ตอนที่ 443 : แสดงฝีมือ
“ซินเอ๋อร์ เป็นองค์หญิงของราชวงศ์ เป็นหัวแก้วหัวแหวนของตระกูล ข้ายกซินเอ๋อร์ให้เจ้าดูแล หากเจ้ากล้ารังแกนางในอนาคต ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ! ” ตอนนั้นสายตาของโจวถิง ก็ดูดุดันขึ้นมา “ แม้ว่าข้าจะเป็นคู่มือเจ้าไม่ได้ แต่ข้าขอเจ้าสำนักให้ตัดสินความยุติธรรมให้ได้ อย่าลืมว่าซินเอ๋อร์เองก็เป็นคนของสำนักคังเฉียง !”
เซียวเหยียนยังคงใจเย็น เขาไม่ได้ถ่อมตัวแต่อย่างใด “ผู้อาวุโสสบายใจได้ ข้าไม่มีทางรังแกซินเอ๋อร์อย่างแน่นอน!”
“พี่เซียวเหยียนไม่รังแกซินเอ๋อร์แน่!” โจวซินเอ๋อร์หัวเราะออกมา “บรรพบุรุษสบายใจได้!”
โจวถิงมองโจวซินเอ๋อร์ด้วยสายตาจนปัญญา “ยังไม่ได้ทันได้แต่งงาน เจ้าก็ออกตัวแทนเจ้าหนุ่มนี่แล้ว นี่แหละน่าเขาถึงว่ากันว่า เมื่อสตรีเติบใหญ่ใจไม่อยู่กับเรือน!”
โจวซินเอ๋อร์หน้าแดงขึ้นมาและพูดอะไรไม่ออก
“เอาล่ะ เรื่องของเด็กน้อยข้าไม่คิดจะเข้าไปยุ่งด้วย แต่ก่อนที่จะไป ข้าต้องทดสอบความแข็งแกร่งของเจ้าก่อน” โจวถิงมองไปที่เซียวเหยียน “แม้ว่าคนของสำนักคังเฉียงจะมีพลังที่ร้ายกาจ และสามารถต่อสู้กับคนที่ระดับเหนือกว่าได้ ซึ่งข้าเชื่อว่าเจ้านั้นแข็งแกร่ง แต่จะแข็งแกร่งแค่ไหนนั้นข้าหวังว่าจะได้ทดสอบด้วยตัวเอง ว่ายังไงเซียวเหยียน เจ้ากล้าที่จะสู้กับข้าหรือไม่ ?”
แน่นอนโจวถิงคงไม่บอกเซียวเหยียนว่าอันที่จริงแล้ว เขาคันไม้คันมือและต้องการที่จะปะมือกับเซียวเหยียน
ยังไงซะดอกไม้ที่เขาเลี้ยงดูมาเป็นสิบปีกลับถูกชิงไป ใครกันที่จะพอใจได้?
หากไม่ได้อัดเซียวเหยียนซะบ้าง เขาคงนอนไม่หลับ
เซียวเหยียนแสดงสีหน้าขมขื่นอกมา “ผู้อาวุโส อย่าแกล้งเด็กน้อยเลย ท่านอยู่ขอบเขตหลิงซวนมานานแล้ว ใครกันจะเป็นคู่มือของท่านได้?”
