ตอนที่ 454 : พันธมิตรและท่าทีตอบโต้
ในสวนแห่งนั้น บรรยากาศดูหนักอึ้งกว่าที่เคย
แม้ว่ามันยากที่จะยอมรับความจริง แต่ทั้งสี่คนก็รู้ดีว่าความยิ่งใหญ่ของพวกเขา อีกไม่นานก็ต้องกลายเป็นอดีต โลกยุคใหม่กำลังจะกำเนิดขึ้นมา!
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เวลานี้พวกเขาไม่อาจจะต้านทานมันได้ และไม่กล้าแม้แต่จะหยุดมันด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น การเผยแพร่ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนี้ก็คือสิ่งที่เจ้าสำนักมอบหมายให้กับพวกเขา พวกเขาไม่อาจจะปฏิเสธได้
“หรือจะไปหาเจ้าสำนัก?” ชุยเจี่ยนลังเลและถามขึ้นมา
เมื่อได้ยินแบบนั้น หงจินเป่าก็คิดว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้ มีแค่เจ้าสำนักที่สามารถจัดการได้
ลั่วซู่หยางถอนหายใจออกมาและพูดขึ้น “พวกเจ้าจะไปหาเจ้าสำนักทำไมกัน? ให้เขารักษาอำนาจของเรา เจ้าคิดว่าเจ้าสำนักจะตกลงรึ ? เขาจะสนการต่อสู้ของเรากับพวกยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่รึ?”
พวกเขารู้ดีว่าเจ้าสำนักแข็งแกร่งแค่ไหน ตัวตนที่น่ากลัวนั้นเหนือกว่าขอบเขตตุ้นซวนไปแล้ว บางทีสำหรับตัวตนแบบนั้นแล้ว การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือระดับสูงสุดคงไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยทะเลาะกัน
หยางเพ้ยอันพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “ข้ากลัวว่าเจ้าสำนักรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่เขาก็ยังให้เราเผยแพร่ทักษะจี๋อู่ มันชัดแล้วว่าเขาไม่สนว่าจะมียอดฝีมือระดับสูงสุดกำเนิดขึ้นมามากแค่ไหน…”
หยางเพ้ยอันมองไปรอบๆและพูดต่อ “เราไม่มีเหตุผลที่จะขอให้เจ้าสำนักมาจัดการเรื่องนี้ เพราะมันไม่ได้ส่งผลต่อเจ้าสำนัก คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือสามสมาคมใหญ่และพันธมิตร เราได้รับผลกระทบแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าสำนัก ?”
แม้ว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพราะทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำ แต่พวกเขาจะกล้าโทษเจ้าสำนักรึไง ?
“เราจะทำยังไงกันดี?” ชุยเจี่ยนร้อนรนขึ้นมา “เราจะเอาแต่ดูและปล่อยยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่นั้นทำตามอำเภอใจรึ ?”
หยางเพ้ยอันส่ายหน้า “ เรื่องนี้เราไม่อยากให้คนนอกมาเกี่ยว พวกยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่ก็คงเช่นกัน….”
