ตอนที่ 431 : พลังของเจ้าสำนัก
ไม่มีใครรู้ว่าจางหยูหายไปไหนและไม่มีใครรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาหายตัวไป ทุกคนต่างก็ยังคงสนใจเฉินกูและอ้าวเยว่ พวกเขาไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงรอบตัวด้วยซ้ำ ที่โลกภายนอกลำแสงที่เหมือนจะแผดเผาทุกอย่างในโลก และหลุมดำที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 1 กม.ได้แผ่พลังของมันออกมา จนทำให้ผู้คนหวาดกลัวไปถึงจิตวิญญาณ หากพลังทั้งสองระเบิดออกมา บางทีทั้งเขตมืดหรือแม้แต่เขตลึกก็อาจจจะถูกทำลายไปพร้อมกับสัตว์อสูร, ต้นไม้และสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครที่จะหยุดมันได้ แม้ว่าจะเกิดขึ้นช้ากว่านี้ก็คงไม่มีใครหยุดมันได้เช่นกัน เซียนทั้งสี่และคนของสำนักคังเฉียงได้แต่มองดูสิ่งที่เกิดขึ้น
ตอนนั้นเวลาเหมือนจะหยุดนิ่ง ลำแสง , หลุมดำ,เฉินกูและอ้าวเยว่หยุดนิ่งราวกับรูปปั้นหิน ทุกคนในมิติแยกส่วนเองก็หยุดนิ่งเช่นกัน แม้แต่หัวใจหรือการหายใจก็ยังหยุดไปด้วย
ทั้งโลกเหมือนกับถูกแช่แข็งเอาไว้
“ เฮ้อ ”
มีเสียงหายใจเบาๆดังก้องไปทั่วทั้งโลกและสวรรค์ จากนั้นที่ใจกลางระหว่างลำแสงและหลุมดำก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมา
ตอนที่ร่างนั้นปรากฏตัวขึ้น เวลาเหมือนจะกลับไปเดินดังเดิม ลำแสงพุ่งเข้าชนร่างนั้นพร้อมกับหลุมดำที่แผ่พลังดูดที่น่ากลัวออกมาใส่ร่างนั้น
ตู้มมมมม !
เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น โดยที่มีร่างนั้นเป็นศูนย์กลาง ก่อนจะแผ่ออกไปโดยรอบกว่า 100 กม.พร้อมกับทำให้มิติโดยรอบสั่นไหว
พื้นที่ในเขตลึกแถวส่วนชายแดนกว่า 10 กม.รอบภูเขาระเบิดออกราวกับเต้าหู้ มันถล่มลงในพริบตาและแผ่กระจายผลกระทบออกไปไกลกว่า 100 กม. ภูมิประเทศของที่นั่นเริ่มถูกทำลายก่อนที่สุดท้ายจะหายไป
อันที่จริงพลังของลำแสงและหลุมดำนั้นอ่อนแอลงมากถึง 10 เท่า โดยร่างลึกลับนี้แล้ว ไม่งั้นแล้วป่าหวงหยวนกว่า 1 ใน 10 คงถูกทำลาย พื้นที่ข้างๆกว่าครึ่งก็คงได้รับผลกระทบไปด้วย มันจะเป็นดินแดนแห่งภัยพิบัติที่ในรอบล้านปีก็ยากที่จะมีสิ่งมีชีวิตกำเนิดขึ้นมาได้
“ เจ้าสำนัก ! ”
เมื่อทุกคนเห็นหน้าตาของชายลึกลับ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
อ้าวอู่เหยียนกำหมัดแน่นและพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น “ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าสำนักต้องลงมือ ! ”
เหล่าเซียนต่างก็พูดอะไรไม่ออก
“รับการโจมตีของอาจารย์เฉินและอาจารย์อ้าวเยว่ แต่ยังไม่เป็นอะไร ไม่มีใครทำแบบนี้ได้นอกจากเจ้าสำนัก !” โอวเสินเฟิง,อู่ฉิงฉวนและคนอื่นๆต่างก็พากันตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พวกเขามองไปยังจางหยูด้วยความเคารพและตะลึง รวมไปถึงความภาคภูมิใจด้วย
ตอนนั้นเหล่าเซียนก็ได้สติ
“นี่คือความแข็งแกร่งของเจ้าสำนักรึ?” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่นไปเพราะความกลัว
หยางเพ้ยอันมองไปที่ร่างที่ดูราวกับเทพ และอ้าปากค้างไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้
น่าตกใจเกินไป !
