ตอนที่ 448 : จีหลิงและหยางยู่
คังชือหลินและเทียนเย่ ต่างก็คิดหาเหตุผลไม่ได้ว่า ทำไมสมาคมหลอมถึงได้ส่งจงเซี่ยวเซี่ยวมาที่สำนักคังเฉียง
ในมุมมองของพวกเขาแล้ว คนที่ถูกส่งมายังสำนักคังเฉียงคือคนที่โดนเขี่ยทิ้ง จงเซี่ยวเซี่ยวเองก็โดนเขี่ยทิ้งเหมือนกันรึ?
มันตลกสิ้นดี !
“เจ้า …ทำไมถึงยิ้มได้อยู่” คังชือหลินลังเลและตะโกนออกมา จากนั้นเขาก็ถามด้วยความสับสน “ทำไมเซียนหลอมถึงได้ส่งเจ้ามา? ไม่ใช่ว่าเขาให้คุณค่าเจ้ามากหรือไง?”
จงเซี่ยวเซี่ยวยิ้มออกมาเล็กน้อย “ใช่ เพราะอาจารย์เห็นค่าของข้า ข้าจึงได้มายังสำนักคังเฉียง” เขาแสดงสีหน้าราวกับเขาพูดสิ่งที่ถูกต้อง
“นี่…” คังชือหลินสับสน
เทียนเย่เองก็คิ้วขมวดพร้อมกับสีหน้าที่ว่างเปล่าไป
นี่มันอะไรกัน ?
เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของทั้งสอง จงเซี่ยวเซี่ยวก็หุบยิ้มและพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกเจ้าอย่ามองข้ามสำนักคังเฉียงไป สำนักแห่งนี้ไม่ธรรมดา เจ้าสำนักนั้นยิ่งใหญ่ แม้แต่อาจารย์ข้าก็ยังเคารพเจ้าสำนัก เหตุผลที่ว่าทำไมอาจารย์ถึงได้ส่งข้ามายังสำนักคังเฉียง ก็เพราะโอกาสครั้งใหญ่ที่นี่ หากเจ้าคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ บางทีพวกเจ้าอาจจะกลายเป็นเหมือนอาจารย์ข้าในอนาคตก็ได้”
อาจารย์ของเขาเป็นใครกัน ?
เซียนหลอม !
มนุษย์มีเซียนที่ว่านั้นอยู่ 4 คน !
เมื่อได้ยินที่จงเซี่ยวเซี่ยวพูดมา คังชือหลินและเทียนเย่ต่างก็พากันตะลึง
“พระเจ้า ตัวตนระดับเซียนหลอม…” เรื่องแบบนี้พวกเขาไม่เคยคิดฝันมาก่อน
พวกเขาถึงกับอยากหัวเราะเยาะตัวเอง พวกเขาเอาความกล้ามาจากไหนที่จะหวังขึ้นไปถึงระดับของเซียนหลอม?
จงเซี่ยวเซี่ยวพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “นั่นคือสิ่งที่อาจารย์ข้าพูดมา”
คังชือหลินและเทียนเย่ไม่ได้รู้อะไรเลย จงเซี่ยวเซี่ยวรู้เรื่องพวกนี้ดีกว่าพวกเขา เนื่องจากตัวตนของเขา เพราะการที่เขาคือศิษย์ของหงจินเป่า
“อย่าบอกนะว่า…เซียนค่ายกลไม่ได้โกหกข้า?” คังชือหลินนึกถึงตอนที่ลั่วซู่หยางบอกกับเขา “ข้าคังชือหลินมีโอกาสขึ้นไปเทียบเท่าระดับเหล่าเซียนรึ?”
สีหน้าของเทียนเย่ดูไม่แน่นอน ชัดแล้วว่าเขาจำที่ชุยเจี่ยนบอกกับเขาตอนที่เขาจากมาได้
ก่อนที่จะได้พบกับจงเซี่ยวเซี่ยว ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเซียนทั้งสองเลย แต่ตอนนี้พวกเขากลับเริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว
ไม่งั้นแล้วพวกเขาก็หาเหตุผลไม่ได้ว่า ทำไมจงเซี่ยวเซี่ยวที่เป็นผู้สืบทอดของเซียนหลอม ถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้?