สำหรับคนที่อยู่ขอบเขตตันซวนขั้นสูงหรือหลิงซวนขั้นต่ำ เซียวเหยียนกล้าที่จะสู้ด้วย แต่โจวถิงไม่ใช่นักสู้ขอบเขตหลิงซวนขั้นต่ำทั่วไป ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกขอบเขตหลิงซวนขั้นกลางเลย แม้แต่เยี่ยนชิวก็ไม่อาจจะเอาชนะโจวถิงได้ ซึ่งเห็นได้ว่าโจวถิงนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน
เซียวเหยียนไม่ได้หยิ่งทะนงตัวพอที่จะสู้กับโจวถิง
“ท่านบรรพบุรุษ เหยียนเอ๋อร์อยู่ระดับต่ำ ทำไมท่านต้องสนใจเขาด้วย?” เซียวติงเองก็ตะลึงกับคำพูดของโจวถิง เขารีบออกตัวแทนเซียวเหยียนทันที
โจวซินเอ๋อร์พูดขึ้นมา “บรรพบุรุษ ระดับการบ่มเพาะของพี่เซียวเหยียนอยู่ที่ขอบเขตตันซวนขั้นกลาง นี่ไม่ใช่ว่าท่านกำลังรังแกเขาอยู่รึ?” โจวซินเอ๋อร์พูดมาได้ครึ่งหนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา “นอกซะจากว่าท่านจะลดระดับการบ่มเพาะลงมา แล้วใช้พลังขอบเขตตันซวนขั้นกลางสู้กับพี่เซียวเหยียน”
“เด็กโง่ บรรพบุรุษเจ้าแก่ก็จริงแต่ไม่ได้โง่” โจวถิงถึงกับหมดคำพูด “เซียวเหยียนระดับต่ำกว่าก็จริง แต่ข้ารู้ว่าหากข้าลดระดับพลังลงไปเหลือขอบเขตตันซวนขั้นกลาง มันก็มีแต่หาเรื่องโดนอัด เด็กน้อย เจ้ามีความคิดที่ไม่เลว แต่เจ้าหลอกข้าไม่ได้หรอก”
แผนของโจวซินเอ๋อร์แทบทำให้เขาอยากกัดลิ้นตัวเอง
“พี่เซียวเหยียน ข้าพยายามที่สุดแล้ว แต่ท่านบรรพบุรุษก็ไม่หลงกล” โจวซินเอ๋อร์มองไปที่เซียวเหยียนด้วยสีหน้าสงสาร “ท่านทนไว้ก่อน บรรพบุรุษจะหยุดเอง มันคงไม่ยากเกินไปสำหรับท่าน”
เซียวติงและเซียวจ้านเทียนโดนมองข้าม ไม่มีใครสนใจพวกเขาเลย
เซียวเหยียนเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “เมื่อผู้อาวุโสต้องการจะทดสอบ งั้นข้าจะยอมยกชีวิตให้”
เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆต่างก็พากันด่าเขา โจวถิงก็คิ้วขมวดและพูดขึ้นมา “ที่นี่ไม่ใช่ที่เล่นสนุก เด็กน้อยตามข้ามา ข้าจะนำทางเอง!”
เมื่อพูดจบโจวซินเอ๋อร์ก็ได้ก้าวออกไป ร่างกายของเขาราวกับนกนางแอ่น เขาพุ่งขึ้นไปบนฟ้าพร้อมเสียงตัดสายลมก่อนจะบินสูงขึ้นไปอีกเหลือไว้แต่เงาที่พร่ามัว
“ท่านพ่อ ท่านลุง ซินเอ๋อร์ ข้าขอตัวสักครู่” เซียวเหยียนบอกกับทั้งสามคน ก่อนจะถีบพื้นแล้วกระโดดขึ้นออกไปจากที่นั่น
ไม่นานที่ด้านล่าง ภูเขาทางใต้ของเมือง โจวถิงและเซียวเหยียนปรากฏตัวขึ้นมายืนอยู่บนต้นไม้ หันหน้าเข้าหากัน
“เจ้าพร้อมหรือยัง?” โจวถิงปรับลมหายใจและรอจนกว่าลมหายใจจะคงที่
เซียวเหยียนพยักหน้าตอบรับ “ผู้อาวุโส เชิญลงมือได้!”
เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคู่มือของโจวถิงได้ แต่เขาก็ไม่อาจจะปล่อยให้โจวถิงเอาชนะไปได้ง่ายๆ
โจวถิงไม่ได้รีบร้อน เขาขยับกล้ามเนื้อของตัวเองพร้อมกับส้นเท้าของเขาที่ลื่นไถลจากกิ่งไม้ ร่างของเขาร่วงลงมาจากยอดไม้ราวกับว่าเขาตกลงมา
เมื่อเห็นแบบนั้น สีหน้าของเซียวเหยียนก็เปลี่ยนไป “ระวัง !”
ตอนที่โจวถิงกำลังจะตกถึงพื้น ทิศทางการเคลื่อนไหวอยู่ ๆก็เปลี่ยนไป เขาได้พุ่งขึ้นไปยังต้นไม้ที่เซียวเหยียนยืนอยู่ เซียวเหยียนยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกตบเข้าที่ไหล่ แล้วกระเด็นออกไปชนกับต้นไม้ฝั่งตรงข้ามอย่างแรง จนลำต้นของต้นไม้นั้นหัก
ปัง !