ทั้งสามสมาคมใหญ่และพันธมิตรร้อยสำนักนี้คือเค้กก้อนโต แม้ว่าทุกคนจะอยากได้ผลประโยชน์จากพวกเขาแต่ก็ไม่มีใครกล้าลงมือ แต่ตอนนี้มันต่างจากเดิมแล้ว ทั้งสี่คนไม่กล้าถือตัวอีกต่อไป
มันคงกินเวลาไม่นานที่สมดุลด้านขุมกำลังนี้จะพังทลายลง
สำหรับตำแหน่งของทั้งสี่คนในการเปลี่ยนแปลงนี้ มันขึ้นอยู่กับจำนวนยอดฝีมือระดับสูงสุดที่พวกเขามี
สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือ แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไป แต่สุดท้ายเซียนค่ายกลก็จะยังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ดี
นี่หมายความว่าสมาคมนักหลอมจะยังคงเป็นหนึ่งในกองกำลังชั้นนำของโลก ตราบใดที่เขาไม่ตาย สมาคมนักหลอมก็ยังคงรักษาตำแหน่งของตนเองเอาไว้ได้ แม้ว่าอำนาจจะอ่อนแอลงแต่ผลกระทบที่ได้รับมาก็มีจำกัด
ชุยเจี่ยน,หงจินเป่าและหยางเพ้ยอันคือพวกที่ตำแหน่งไม่แน่นอนที่สุด สมาคมนักปรุงยา, นักหลอมและพันธมิตรร้อยสำนักจะได้รับผลกระทบในระดับที่คาดไม่ถึง แม้แต่กองกำลังชั้นนำก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วย
“หากกั้นทางน้ำ น้ำก็จะทำลายทุกอย่าง” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ตราบใดที่ข้อเรียกร้องของพวกเขาไม่มากเกินไป พวกเราสามารถเจรจากับพวกเขาได้ ข้าเชื่อว่าพวกเขาก็ไม่ต้องการสู้กับพวกเรา ให้ผลประโยชน์กับพวกเขามากพอก็อาจจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้อย่างสันติ ”
ชุยเจี่ยนสีหน้าหม่นลง “หากพวกนั้นคิดจะแย่งชิงอำนาจล่ะ?”
ความเป็นไปได้นี้ใช่ว่าจะน้อยแต่มันเป็นไปได้สูง !
พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่มาหลายพันปีใช่ว่าจะมีคนดีมากมายนัก ความทะเยอทะยานของพวกเขาใช่ว่าจะน้อย !
ลั่วซู่หยางพูดขึ้นด้วยท่าทีเฉยเมย “ตราบใดที่พวกนั้นไม่ร้องขอเกินไป ไม่ว่าพวกเขาจะขออะไร เราก็จะตกลง ”
“พูดได้ดี งั้นเจ้าบอกข้าทีว่าคำว่าเกินไปนี่คืออะไร?” ชุยเจี่ยนหัวเราะออกมา “เจ้าแข็งแกร่งมากพอ พวกยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่ไม่กล้าที่จะมาหาเรื่องเจ้า แต่เราล่ะ ? ข้ากล้าบอกว่าสมาคมนักปรุงยา, สมาคมนักหลอมและพันธมิตรร้อยสำนักได้รับผลกระทบมากกว่าสมาคมนักวางค่ายกลแน่!”
เขาเบิกตากว้างและมองไปที่ลั่วซู่หยาง “ข้ากลัวว่าเมื่อมีคนมาเพื่อแย่งอำนาจของเรา พวกนั้นอาจจะไม่สนใจชีวิตเราด้วย…”
ลั่วซู่หยางคิ้วขมวด “เราอยู่ด้วยกันมาพันหรือสองพันปี เจ้าไม่เชื่อใจข้าเลยหรือไง ?”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนเริ่มทะเลาะกัน หยางเพ้ยอันก็ขัดขึ้นมา “เจ้าสองคนใจเย็นๆกันก่อน! อีกฝ่ายยังไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเลย การที่พวกเจ้ามาทะเลาะกันเองคงไม่ใช่เรื่องดีนัก ! ”
ชุยเจี่ยนฮึดฮัดออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ไม่จำเป็นต้องคิดแล้ว ข้าเชื่อว่าเซียนโอสถก็แค่คิดน้อยไปหน่อย ข้าไม่ได้สงสัยในคำพูดของเจ้า” หยางเพ้ยอันพูดขึ้น “โลกนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงไป เราควรร่วมมือกันและช่วยกันผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้ พวกเราควรร่วมมือกันไม่ใช่มาทะเลาะกันเอง ตลอดหลายปีมานี้เราอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข เราไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาหักหลังกัน หากเป็นพวกยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่ แม้ว่าพวกเขาจะยอมคุยกับเจ้า แต่การร่วมมือกันนั้น เจ้าจะเชื่อใจพวกนั้นได้รึ?”