“มีบางอย่างที่ข้าไม่อาจจะบอกได้นัก ข้าแนะนำพวกเจ้าได้แค่ว่า หลังจากที่เข้าร่วมสำนักคังเฉียง ก็จงเคารพเจ้าสำนัก” จงเซี่ยวเซี่ยวบอกกับทั้งสองคน
คังชือหลินและเทียนเย่เหม่อไป พวกเขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาอยู่นานราวกับว่าไม่ได้ยินที่จงเซี่ยวเซี่ยวพูด
เมื่อเห็นแบบนั้น จงเซี่ยวเซี่ยวก็อดได้ที่จะส่ายหน้า “ทั้งสองคนนี้ เหมือนจะไม่รู้เลยว่าได้โอกาสแบบไหนมา”
สักพักคังชือหลินก็กลับมาได้สติแล้วถามขึ้นมา “เจ้าทั้งสอง พวกเราจะไปยังสำนักคังเฉียงตอนนี้เลยหรือไม่? ”
“หรือจะรออีกหน่อย?” เทียนเย่ลังเลและพูดขึ้น “คนจากพันธมิตรร้อยสำนักยังมาไม่ถึง มันจะดีกว่าที่จะรอก่อนแล้วค่อยไปด้วยกัน ตอนนี้ยังเหลือเวลาอยู่ ”
เขาลังเลเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาเริ่มใจเย็นได้บ้างแล้ว
คังชือหลินหันไปมองที่จงเซี่ยวเซี่ยวแล้วพูดขึ้น “จงเซี่ยวเซี่ยวเจ้าคิดว่ายังไง?”
“ฟังจากที่ท่านเทียนเย่พูดมา ข้าเองก็ไม่ได้รีบ” จงเซี่ยวเซี่ยวไม่ได้สนใจนัก
ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเห็นว่าจงเซี่ยวเซี่ยวตอบตกลง คังชือหลินถึงได้โล่งอก ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจสำนักคังเฉียงมากนัก แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้แล้วว่า สำนักคังเฉียงนั้นดูลึกลับมากขึ้นเรื่อยๆ
เวลาผ่านพ้นไปช้าๆจนถึงตอนเย็น แต่คนจากพันธมิตรร้อยสำนักก็ยังมาไม่ถึง
จงเซี่ยวเซี่ยวยังดูใจเย็นเช่นเคย แต่คังชือหลินและเทียนเย่กลับเริ่มหมดความอดทน
คังชือหลินลุกขึ้นยืน พูดกับจงเซี่ยวเซี่ยวและเทียนเย่ “นี่มันก็เริ่มเย็นแล้ว เข้าไปในเมืองกันดีกว่า”
“ได้”
“ไปกันเถอะ คนจากพันธมิตรร้อยสำนักอาจจะมาช้า เรารอนานกว่านี้ไม่ได้”
พวกเขาพากันลุกขึ้นยืน ตอนที่กำลังจะเดินเข้าไปในเมืองนั้น อยู่ๆพวกเขาก็รับรู้ได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งจากไกลๆ
“ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูง!” คังชือหลินและเทียนเย่ต่างก็มองออกไปก่อนจะพบ….กับร่างสองร่าง
จงเซี่ยวเซี่ยวยักคิ้วขึ้นมา “ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูงกับขอบเขตตันซวนขั้นสูง น่าสนใจจริงๆ ”
เมื่อสองคนนั้นเข้ามาใกล้ ในที่สุดคังชือหลินก็รู้ว่าหนึ่งในนั้นเป็นใคร
“รองหัวหน้าพันธมิตรร้อยสำนัก…จีหลิง!” คังชือหลินหรี่ตาลงมองหญิงชรา ใจเขาต้นรัวเพราะความตะลึง
แม้แต่จงเซี่ยวเซี่ยวก็ยังแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา เขายังเผยสายตาแปลกใจออกมา
จีหลิงแตกต่างกับทั้งสามคน นางเป็นถึงรองหัวหน้าของพันธมิตรร้อยสำนัก ฐานะของนางสูงส่งกว่าผู้อาวุโส ที่สำคัญกว่านั้นคือนางเป็นอัจฉริยะที่โด่งดัง แต่เพราะเพศของนาง นางจึงถูกหลายคนปฏิเสธที่จะเลื่อนขั้นให้ นางไม่อาจจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตได้เลย แต่ในด้านความแข็งแกร่งแล้ว นางโดดเด่นกว่าพวกหัวหน้าเขตหลายเท่า !