ร่างของเซียวเหยียนถูกอัดลงไปกับพื้นจนเกิดหลุมใหญ่ขึ้นมา
“ถุย ถุย ถุย….” เซียวเหยียนลุกขึ้นยืน และถุยเอาโคลนในปากออกมา ก่อนจะเงยหน้าและตะโกนขึ้น “ผู้อาวุโส ท่านหลอกข้า ”
เมื่อครู่นี้เขากังวลเกินไป และลืมเรื่องที่พวกขอบเขตหลิงซวนสามารถบินได้ เมื่อบินได้แล้วจะตกจากต้นไม้ได้ยังไง ?
สิ่งที่น่าเกลียดที่สุดคือ โจวถิงมีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าเขา และแข็งแกร่งกว่าเขา แต่ถึงกลับเลือกใช้การลอบโจมตีกับเขา มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ
จะบอกว่าเป็นรูปแบบการต่อสู้งั้นรึ ?
ในฐานะลูกผู้ชายแล้ว เขาทำเรื่องน่าอายแบบนี้ได้ยังไง !
“เด็กน้อย เจ้าขโมยของของข้า นี่คือการสั่งสอนประสบการณ์การต่อสู้ สำหรับคนอื่นแล้วข้าไม่คิดที่จะสอน เจ้าจำไว้ว่าการต่อสู้ที่แท้จริงนั้น ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีอะไร ไม่ว่าจะเป็นการใช้พิษ, ข่มขู่ด้วยคนรักหรือลอบโจมตีก็จำเป็นที่จะต้องใช้ออกมา” โจวถิงแสดงสีหน้าจริงจังและพูดขึ้น “ดูเจ้าสิ ดูเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่มีประสบการณ์ใดๆ เจ้าแข็งแกร่งก็จริง แต่มันยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้! ไม่งั้นแล้วข้าคงฝากซินเอ๋อร์ให้เจ้าดูแลไม่ได้ ! ”
เซียวเหยียนรู้ว่าโจวถิงไม่ได้พูดไร้สาระ มันคือความจริงที่เถียงไม่ได้
หากทำให้โจวถิงไม่พอใจ คงมีแค่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าโจวถิงจะโกรธแค่ไหนและอาจจะเอาโจวซินเอ๋อร์คืนไป และกันไม่ให้เขาไปยุ่งกับโจวซินเอ๋อร์อีก
ดังนั้นแม้ว่าเซียวเหยียนจะสลด แต่เขาก็ต้องรับความจริงข้อนี้เอาไว้
“ไม่เลว เจ้ายังมีหัวคิดอยู่” เมื่อเห็นว่าเซียวเหยียนเงียบ โจวถิงก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
เขาโบกมือและพูดขึ้น “ลุกขึ้นมา”
เซียวเหยียนถอนหายใจออกมา ก่อนจะกระโดดขึ้นมาจากหลุมและเตรียมท่าที่จะสู้ต่อ
“เซียวติง เซียวจ้านเทียน โจวซินเอ๋อร์ พวกเจ้าตามมาด้วยรึ” โจวถิงมองข้ามเซียวเหยียนไป
เมื่อได้ยินแบบนั้นเซียวเหยียนก็หันหลังกลับไปมอง
ตอนที่เขาหันกลับไปนั้น ร่างของโจวถิงก็หายไปอีกครั้ง แค่อึดใจเดียวเขาก็ตบเข้าที่ไหล่อีกข้างของเซียวเหยียน
ปัง ! ร่างของเซียวเหยียนราวกับว่าวที่ลอยออกไปชนกับต้นไม้ใหญ่ จนแทบทำให้ต้นไม้นั้นหักโค่นลง
ไม่นานไหล่ของเซียวเหยียนก็บวมเป่งขึ้นมา
ผู้เฒ่านี่น่าอายจริงๆ !
“ผู้อาวุโส ท่านหลอกข้าอีกแล้ว!” เซียวเหยียนแทบคลั่ง ถ้าเขาต่อสู้จริงๆ เขาคงแพ้ไปแล้ว โจวถิงหลอกเขาถึงสองรอบและเขาก็หลงเชื่อด้วย เขาไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป
โจวถิงยิ้มออกมา “หากเจ้ารับไม่ได้ งั้นเจ้าก็ลองทำดูสิ !”
