ทุกคนต่างก็พากันก้มหน้าไม่กล้ามองไปที่ลั่วซู่หยาง เพราะกลัวว่าลั่วซู่หยางจะเลือกตน
การออกจากสมาคมค่ายกลเพื่อไปเป็นอาจารย์ในสำนักที่พวกเขาไม่รู้จักนั้น ไม่ต่างอะไรกับการทำลายอนาคตตัวเอง !
พวกเขาคือคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้อาวุโส แน่นอนว่าไม่มีคนโง่ พวกเขารู้ว่าพวกเขาควรจะเลือกอะไร
อาจารย์รึ ? ไร้สาระ !
การเป็นผู้อาวุโสที่นี่ปีเดียว เพียงพอจะเทียบกับอาจารย์ที่ทำงานมาเป็นพันๆปีได้ !
ลั่วซู่หยางมองไปรอบๆและพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ พวกเจ้าทำให้ข้าผิดหวัง ! ”
น้ำเสียงของเขาชัดแล้วว่าโกรธอย่างมาก อุณหภูมิในห้องลดลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างก็พากันตัวสั่นและส่งสายตาที่แสดงความกลัวออกมา
เพราะแบบนั้นพวกเขาจึงได้แต่กัดฟันแน่นและก้มหน้าลงไป
แม้ว่าการทำให้ลั่วซู่หยางโกรธมันจะอันตราย แต่พวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะต้องไปเป็นอาจารย์ของสำนักที่พวกเขาไม่รู้จัก
นอกจากเสียงลมหายใจแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นๆเลยในห้องนั้น ทุกคนต่างก็พากันปิดปากเงียบไม่ไหวติง ไม่ต่างอะไรจากรูปปั้น
พวกเขายอมโดนลงโทษลดฐานะเป็นผู้ดูแลจะดีกว่า
ลั่วซู่หยางสีหน้าหม่นอยู่สักพัก เขาถึงกับต้องการตบเจ้าพวกนี้ และเอาคนอื่นขึ้นมาแทน โชคดีที่เขาไม่ได้เสียสติและทำแบบนั้น
ลั่วซู่หยางสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อยับยั้งอารมณ์โกรธก่อนจะมองไปรอบๆ
เมื่อรู้สึกถึงสายตาของลั่วซู่หยาง หัวหน้าเขตคนหนึ่งก็ต้องอึ้งและพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ หัวหน้า ข้า…”
ในสายตาของคนทั่วไปแล้ว เขาคือหัวหน้าเขตผู้สูงส่งของสมาคมค่ายกล เขาเป็นยอดฝีมือขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูง และยังเป็นปรมาจารย์ด้านการหลอม 6 ดาว แต่ต่อหน้าลั่วซู่หยางแล้วเขาไม่ต่างจากคนธรรมดา ความสูงส่งที่เขาเคยมีนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“หงยู่เจ้าคือหัวหน้าเขต ไหนเจ้าลองบอกมาว่าใครกันที่ควรจะไป?” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ อย่างน้อยต้องเลือกมาคนหนึ่ง ! ”
ลั่วซู่หยางไม่คิดจะปล่อยหงยู่ไปที่สำนักคังเฉียง เพราะตำแหน่งของหงยู่นั้น ไม่อาจจะหาใครมาแทนได้ ปรมาจารย์ด้านการหลอมระดับ 6 ดาวใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ หากดูทั้งทวีปแล้วก็มีแค่เขากับหงยู่ ที่ขึ้นมาถึงระดับนี้ได้ มันยากที่จะหาคนมาแทนที่คนแบบนี้
เมื่อได้ยินแบบนั้นหงยู่ก็ถอนหายใจออกมา ไม่ว่าใครจะต้องไป ตราบใดที่ไม่ใช่เขาก็ถือว่าไม่เป็นไร
หงยู่ เงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสรอบตัวด้วยความลังเล
ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้กับเขา
“ หัวหน้า อย่าเลือกข้า ! ตราบใดที่ท่านไม่เลือกข้า ข้าจะให้ทรัพยากร 1 ใน 10 ที่ข้าได้มาเป็นเวลา 10 ปี ! ”
“ การออกจากสมาคมค่ายกลเท่ากับเราจบสิ้น ! หัวหน้า ท่านต้องคิดให้ดีๆ ! ”
“ หัวหน้า ข้าอยู่กับท่านมาเกือบพันปีแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรข้าก็ทำมันอย่างดีไม่เคยผิดพลาด ท่านไม่อาจจะทิ้งข้าหลังจากที่ประสบความสำเร็จได้ ! ”
“ หัวหน้า ข้าเข้าร่วมสมาคมค่ายกลตอนอายุ 12 และสร้างประโยชน์ให้กับสมาคมมาตลอดชีวิต บอกได้ว่าสมาคมค่ายกลคือบ้านหลังที่สองของข้า อายุขัยของข้าเหลือไม่มากนัก ชีวิตในช่วงสุดท้ายนี้ ท่านจะชิงมันไปรึ ?”
