ระบบเจ้าสำนัก 437 : ความโชคดีในความโชคร้าย

ตอนที่ 437 : ความโชคดีในความโชคร้าย

เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยูสีหน้าของโอวเสินเฟิงก็เปลี่ยนไปทันที

 

เขาไม่คิดว่าจะมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น หากเขามีกายเนื้อ เขาก็จะเป็นเหมือนคนทั่วไป เมื่อพลังชีวิตหมดไป เขาก็จะตายอีกครั้ง

 

ไม่ใช่แค่โอวเสินเฟิง แต่จางหยูก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่มีทางปล่อยให้โอวเสินเฟิงรับความเสี่ยงแบบนี้

 

“ทำยังไงดี ทำยังไงดี…” เซียวเหยียนกังวลจนเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว “อาจารย์ เร็วเข้า รีบทำการบ่มเพาะ”

 

โอวเสินเฟิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “บ่มเพาะรึ ? พลังชีวิตของข้าลดลงมาไม่ถึงปี ด้วยพรสวรรค์ของข้าแล้ว แม้ว่าจะไม่นอนเป็นเวลาหนึ่งปีแต่ก็ไม่อาจจะบ่มเพาะไปถึงขอบเขตหลี่ซวนได้ ! ”

 

เขามีอายุ 1,548 ปี หากต้องการหยุดพลังชีวิตที่หมดไปอย่างรวดเร็วนี้ เขาก็ต้องบ่มเพาะให้ถึงขอบเขตหลี่ซวนขั้นต่ำ

 

มันใช้เวลาหลายร้อยปี กว่าที่เขาจะบ่มเพาะขึ้นมาถึงขอบเขตหลี่ซวนขั้นต่ำได้ แต่ตอนนี้เขากลับไม่คิดว่าเขาจะบ่มเพาะขึ้นไปยังขอบเขตหลี่ซวนขั้นต่ำได้เร็วพอ

 

“ไม่ อาจารย์โอว ท่านทำได้” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม  “หนึ่งปีจากขอบเขตตันซวนขั้นต่ำขึ้นไปยังขอบเขตหลี่ซวนขั้นต่ำนั้นไม่น่าจะใช่เรื่องยากสำหรับท่าน อย่าลืมว่าท่านรู้ถึงทักษะจี๋อู่ขั้นสูงแล้ว ซึ่งดีกว่าขั้นกลางที่เหล่าศิษย์บ่มเพาะกันมาก หากดูจากการบ่มเพาะของเซียวเหยียนแล้ว ท่านก็ควรมั่นใจในตัวเองบ้าง ”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นโอวเสินเฟิงก็ได้สติ  “ ใช่สิ ทักษะจี๋อู่ ! ”

 

เขาก็แค่ลนลานจนลืมเรื่องทักษะจี๋อู่ไป มันคือทักษะที่แสนวิเศษ

 

ต้องรู้ก่อนว่าเซียวเหยียนและคนอื่นๆทำการบ่มเพาะทักษะจี๋อู่ขั้นกลาง แค่ไม่กี่เดือนพวกเขาก็ทะลวงผ่านขึ้นมาขอบเขตว่อซวนและตันซวนได้ ผลของทักษะจี๋อู่ขั้นกลางนั้นน่าทึ่งขนาดนี้แล้วทักษะขั้นสูงจะมีผลที่น่าทึ่งขนาดไหนกัน ?

 

แม้ว่าพรสวรรค์ของโอวเสินเฟิงก่อนหน้านี้จะไม่ได้สูงนัก แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะแย่กว่าเซียวเหยียนมาก ด้วยทักษะจี๋อู่ขั้นสูงกับระดับการบ่มเพาะขอบเขตตันซวนขั้นต่ำแล้ว มันมีหวังที่เขาจะบ่มเพาะไปถึงขอบเขตหลี่ซวนขั้นต่ำใน 1 ปีได้ !

 

ศิษย์คนอื่นๆรวมไปถึงอาจารย์อย่างซู่เหยียนละอู่ฉิงฉวนต่างก็พากันโล่งอก

 

ทักษะจี๋อู่ขั้นสูงอาจจะมีความพิเศษ ที่ทำให้โอวเสินเฟิงบ่มเพาะขึ้นไปถึงขอบเขตหลี่ซวนใน 1 ปีได้ !