“เซียนโอสถ ขอโทษด้วย สิ่งที่เจ้าพูดมาฟังดูแล้วก็ถูกต้อง” หยางเพ้ยอันมองไปที่ชุยเจี่ยน
แม้ว่าจะไม่อยากยอมรับ แต่ชุยเจี่ยนก็ต้องยอมรับว่าคำพูดของหยางเพ้ยอันมีเหตุผล
เขาไม่เชื่อในตัวลั่วซู่หยาง แต่เขาก็ไม่เชื่อในตัวพวกยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่ด้วย หากไปร่วมมือกับพวกยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่ สุดท้ายเขาอาจจะไม่เหลืออะไร
“ข้าขอโทษด้วย” ชุยเจี่ยนพูดด้วยสีหน้าเฉยชา
ลั่วซู่หยางมองไปที่ชุยเจี่ยน ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ
เมื่อแก้ไขความบาดหมางของทั้งสองคนแล้ว หยางเพ้ยอันก็พูดต่อ “ข้าเสนอว่าให้เราทั้งสี่ร่วมมือกัน จากนี้ไปไม่ว่าฝ่ายไหนจะถูกโจมตี อีกสามฝ่ายจะต้องเข้ามาช่วยโดยไม่มีข้ออ้างใดๆ ไม่งั้นแล้วหากอีกสามฝ่ายถูกโจมตีซะเอง ใครกันที่จะคอยช่วย?”
การเป็นพันธมิตรกัน แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในตอนนี้ การร่วมมือของสี่กองกำลังชั้นนำแน่นอนว่าจะทำให้เกิดขุมพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม !
ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลาง 1 คน, ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำ 3 คน หากพวกเขาร่วมมือกัน กองกำลังแบบนี้ก็สามารถทำให้ฝ่ายอื่นๆกังวลได้
แม้ว่ายอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่จะร่วมมือกัน แต่ก็ไม่จำเป็นที่พวกนั้นจะกล้าพอมางัดข้อกับทั้งสี่คน ยังไงซะพวกนั้นก็ไม่ได้รู้จักกันและขาดความเชื่อใจ หากเป็นการต่อสู้เอาเป็นเอาตาย คนแบบนั้นก็อาจจะหนีไปก่อน …
“ดี!”
“ข้าตกลง!”
“ร่วมมือกัน!”
น่าแปลกใจที่เซียนทั้งสามต่างก็ตกลงกับข้อเสนอของหยางเพ้ยอันโดยไม่ลังเล
“เมื่อเป็นพันธมิตรกันแล้วก็ต้องเลือกหัวหน้าพันธมิตร ข้าเสนอเซียนค่ายกล พวกเจ้าว่ายังไง?” หยางเพ้ยอันทำการเสนอชื่อทันที
ลั่วซู่หยางชะงัก “ข้ารึ?”
ชุยเจี่ยนคิ้วขมวดทันทีและไม่ขอออกความเห็นใดๆ
หงจินเป่าพยักหน้า “กองกำลังของเซียนค่ายกลแข็งแกร่งที่สุด เขาควรเป็นหัวหน้า ข้าเห็นด้วย!”