“ หัวหน้า ข้าอยู่กับท่านมาตลอด ในตอนวิกฤตเช่นนี้ท่านไม่อาจจะทิ้งข้าได้ ! ”
แทบทุกคนต่างก็ส่งข้อความหาหงยู่ มันมีทั้งข้อเสนอที่เป็นประโยชน์และคำอ้อนวอนต่างๆ พวกเขาต้องการเพียงอย่างเดียวคือไม่ให้หงยู่เลือกพวกเขา
ตอนนั้นหงยู่ก็ต้องเครียดขึ้นมา ผู้อาวุโสคือพวกระดับสูงของสมาคมค่ายกล พวกนี้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเสียใครไปก็ส่งผลเสียต่อสมาคมอย่างมาก
ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่รู้ว่าจะเลือกใคร เพราะทุกคนต่างก็มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อ
“ทำไม เลือกยากนักรึ ?” ลั่วซู่หยางคิ้วขมวดและเร่งขึ้นมา
หงยู่เริ่มลนลานขึ้นมาทันที
ตอนนั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ได้ส่งข้อความมา “ หัวหน้า ในความเห็นของข้าแล้ว ผู้อาวุโสคังชือหลิน คือคนที่เหมาะที่สุด ! ”
ทันทีที่มีข้อเสนอนี้พูดขึ้นมา ผู้อาวุโสคนที่เหลือเองก็ส่งข้อความเสนอชื่อของ คังชือหลิน
“ใช่ ใช่ ผู้อาวุโสคังชือหลิน ไม่ใช่แค่ปรมาจารย์หลอม 5 ดาวแต่ยังมีระดับการบ่มเพาะที่ขอบเขตตุ้นซวน เขามีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ที่หัวหน้าใหญ่ตั้งเอาไว้”
“เอาผู้อาวุโสคังชือหลินเถอะ นอกจากเขาแล้ว ข้าก็คิดหาคนที่เหมาะสมกว่านี้ไม่ได้เลย”
“ผู้อาวุโสคังชือหลินก็อยู่ในสมาคมมานาน เขาทำงานได้ดี เรื่องของสมาคมเขาก็ดูแลได้อย่างดี หากเทียบกับหัวหน้าแล้วเขาไม่ได้ด้อยกว่าเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คังชือหลินยังเด็ก หากเทียบกับพวกแก่ๆแล้วเขาพัฒนาไปได้อีกมาก บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสในการกระตุ้นคังชือหลิน”
“ใช่ ถึงแม้ว่าคังชือหลินอาจจะขึ้นไปถึงระดับหัวหน้าไม่ได้ แต่คงไม่ทำให้หัวหน้าใหญ่ต้องผิดหวัง”
ทุกคนพยายามที่จะเสนอชื่อคังชือหลินว่าเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับยาก
แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจงใจหรือไม่ จากคำพูดที่พวกนี้พูดมา พวกเขาต่างก็สื่อว่าคังชือหลินนั้น…ทะเยอทะยาน !