อันที่จริงแล้วฐานะของนางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียนอักษรเลย!
ไม่คาดคิดว่าพันธมิตรร้อยสำนัก จะส่งสัตว์ประหลาดแบบนี้มา !
“ผู้อาวุโสจีหลิง!” จงเซี่ยวเซี่ยวและคังชือหลินมองหน้ากันก่อนจะรีบโค้งให้
จีหลิงเกิดมาก่อนเซียนทั้งสี่ นางถือว่าเป็นโลงศพเดินได้ นางมีสิทธิที่จะได้รับความเคารพจากพวกเขา นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของนางก็ยังน่ากลัว แม้แต่จงเซี่ยวเซี่ยวที่อยู่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูงก็ไม่กล้าที่จะมีเรื่องกับจีหลิง
จีหลิงมองไปรอบๆแล้วกระแอมออกมาเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า “อะแฮ่ม…พวกเจ้าคือสัตว์ประหลาดของสามสมาคมใหญ่รึ? จงเซี่ยวเซี่ยว ใช่ ข้าจำเจ้าได้บ้าง สำหรับเจ้าสองคนแล้ว พวกเจ้าคงเป็นคัง คัง…” นางจำจงเซี่ยวเซี่ยวได้เพราะพรสวรรค์ของจงเซี่ยวเซี่ยวที่น่าทึ่ง หากนำจงเซี่ยวเซี่ยวไปเทียบกับคังชือหลินและเทียนเย่แล้ว ทั้งสองคนจะดูด้อยค่าไปเลย จีหลิงพอจำแซ่ของคังชือหลินได้ แต่สำหรับชื่อนั้นนางไม่อาจจะจำได้จริงๆ
“คังชือหลิน” คังชือหลินแนะนำตัว “ผู้น้อยเคยเจอกับผู้อาวุโสครั้งหนึ่งในพันธมิตรร้อยสำนัก”
เทียนเย่ตอบกลับอย่างสุภาพ “ผู้น้อยเทียนเย่ขอคำนับผู้อาวุโส!”
“ยิ่งแก่ความจำยิ่งเลอะเลือน” จีหลิงยิ้มและพยักหน้าตอบรับ “ร่างกายข้ามีแต่จะแย่ลงๆ ดังนั้นจึงทำให้พวกเจ้ารอนาน”
“ผู้อาวุโสพูดตลกเกินไปแล้ว ท่านยังอยู่ได้อีกแปดพันปีก็ไม่มีปัญหาอะไร” จงเซี่ยวเซี่ยวโบกมือ ใครกันที่จะกล้ามีเรื่องผิดใจกับจีหลิงบ้าง ผลลัพธ์คือความมเสียหายครั้งใหญ่ อย่าดูจากภายนอก หากนางเอาจริงขึ้นมา นอกจากเซียนทั้งสี่แล้ว มีสัตว์ประหลาดเฒ่าไม่กี่คนที่ทัดเทียมกับนางได้
ต่อหน้าจีหลิงแล้ว แม้แต่จงเซี่ยวเซี่ยวที่เป็นอัจฉริยะที่ต้องมีความหยิ่งทะนงนั้น กลับต้องแสดงท่าทีเคารพและสุภาพด้วย
ในเวลาเดียวกันทั้ง จงเซี่ยวเซี่ยว,คังชือหลินและเทียนเย่ต่างก็พากันแปลกใจ ไม่คิดเลยว่าพันธมิตรร้อยสำนักจะส่งสัตว์ประหลาดเฒ่าผู้นี้มา !
เห็นได้จากจุดนี้ว่าพันธมิตรร้อยสำนัก ให้ความสนใจสำนักคังเฉียงมากกว่าสามสมาคมใหญ่ !