“ได้ งั้นข้าจะเป็นหัวหน้าให้ก่อน” ลั่วซู่หยางไม่ได้ปฏิเสธ เขารู้ว่าตอนนี้อยู่ในช่วงวิกฤตและเขาก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด มันไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว “แต่ข้าต้องบอกไว้ก่อนล่วงหน้า เมื่อข้าได้เป็นหัวหน้าแล้ว พวกเจ้าต้องเชื่อใจข้า ในอนาคตไม่ว่าข้าจะตัดสินยังไง ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะให้ความร่วมมือก อย่าขัดขวาง ไม่งั้นแล้วเจ้าก็ไปเลือกหัวหน้าคนอื่นเถอะ ”
หยางเพ้ยอันพยักหน้าก่อนจะลังเลเล็กน้อยและพูดขึ้น “แน่นอน เจ้าเป็นหัวหน้า เราควรจะฟังคำพูดของเจ้า”
ลั่วซู่หยางมองไปที่ชุยเจี่ยนและหงจินเป่าเพื่อรอคำตอบจากทั้งคู่
“ข้าไม่มีปัญหาอะไร” หงจินเป่าคิดก่อนจะตกลงทันที
สีหน้าของชุยเจี่ยนดูไม่มั่นใจและลังเล เขาไม่ได้เชื่อใจลั่วซู่หยางนัก หากเต็ม 10 เขาคงเชื่อแค่ 6 แต่หากเทียบกับยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่แล้ว เขายอมเลือกที่จะเชื่อในลั่วซู่หยางจะดีกว่า
สักพัก ชุยเจี่ยนก็ถอนหายใจออกมาและพูดขึ้น “ได้ ข้าตกลง”
นอกจากตกลงแล้วเขาไม่มีตัวเลือกอื่นเลย
“งั้นมาคุยกันว่าเราจะทำยังไงกันต่อ” ลั่วซู่หยางแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา “อย่างแรกคือการเผยแพร่ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำ เราต้องเผยแพร่มันให้ทันตามกรอบเวลาที่เจ้าสำนักกำหนดมา อย่างที่สองคือตามหาคนสามคน เราต้องเร่งมือ เมื่อกองกำลังของเราปะทะกับกองกำลังหน้าใหม่ มันยิ่งเป็นการยากที่จะหาสามคนนั้นเจอ”
ลั่วซู่หยางมองไปยังทั้งสามคนและพูดขึ้น “เรื่องแรก เซียนโอสถ เจ้ารับผิดชอบ เรื่องที่สอง เซียนหลอม เจ้ารับผิดชอบ ไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่ ?”
ชุยเจี่ยนและหงจินเป่ามองหน้ากันและส่ายหน้า
จากการตัดสินใจของลั่วซู่หยางนี้พวกเขาพอเข้าใจได้ ยังไงซะสองเรื่องนี้ก็เป็นงานที่เจ้าสำนักมอบหมายให้กับพวกเขา หลังจากที่ทำงานที่เจ้าสำนักมอบหมายให้สำเร็จ พวกเขาก็จะผูกมิตรกับเจ้าสำนักได้มากกว่าเดิม สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกองกำลังหน้าใหม่
การทำงานที่เจ้าสำนักมอบหมายให้คือหลักประกันของพวกเขา !
“เซียนอักษร ภารกิจของเจ้าต่างจากทั้งสอง มันอาจจะอันตรายอยู่บ้าง เจ้าควรฟังข้าก่อน หากเจ้าไม่ต้องการทำ เจ้าสามารถปฏิเสธได้” ลั่วซู่หยางหันไปมองหยางเพ้ยอันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าหวังว่าเจ้าจะไปติดต่อกับพวกยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่ เจ้ามีมุมมองและฉลาดที่สุดในหมู่พวกเรา หากมีคนที่เจ้าคิดว่าเชื่อถือได้ก็จงชวนเขามาร่วมมือกับเรา”
การจัดการกับยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่เพียงคนเดียวถือว่าเป็นเรื่องอันตราย!
“ได้” หยางเพ้ยอันตกลงทันที
ลั่วซู่หยางมองไปยังทั้งสามคนตรงหน้าและพูดขึ้น “สุดท้ายข้าขอบอกว่า หากผลลัพธ์ของเรื่องนี้ออกมาเลวร้าย ข้าหวังว่าทุกคนจะยั้งมือเอาไว้ และอย่าเพิ่งหุนหัน แม้ว่าพวกนั้นจะทำเกินไป แต่อย่าลืมว่าเจ้าสำนักได้รับปากกับเราแล้วว่า ตราบใดที่เราทำงานที่เขามอบหมายมาให้สำเร็จ เขาจะให้โอกาสเราได้ก้าวไปเหนือกว่าขอบเขตตุ้นซวน ! ”
“มีแค่พวกเราที่ได้รับโอกาสนี้ นี่คือไพ่ตายของพวกเรา คือความได้เปรียบที่ยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่ไม่มีทางมีได้!”
“เราไม่ต้องสนอำนาจเล็กน้อย เมื่อเราขึ้นไปเหนือกว่าขอบเขตตุ้นซวนได้ ทุกอย่างก็จะกลับมาหาเราเอง! พวกเจ้าก็รู้ดีว่าหัวเราะทีหลังดังกว่า ! ”