คนที่มีพรสวรรค์, ความสามารถและความทะเยอทะยาน ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็โดดเด่น !
แต่มันทำให้หงยู่กดดัน ต้องรู้ก่อนว่าเขาคือหัวหน้าเขตของสมาคมค่ายกลมานาน การยกระดับของคังชือหลินทำให้เขากดดัน ไม่ใช่ว่าคังชือหลินจะมาแทนที่เขาหรือไง ?
เขายังไม่ได้แก่ขนาดที่ให้ใครมาก้าวข้ามได้ !
แม้เขาจะรู้ว่าผู้อาวุโสหลายคนพูดเกินจริง ก็เพื่อให้เลือกคังชือหลิน แต่หงยู่ก็อดกังวลเรื่องคังชือหลินไม่ได้ ในใจของเขาสงสัยจริงๆว่าคังชือหลินจะมาแทนที่เขาหรือไม่
เมื่อเห็นทุกคนพากันมองมาที่เขา แม้แต่หงยู่ก็ยังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าแปลกๆ คังชือหลินก็ตะลึงและรู้สึกแย่ขึ้นมา
เมื่อทุกคนตัดเขาออกจากบทสนทนา และพากันส่งข้อความหาหงยู่ เขาก็ไม่รู้ว่าพวกนี้พูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่
เขารู้แค่ว่าสายตาที่ทุกคนมองมาที่เขานั้นไม่ดีนัก
“หัวหน้า ท่านคงไม่คิดจะเลือกข้าหรอกนะ?” คังชือหลินส่งข้อความถาม “อย่านะหัวหน้า ข้าไม่ต้องการไปที่อื่น ข้าอยากอยู่ในสมาคมค่ายกลนี้ตลอดไป หัวหน้า ข้าสาบานว่าข้านั้นภักดีต่อสมาคมค่ายกล ดูจากทุกคนแล้วไม่มีใครภักดีต่อสมาคมค่ายกลเท่ากับข้า…”
ความสัมพันธ์ของคังชือหลินกับคนอื่นๆไม่ได้ดีนัก แทบทุกคนไม่คิดสนใจในตัวเขา และไม่ยอมส่งงานอะไรให้กับเขา ผลงานมักจะตกเป็นของคนอื่นเสมอ หากดูจากที่นั่งในตอนนี้แล้ว ก็พอจะเห็นได้ว่าเขาถูกกีดกันมากแค่ไหน
บอกได้ว่าในสมาคมค่ายกล คังชือหลินคือคนที่โดดเดี่ยวที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแวดวงไหนต่างก็กีดกันเขาออก ทำให้ช่วงเวลาที่อยู่ในสมาคมนั้นน่าอึดอัดอย่างมาก แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังอยากที่จะอยู่ที่นี่ต่อ ชัดแล้วว่าเขาภักดีต่อสมาคมค่ายกลจริงๆ
โชคร้าย ในสมาคมค่ายกลแห่งนี้เขาคือคนที่โชคร้ายที่สุด
เมื่อได้ยินคำพูดของคังชือหลิน หงยู่ไม่ใช่แค่ไม่ตื้นตัน แต่ยังไม่สนใจคำอ้อนวอนของคังชือหลินด้วย
เขากังวลเรื่องคังชือหลินมาโดยตลอด และตอนนี้เขาก็มั่นใจยิ่งกว่าเดิม “ชายคนนี้บอกว่าเขาต้องการพัฒนาสมาคมค่ายกลไปตลอดชีวิต มันหมายความว่าเขาต้องการมาแทนที่ข้าไม่ใช่หรือไง? ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาบอกว่าตัวเองภักดีต่อสมาคมมากกว่าคนอื่นๆ นี่ไม่ได้หมายความว่าตัวข้าเองไม่ภักดีต่อสมาคมรึ?”
