิษนี้ไม่ได้หรือไง?”

 

คำพูดของชุยเจี่ยนทำให้ทุกคนสบายใจขึ้นมา พวกเขาเกือบลืมไปว่าชุยเจี่ยนเป็นปรมาจารย์ปรุงยา 6 ดาว แทบไม่มีพิษไหนที่เขารักษาไม่ได้ เมื่อไม่อาจจะใช้พิษได้ก็ถือว่าเขาเป็นศัตรูที่ร้ายกาจต่อผู้ใช้พิษ ศัตรูที่ร้ายกาจของชายลึกลับ

 

“เจ้าเป็นนักปรุงยารึ?” ชายลึกลับยักคิ้ว

 

 

“ปรมาจารย์ปรุงยา 6 ดาว!” ชุยเจี่ยนพูดขึ้นมาอย่างภูมิใจ

 

“ไม่เลว” ชายลึกลับยิ้มและพยักหน้า “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะเตรียมตัวกันมาดี!”

 

แม้แต่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ชายลึกลับก็ยังใจเย็นอยู่ได้

 

แต่ยิ่งเขาใจเย็นมากเท่าไหร่ เหล่าเซียนก็ยิ่งระวังตัวมากเท่านั้น

 

ความมั่นใจของชายลึกลับมาจากไหนกัน ?

 

เขายังมีไพ่ลับอื่นอีกรึ ?

 

“ทำไมเจ้าถึงได้ฆ่าคนในเมืองจูอันกว่า 100 ล้านคน?” ลั่วซู่หยางสีหน้าหม่นลง หากไม่อยากรู้คำตอบของปัญหานี้ เขาคงลงมือไปแล้ว

 

ชายลึกลับตะโกนออกมา “อย่าพูดถึงเรื่องเมืองจูอันกับข้า ! การตายของพวกเขาไม่อาจจะชดใช้ความผิดได้!”

 

อารมณ์ของเขาสั่นไหว สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาต “คนของจักรวรรดิหมิงนั้นบัดซบ ไม่มีใครเลยที่บริสุทธิ์ ราชวงศ์คือพวกสัตว์เดรัจฉาน หรืออาจจะดีไม่เท่าด้วยซ้ำ พวกเขาไม่คู่ควรที่จะเป็นมนุษย์ ! ข้าฆ่าพวกเขาก็เพื่อมนุษย์ ! สัตว์พวกนั้นไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่ต่อ ! วิญญาณของพวกเขาต่างก็แปดเปื้อน!”

 

จากเสียงตะโกนนี้ ก็เห็นได้ว่าเขาแค้นเคืองราชวงศ์หมิงแค่ไหนกัน

 

“พอแล้ว!” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าไม่รู้ว่าจักรวรรดิหมิงทำอะไรกับเจ้า แต่ต่อให้เจ้าต้องการแก้แค้น เจ้าก็ควรแก้แค้นกับราชวงศ์ ทำไมเจ้าต้องทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ด้วย?”

 

ชายลึกลับหัวเราะออกมา “เจ้าไม่เข้าใจหรอก เจ้าไม่มีทางเข้าใจ การที่ข้าฆ่าพวกเขานั้นดีต่อพวกเขาแล้ว….”

 

เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮาฮา ! เจ้าคงคิดว่าข้าบ้าไปแล้ว ไม่งั้นแล้วข้าจะฆ่าชาวบ้านไปมากมายได้ยังไง…ใช่ ข้าบ้า หลายพันปีก่อนข้าก็เสียสติไปแล้ว ตลอดเวลานี้ข้าคิดถึงการทำลายจักรวรรดิหมิงแต่กลับไม่มีโอกาส ข้าทำได้แค่มองดู…ข้าต้องขอบคุณพวกเจ้า หากไม่ใช่เพราะทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำ ข้ากลัวว่าข้าคงไม่อาจจะก้าวขึ้นมาเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดได้ในชีวิตนี้…”

 

“ครั้งนี้พระเจ้าเข้าข้างข้า เจ้าเฒ่าที่อยู่เบื้องหลังจักรวรรดิหมิง ยังไม่ขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด ข้าทะลวงผ่านขึ้นมาได้ก่อน” ชายลึกลับคลั่งไปแล้ว เขาแสดงสีหน้ากังวลออกมา “หลังจากที่ขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดแล้ว ข้าได้ฆ่าเจ้าเฒ่านั่นและทำลายราชวงศ์หมิงทิ้ง…จากนั้นข้าก็ทำลายเมืองจูอัน พวกที่เล็ดรอดไปจากวังได้นั้นไม่อาจจะหนีไปได้…”

 

เขายิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่บ้าคลั่ง แต่เวงตาของเขากลับมีน้ำตาไหลออกมา

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-1579 อ่านนิยาย

ระบบเจ้าสำนัก … เรื่องย่อ

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร

มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ

ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์

หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”

เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ

ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้

ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

Options

not work with dark mode
Reset