ยังไงซะ หากเทียบกับจีหลิงแล้ว ค่าของคังชือหลินหรือแม้แต่จงเซี่ยวเซี่ยวนั้นดูด้อยไปเลย
“ข้าเกือบลืมไป ข้าขอแนะนำพวกเจ้าก่อน เด็กนี่ชื่อหยางยู่” จีหลิงกระแอมออกมาและแนะนำชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง “หยางยู่คือลูกหลานของเซียนอักษร เขาถูกประเมินค่าไว้สูง ครั้งนี้เซียนอักษรได้ให้ข้ามาพร้อมกับหยางยู่ เพื่อให้เขาเข้าทดสอบการเข้าร่วมสำนักคังเฉียงในเดือนหน้า”
จงเซี่ยวเซี่ยว,คังชือหลินและเทียนเย่ต่างก็มองไปที่หยางยู่ด้วยความแปลกใจ
เซียนอักษร ?
แค่ชื่อก็ทำให้พวกเขาสับสนได้แล้ว
จีหลิงตบไหล่หยางยู่และพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย พวกนี้คือผู้อาวุโสของสมาคมหลอม, ปรุงยาและค่ายกล หากเจ้าเข้าร่วมสำนักคังเฉียงได้ พวกเขาจะเป็นอาจารย์ของเจ้า ”
“ผู้น้อยหยางยู่ ขอคำนับผู้อาวุโส!” หยางยู่แสดงท่าทีถ่อมตัวอย่างมาก เขาโค้งให้กับทั้งสามคน
ทั้งสามคนต่างก็ตะลึง พวกเขาไม่กล้าจะหัวเราะเยาะหยางยู่ ชายคนนี้คือหลานของเซียนอักษรและถูกเซียนอักษรประเมินค่าไว้สูง หากหัวเราะเยาะหยางยู่พวกเขาอาจจะตายได้ !
หยางยู่มองไปยังทั้งสามคนด้วยความสับสน ก่อนจะมองไปที่จีหลิงแล้วเกาหัวเพราะความสับสน
“พวกเจ้าทั้งสามไม่ต้องสนใจตัวตนของเด็กนี่มากนักหรอก” จีหลังพยักหน้าให้กับหยางยู่ก่อนจะหัวเราะกับทั้งสามคน “ข้าเข้าใจว่าพวกเจ้าคิดอะไร แต่ไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อเข้าร่วมสำนักคังเฉียงแล้ว มันก็มีแค่ฐานะเดียวนั่นก็คืออาจารย์หรือศิษย์ก็เท่านั้น ไม่มีข้อยกเว้น พวกเจ้าต่างก็เป็นอาจารย์ของสำนักคังเฉียง พวกเจ้ามีสิทธิที่จะได้รับความเคารพจากเขา พวกเจ้ามีสิทธิที่จะสั่งสอนเขา แม้ว่าเซียนอักษรจะมาที่นี่ แต่เขาก็ไม่กล้าต่อว่าพวกเจ้าหรอก”
จีหลิงรู้เกี่ยวกับสำนักคังเฉียงดีกว่าทั้งสามคนนี้ เซียนอักษรได้เล่าทุกอย่างให้นางฟังโดยไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินแบบนั้น จงเซี่ยวเซี่ยวก็เข้าใจทันทีว่า ที่เซียนหลอมพูดนั้นหมายถึงอะไร ฐานะอาจารย์ของสำนักคังเฉียง..มันสูงส่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้!
คังชือหลินและเทียนเย่เบิกตากว้าง ฐานะอาจารย์ของสำนักคังเฉียงสูงส่งขนาดนี้เชียวรึ? แม้แต่หลานของเซียนอักษรก็ยังต้องเรียนรู้จากพวกเขา
“มันเย็นแล้ว เข้าไปในเมืองกันเถอะ อย่าให้เจ้าสำนักต้องรอนาน” จีหลิงหัวเราะออกมา จากนั้นหยางยู่ก็ช่วยประคองนางเดินเข้าไปในเมือง นางดูราวกับว่าจะล้มลงตอนไหนก็ได้ นางไม่ได้ดูเหมือนสัตว์ประหลาดเฒ่าขอบเขตตุ้นซวนเลยแม้แต่น้อย นางเหมือนกับหญิงชรามากกว่า
เมื่อเห็นว่าจีหลิงและหยางยู่เดินเข้าไปที่ประตูเมือง จงเซี่ยวเซี่ยว,คังชือหลินและเทียนเย่ก็มองหน้ากันก่อนจะรีบตามไปทันที