 

เฉินกู,อ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียนต่างก็แปลกใจ พวกเขารู้ว่าทักษะจี๋อู่นั้นวิเศษ แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะสามารถพัฒนาคนที่อยู่ขอบเขตตัวซวนขั้นต่ำไปยังขอบเขตหลี่ซวนขั้นต่ำได้ใน 1 ปี  ทักษะแบบนี้มันไม่แปลกไปหน่อยรึ ?

 

“ข้าจำได้ว่าเจ้าสำนักได้มอบทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำให้กับพวกเซียนไป” เฉินกูและอ้าวเยว่มองหน้ากันด้วยความเคร่งเครียด เฉินกูแปลกใจ  “ หากมนุษย์บ่มเพาะทักษะจี๋อู่กันหมดแล้ว ทวีปป่าแห่งนี้กับเผ่าสัตว์อสูรจะเป็นยังไง?”

 

ทั้งสัตว์อสูรและมังกรต่างก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้

 

ตอนนั้น เฉินกูก็หนักใจขึ้นมาเพิ่ม

 

“อาจารย์เฉิน เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมาก” จางหยูเห็นท่าทีผิดปกติของเฉินกู และพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำกับขั้นสูงมีความต่างกันอย่างมาก ขั้นต่ำนั้นมีผลไม่ถึง 1 ใน 10 ของขั้นสูง แม้ว่ามนุษย์จะบ่มเพาะ แต่มันก็ยากที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของมนุษย์ขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้น”

 

สำหรับสิ่งที่เรียกว่าการยกระดับครั้งใหญ่ มันหมายถึงการพัฒนาครั้งใหญ่ของโลกนี้

 

เฉินกูสงสัยในคำพูดของจางหยู แต่หนึ่งสิ่งที่เขามั่นใจคือมนุษย์จะแข็งแกร่งขึ้นมา หลังจากนี้อีก 10 ปีหรือนานกว่านั้นเผ่าสัตว์อสูรและมังกรจะไม่ได้เหนือกว่ามนุษย์อีก พวกเขาอาจจะยากที่จะทัดเทียมกับมนุษย์ได้

 

กงล้อแห่งโชคชะตาพลิกผันแล้ว เผ่ามังกรที่สูงส่งสำหรับทวีปป่ามาเป็นหมื่นๆปี อีกไม่นานจะถูกมนุษย์ก้าวข้าม บัลลังก์ที่พวกเขาเคยยึดครองไว้จะตกเป็นของมนุษย์

 

อ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียนยากที่จะรับความจริงในข้อนี้ได้ เพราะตัวตนของจางหยูทำให้พวกเขาไม่อาจจะทำอะไรได้ พวกเขาได้แต่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกกระอักกระอ่วน แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้

 

“เจ้าสำนักเกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์เหนือกว่าเผ่ามังกรนั้นพอเข้าใจได้ แต่ยังมีสุดยอดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ในเผ่าสัตว์อสูรมากมาย แล้วเผ่ามังกรจะเป็นยังไง?” อ้าวอู่เหยียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า เขาคือองค์รัชทายาทของเผ่ามังกร เขาเป็นรองแค่เพียงราชามังกร ในสายตาของคนในเผ่าแล้ว ฐานะของเขาสูงกว่าอ้าวเยว่ด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเขาก็ค้นพบว่าฐานะองค์รัชทายาทมังกรในอนาคตนั้นไม่ได้มีค่าคู่ควรพอที่จะพูดถึงด้วยซ้ำ

 

สูงสุดคือเผ่ามนุษย์ แม้แต่เผ่าสัตว์อสูรก็ยังเหนือกว่าเผ่ามังกร

 

เผ่ามังกรที่รุ่งโรจน์มาหลายหมื่นปีกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาถแบบนี้รึ ?