แม้ว่าจะไม่มีหลักฐาน แต่หงยู่ก็สงสัยและเกรงกลัวในตัวคังชือหลินยิ่งกว่าเดิม
นี่คือภัยที่ต้องกำจัดทิ้ง !
หากฆ่าไม่ได้ งั้นก็ส่งชายคนนี้ออกไปที่อื่น ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว” หงยู่บอกกับคังชือหลิน “ข้าเชื่อในความรู้สึกที่เจ้ามีต่อสมาคมค่ายกล ข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นคนมีพรสวรรค์”
เมื่อได้ยินแบบนั้นคังชือหลินก็ดีใจขึ้นมา นั่นหมายความว่าหัวหน้าไม่คิดกำจัดเขาทิ้งไม่ใช่หรือไง ?
เขาแอบโล่งใจ “ดีเลย หัวหน้ายังเป็นคนรู้จักความถูกต้อง ไม่แปลกเลยที่ข้าเคารพเขาเช่นนี้ ! ”
ตอนที่คังชือหลินยินดีอยู่นั้น หงยู่ก็ได้หันไปหาลั่วซู่หยางก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “หัวหน้า ข้าได้คนแล้ว คนนี้ท่านต้องพอใจอย่างแน่นอน ! ”
ลั่วซู่หยาง ยักคิ้วและพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ โอ้ ? เจ้าบอกมาที่ว่าเจ้าเลือกใคร ? ”
ทุกคนในห้องต่างก็พากันเงียบ และมองไปที่หงยู่ด้วยความกังวล แม้ว่าพวกเขาจะพอมั่นใจว่าหงยู่จะไม่เลือกพวกเขา แต่เมื่อผลลัพธ์ยังไม่ออกมา พวกเขาก็ไม่อาจจะวางใจได้
คังชือหลินแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมา คำพูดที่หงยู่บอกกับเขาเมื่อครู่นี้ คือคำรับรองสำหรับเขา เขามั่นใจว่าหงยู่จะไม่เลือกเขาแต่เมื่อผลลัพธ์ยังไม่ออกมา เขาก็ไม่รู้ว่าใครกันที่จะต้องตกเป็นผู้โชคร้ายคนนั้น
คังชือหลิน มองไปยังผู้อาวุโสรอบๆซึ่งทำให้พวกนั้นต่างก็คาดเดาในใจ “ ใครกันจะเป็นผู้โชคร้าย ?”
หงยู่สูดหายใจเข้าลึกๆและพูดขึ้นมา “ คนที่ข้าเลือกคือ….ผู้อาวุโสคังชือหลิน ! ”
ทันทีที่เขาพูดจบ ผู้อาวุโสรอบๆต่างก็พากันโล่งอก สีหน้าของพวกเขาแสดงรอยยิ้มพอใจออกมา การเลือกของหงยู่นั้นไม่ได้ทำให้พวกเขาแปลกใจเลยแม้แต่น้อย คังชือหลินคือคนที่มักจะถูกพวกเขามองข้ามอยู่แล้ว !
รอยยิ้มบนใบหน้าคังชือหลินแข็งทื่อไป จากนั้นเขาก็หันไปหาหงยู่และแสดงท่าทีกระอักกระอ่วนออกมา “ ข้ารึ ?”
เขาไม่คิดไม่ฝันว่าคนที่โชคร้าย…จะเป็นเขา !
ก่อนที่เขาจะได้สติ ผู้อาวุโสรอบๆต่างก็พากันพยักหน้ายืนยัน “หัวหน้าฉลาดจริงๆ ! ผู้อาวุโสคังชือหลินยังเด็กและมีแวว เขาอาจจะพัฒนาได้อย่างไร้ขีดจำกัด เขาคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเป็นอาจารย์ ! หัวหน้า เราต่างก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของท่าน ! หัวหน้าใหญ่โปรดรับรองด้วย ! ”