การหลอกลวงก็คือความสามารถอย่างหนึ่ง!
“ฮึ่ม!” เซียวเหยียนฮึดฮัดออกมาและพูดขึ้น “เรื่องแบบนี้ใช้กับข้าไม่ได้ผลอีกแล้ว!”
โจวถิงไม่ได้กังวล เขายังคงเผยรอยยิ้มออกมา “ต้องการต่อสู้แบบเผชิญหน้ารึ? ได้ ข้าเองก็อยากจะเห็นว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งของชั้นเรียนมนุษย์จะแข็งแกร่งแค่ไหน”
หลังจากนั้นสีหน้าของโจวถิงก็ดูจริงจังขึ้นมา เขาก้าวเข้าไปหาเซียวเหยียนและทุกครั้งที่ก้าวออกไป พลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้น เมื่อห่างจากเซียวเหยียนแค่เพียงก้าวเดียว พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด มันแทบไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกขอบเขตหลิงซวนขั้นกลางเลย พลังนี้ได้ห่อหุ้มตัวของเซียวเหยียนเอาไว้ ราวกับมิติที่ไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่น้อย
เซียวเหยียนไม่ใช่นักสู้ขอบเขตหลิงซวน ไม่งั้นแล้วเขาคงตรวจจับอาณาเขตของโจวถิงได้ !
ในอาณาเขตนี้ ปราณธาตุทองปั่นป่วนขึ้นมาราวกับน้ำเดือด ตราบใดที่โจวถิงคิด เขาก็สามารถใช้พลังอันน่าทึ่งของมันออกมาได้
“ปึก” อยู่ๆโจวถิงก็เคลื่อนไหว นิ้วทั้งห้าของเขากำเป็นหมัดและในพริบตาร่างของเขาก็พุ่งออกไปราวกับพลุไฟ ปราณธาตุทองในอาณาเขตก็ทำงานเช่นกัน พลังที่มองไม่เห็นได้ส่งผ่านจากปราณธาตุทองเข้าไปในหมัดของโจวถิง
“ฟู่” โจวถิงพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ พร้อมกับหมัดที่เข้าปะทะกับเซียวเหยียน
ตอนนั้นเกิดเสียงระเบิดขึ้นเพราะการตัดผ่านอากาศ ซึ่งเกิดจากหมัดของโจวถิง พลังอันร้ายกาจของมันได้ฉีกอากาศออกและมุ่งหน้าเข้าหาเซียวเหยียน
เซียวเหยียนที่เตรียมตัวรับมือมานานได้โคจรปราณแล้วต่อยออกไป ตอนนั้นพลังในหมัดของเขาก็น่ากลัวเช่นกัน !
ผู้บ่มเพาะทักษะจี๋อู่ขั้นกลางได้เข้าปะทะกับยอดฝีมือที่ใช้พลังของปราณธาตุทอง !
ปัง !
พื้นดินสั่นไหวเล็กน้อยพร้อมกับเสียงที่ดังก้องไปทั่วล่างภูเขา
เซียวเหยียนร้องออกมา เขาแทบจะต้านทานไม่ได้และไถลออกไป รอยไถลนี้ลึกระดับเข่า หลังจากที่แรงกระแทกหมดลงเขาก็หยุดพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก
ในทางกลับกันร่างกายของโจวถิงสั่นไหวเล็กน้อย เขายับยั้งแรงกระแทกเอาไว้โดยไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียว
“ไม่เลว” โจวถิงมองไปที่เซียวเหยียนและยอมรับออกมา “ต่ำกว่าขอบเขตหลิงซวนนั้น เจ้าเป็นคนแรกที่รับมือข้าได้โดยไม่บาดเจ็บหนัก ไม่เกินคาดจริงๆ ข้าได้ยินมาว่าสำนักคังเฉียงมีเคล็ดวิชาที่วิเศษอยู่ แม้ว่าจะอยู่ระดับมนุษย์แต่พลังของมันก็ไม่ได้ด้อยว่าเคล็ดวิชาระดับราชันย์เลย เร็วเข้า แสดงมันให้ข้าดูที ”