 

จางหยูไม่ได้มีทักษะอ่านใจ เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่รู้ว่าอ้าวอู่เหยียนคิดอะไรอยู่ ไม่งั้นแล้วเขาคงพูดออกไปว่า  “หากพวกศัตรูรุกรานเข้ามายังโลกป่าขั้นต่ำ เผ่ามนุษย์, สัตว์อสูรและมังกรก็ไม่อาจจะหนีพ้นได้ มันไม่มีประโยชน์ที่จะมาสู้กันเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ความแข็งแกร่ง ”

 

จางหยูหันไปหาโอวเสินเฟิงและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม  “อาจารย์โอว ข้าคิดว่าท่านลองบ่มเพาะดูก่อน และท่านจะพบกับความจริงที่น่าแปลกใจ ”

 

ทุกคนไม่เข้าใจว่าจางหยูหมายถึงอะไร

 

โอวเสินเฟิงเองก็ไม่เข้าใจ แต่เขาเชื่อว่าจางหยูไม่โกหกเขา เมื่อเจ้าสำนักบอกว่ามันเป็นเรื่องน่าแปลกใจ งั้นมันก็ต้องน่าแปลกใจ !

 

สำหรับจางหยูแล้วโอวเสินเฟิงถือว่าเขาเป็นเซียน เขาเชื่อในตัวจางหยูในระดับที่คาดไม่ถึง ไม่ว่าจางหยูจะพูดอะไร เขาก็ไม่คิดสงสัยเลยแม้แต่น้อย การที่เขาได้กลับมาเป็นมนุษย์ทั่วไปนี้คือข้อยืนยันที่ดีที่สุด

 

โอวเสินเฟิงนั่งขัดสมาธิลงทันที และเริ่มทำการบ่มเพาะตามทักษะจี๋อู่ขั้นสูง

 

ปัง ปัง ปัง ปัง !

 

หลิงชี่รอบตัวของโอวเสินเฟิงถูกดึงเข้าหาตัวอย่างบ้าคลั่ง การบ่มเพาะอันน่ากลัวแบบนี้ ทำให้เฉินกู,อ้าวเยว่และคนอื่นๆพากันตะลึง พวกเขารับรู้ได้ว่าพลังของโอวเสินเฟิงนั้นเพิ่มขึ้นมาด้วยความเร็วที่น่าตกใจ แม้ว่าไม่อาจทะลวงผ่านได้ในตอนนี้ แต่เวลานั้นคงมาถึงในอีกไม่ช้า

 

คนที่เหลือต่างก็พากันหวาดกลัวกับความเร็วในการบ่มเพาะของโอวเสินเฟิง แม้แต่เซียวเหยียน, อู่โม่ และคนอื่นๆก็พากันตะลึง

 

พวกเขาได้เปลี่ยนมาบ่มเพาะทักษะจี๋อู่ขั้นสูงกันแล้ว แต่ความเร็วในการบ่มเพาะก็ยังด้อยกว่าโอวเสินเฟิง แม้แต่เซียวเหยียนที่มีร่างกายที่ดีที่สุด ก็ยังบ่มเพาะได้ไม่เร็วเท่าโอวเสินเฟิง มันยากที่จะคิดได้ว่าโอวเสินเฟิงมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะน่ากลัวแค่ไหน

 

อยู่ๆพลังของโอวเสินเฟิงก็ยกระดับขึ้นมามากขึ้นถึงสองเท่าในพริบตา

 

“ทะลวงผ่านแล้ว!”

 

ทุกคนตะลึง นี่มันราวกับความฝัน

 

จริงรึ ?

 

แค่บ่มเพาะได้ไม่นานก็ยกระดับจากขอบเขตตันซวนขั้นต่ำมาเป็นขั้นกลางได้รึ ?

 

ต้องรู้ก่อนว่าโอวเสินเฟิงไม่ได้ใช้สมบัติและไม่ได้กินยาเข้าไป ระดับการบ่มเพาะของเขาทะลวงผ่านมาได้เพราะการบ่มเพาะของเขาเท่านั้น ไม่ได้มีองค์ประกอบภายนอก

 

โชคดีที่หลังจากทะลวงผ่านมาได้ ความเร็วในการบ่มเพาะของเขาก็ลดลงมาอย่างมาก แม้ว่าจะเร็วกว่าเซียวเหยียนแต่มันก็ต่างกับตอนแรกอย่างมาก

 

โอวเสินเฟิงปรับระดับการบ่มเพาะของตน ก่อนจะหยุดลงแล้วค่อยๆลืมตาขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจ  “ พระเจ้า ทะลวงผ่านมาได้เร็วจริงๆ!” เขาไม่คิดไม่ฝันว่าบ่มเพาะได้เพียงไม่นานแต่กลับทะลวงผ่านขึ้นมาขอบเขตตันซวนขั้นกลางได้ แม้ว่าพลังชีวิตจะเพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อย แต่การสูญเสียพลังชีวิตก็ช้าลงไปด้วย แม้ว่าเขาจะไม่ทำการบ่มเพาะต่อแต่เขาก็มีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนานกว่าเดิม…

 

“ความเร็วในการบ่มเพาะนี่เร็วกว่าในอดีตเป็นร้อยเท่าเลยไม่ใช่รึ?” โอวเสินเฟิงจมอยู่กับความยินดี หากไม่ใช่เพราะจางหยูรออยู่ เขาคงทำการบ่มเพาะทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หลับไม่นอน

 

จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม  “เป็นยังไง ท่านพอใจหรือไม่ ?”

 

สำหรับความเร็วในการบ่มเพาะของโอวเสินเฟิงนั้น จางหยูไม่ได้แปลกใจ เพราะเมื่อโอวเสินเฟิงเริ่มทำการบ่มเพาะ พลังดั้งเดิมก็ถูกปนเปื้อนทันที ดังนั้นพลังดั้งเดิมจึงถูกเปลี่ยนเป็นปราณและทำให้ระดับการบ่มเพาะเพิ่มขึ้น ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ แม้ว่าระดับการบ่มเพาะจะเพิ่มขึ้นมา แต่พลังในการต่อสู้ไม่ได้พัฒนาขึ้นมามากนัก ยิ่งการบ่มเพาะพัฒนาไปได้มากเท่าไหร่ พลังในการต่อสู้ก็จะยิ่งหายไปมากเท่านั้น

 

โอวเสินเฟิงพยักหน้าตอบรับด้วยความตื่นเต้น  “ พอใจ พอใจมากๆ ! “

 

เขารู้สึกว่าพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเขาสูงกว่าในอดีตที่ยังมีชีวิตเป็นสิบเท่า หากเขามีความสามารถเช่นนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกินยาใดๆ แค่พึ่งพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของตัวเองก็ง่ายที่จะขึ้นไปถึงขอบเขตตุ้นซวนได้ และกลายเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด

 

“เจ้าสำนัก เกิดอะไรขึ้นกัน ” ซู่เหยียนถามขึ้นมาด้วยความสงสัย  “เหตุใดพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของอาจารย์โอว ถึงได้แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ?”

 

ซู่เหยียนเชื่อว่าพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเขาไม่ได้แย่ แม้ว่าจะไม่ดีเท่ากับเหล่าเซียน แต่พรสวรรค์ของเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่ามากนัก  พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของโอวเสินเฟิงนั้นสูงกว่าเขาซึ่งมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเหล่าเซียนเลย หากรับรวมกับทักษะจี๋อู่ขั้นสูงนี้ ด้วยพรสวรรค์ของเขาแล้วเขากลัวว่าจะตามโอวเสินเฟิงไม่ทัน

 

คนอื่นๆพากันมองไปที่จางหยูด้วยความสงสัย

 

โอวเสินเฟิงเองก็สงสัยเช่นกัน เขาอยากรู้เกี่ยวกับร่างกายของตนเอง

 

ภายใต้สายตาของทุกคนจางหยูได้พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม  “ ข้าเคยบอกแล้วว่าพรสวรรค์ของคนแบ่งเป็น 6 ดาว พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ ?”

 

เฉินกู , อ้าวเยว่, อ้าวอู่เหยียน, ซู่เหยียน, อู่ฉิงฉวนและคนอื่นๆแสดงสีหน้าว่างเปล่าออกมา มีแค่โอวเสินเฟิงและเหล่าศิษย์ที่พยักหน้า

 

“อันที่จริงแล้วพรสวรรค์ของคนไม่ใช่แค่แบ่งเป็น 6 ดาวแต่มันยังแบ่งเป็นขั้นด้วย” จางหยูพูดขึ้นมาโดยไม่ลังเล “พรสรรค์ทางกายภาพ, การรับรู้, พรสวรรค์พิเศษ พรสรรค์ทางกายภาพหมายถึงสายเลือดและความสามารถในการบ่มเพาะ การรับรู้หมายถึงสติในการต่อสู้และความสามารถในการทำความเข้าใจกฎ พรสวรรค์พิเศษหมายถึงสายอาชีพพิเศษอย่างเช่นหลอม, การปรุงยาและค่ายกล”

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ยินเรื่องนี้ มันทั้งดูน่าทึ่งและมีเหตุผล มันเกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะของพวกเขา แม้แต่สัตว์อสูรกับมังกรก็ใช้ระบบนี้เช่นกัน

 

“ อาจารย์เฉิน, อาจารย์อ้าวเยว่, อาจารย์อ้าวอู่เหยียน ต่างก็มีร่างกาย 6 ดาวขั้นสูง อาจารย์ซู่เหยียน ด้อยกว่ามีร่างกายที่ 6 ดาว…” จางหยูมองไปรอบๆและพูดขึ้นมา  “ ร่างกายของเซียวเหยียนอยู่ที่ 5 ดาวขั้นสูงและการรับรู้อยู่ที่ 5 ดาวแต่พรสวรรค์ด้านการหลอมอยู่ที่ 6 ดาว  ร่างกายของโจวซินเอ๋อร์อยู่ที่…”

 

จางหยูบอกพรสวรรค์ของทุกคนออกมา ยกเว้นแค่โอวเสินเฟิง

 

“พรสวรรค์ร่างกายของเราอยู่แค่ 1 ดาวเองรึ ?”  เหมาฉางเฟิงและคนอื่นๆรู้สึกละอายขึ้นมา

 

อู่โม่,เติ้งชิวฉานและคนอื่นๆที่มีร่างกาย 3 ดาวและ 2 ดาวยังพอจะรักษาหน้าไว้ได้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังรู้สึกละอายอยู่ดี

 

แต่คนเหล่านี้ไม่อาจจะมองข้ามได้ เวลาแค่ไม่กี่เดือนพวกเขาก็ขึ้นมาถึงขอบเขตว่อซวนได้ มันแสดงให้เห็นชัดแล้วว่าพวกเขาขยันในการบ่มเพาะทักษะจี๋อู่มากเพียงใด

 

“แล้วอาจารย์โอวล่ะ?” ซู่เหยียนถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

 

จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม  “เพื่อจะสร้างกายเนื้อให้อาจารย์โอว ข้าต้องเสียไปไม่น้อยเช่นกัน แน่นอนว่ามันย่อมไม่ธรรมดา พรสวรรค์ทางกายภาพและการรับรู้ของอาจารย์โอวอยู่ที่ 6 ดาวขั้นสูง พรสวรรค์การหลอมที่แต่ก่อนอยู่ที่ระดับ 5 ดาวขั้นต่ำก็ขึ้นมาถึง 6 ดาว ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อาจารย์โอวได้พบกับโชคดีในโชคร้าย  ในโลกป่าขั้นต่ำนี้ยากที่จะหาผู้บ่มเพาะทัดเทียมกับอาจารย์โอวได้ ในสำนักคังเฉียงของพวกเรา นอกจากอาจารย์เฉิน อาจารย์อ้าวเยว่และอาจารย์อ้าวอู่เหยียนแล้ว ไม่มีใครทัดเทียมกับเขาได้”

 

คนอื่นๆอาจจะไม่เห็น แต่จางหยูเห็นข้อมูลที่เต็มไปด้วยสีแดงและม่วงของโอวเสินเฟิงได้

 

ยกเว้นแค่ร่างเทียมของเขาแล้ว ไม่มีใครที่ทัดเทียมกับโอวเสินเฟิงได้  แม้แต่ร่างเทียมของเขาก็ยังไม่ดีเท่ากับโอวเสินเฟิง เพราะเขาไม่ได้เพิ่มพรสวรรค์พิเศษให้กับร่างเทียม  ส่วนร่างสุดยอดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์นั้น เพราะสายเลือดจึงทำให้มีทักษะศักดิ์สิทธิ์กับตัว แต่หากไม่มีพรสวรรค์ในการรับรู้ ก็ยังด้อยกว่าโอวเสินเฟิง

 

แน่นอนสิ่งที่พูดถึงตอนนี้คือพรสวรรค์โดยรวม หากวัดแค่พรสวรรค์ในการบ่มเพาะแล้ว คงมีไม่กี่คนที่ทัดเทียมกับโอวเสินเฟิงได้

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-1579 อ่านนิยาย

ระบบเจ้าสำนัก … เรื่องย่อ

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร

มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ

ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์

หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”

เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ

ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้

ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

Options

not work with dark mode
Reset