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเจ้าสำนักจะแข็งแกร่งทัดเทียมกับราชามังกร เมื่อเห็นฉากเมื่อครู่นี้ ก็ทำให้พวกเขาเปลี่ยนความคิดไปในทันที คนที่ทัดเทียมกับคนแบบนี้ได้คงไม่มีตัวตนอยู่จริง !
พวกเขามั่นใจว่า เจ้าสำนักนั้นแข็งแกร่งกว่าราชามังกร และไม่ใช่แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย แต่อาจจะเหนือกว่าหลายขั้น !
นี่ไม่ใช่พลังที่ยอดฝีมือระดับสูงสุดควรจะมีได้ !
ที่โลกภายนอก
จางหยูเอามือไขว้หลังและพูดขึ้นมา “ พอหรือยัง ? ”
พอหรือยัง ?
เมื่อเห็นว่าจางหยูไม่เป็นอะไร ใจของเฉินกูก็เต้นรัวไม่อาจจะรับความจริงเรื่องนี้ได้
“ข้ารู้ว่าเจ้าสำนักนั้นแข็งแกร่ง แต่…” เฉินกูไม่เคยสู้กับจางหยู เขารู้แค่ว่าจางหยูแข็งแกร่งอย่างมาก และไม่ได้ด้อยกว่าราชามังกรเลย แต่สักครู่นี้เมื่อได้เห็นความแข็งแกร่งของจางหยูจริงๆ เฉินกูก็พบว่าเขาคิดผิดไป “ข้ากับสตรีผู้บ้าคลั่งได้ใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่อาจจะทลายการป้องกันของเจ้าสำนักได้…”
ต้องรู้ก่อนว่า ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาของเฉินกูหรืออ้าวเยว่ มันก็สามารถที่จะฆ่าราชามังกรได้
แต่ตอนนี้มันกลับทลายการป้องกันของเจ้าสำนักไม่ได้
เฉินกูจำได้ในครั้งแรกที่ได้พบกับเจ้าสำนัก เขาไม่ได้ยั้งมือเลยสักนิดตอนที่โจมตีเจ้าสำนัก ตอนนั้นเขาเหงื่อผุดไปทั้งตัวและเริ่มมีความกลัวก่อตัวขึ้นมาในใจ
“หาก…หากข้าสู้กับเขา เกรงว่าข้าคงต้องตายไปแล้ว” เฉินกูพบว่าเขาห่างจากความตายแค่เพียงก้าวเดียว การที่เขารอดมาได้ ถือว่าเป็นพรจากสวรรค์
เมื่อเห็นว่าเฉินกูเงียบอยู่นาน จางหยูก็คิ้วขมวดและพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ อาจารย์ทั้งสองคือผู้มีพรสวรรค์ของสำนักคังเฉียง พวกท่านคือเสาหลักของสำนักคังเฉียงในอนาคต พวกท่านมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ข้าไม่อยากให้ท่านต้องสู้กันโดยเอาชีวิตมาเดิมพัน ! สำนักคังเฉียงไม่อาจจะรับความสูญเสียเช่นนั้นได้ !”
เขามองไปที่เฉินกูและพูดขึ้น “ หากพวกท่านไม่พอใจ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะเป็นคู่มือให้กับพวกท่าน ”
เฉินกูเหงื่อตกและพูดขึ้นมาด้วยความกลัว “ ไม่ ไม่ เจ้าสำนัก ข้าพอใจ ข้าไม่อยากสู้แล้ว ! ”
เมื่อพูดจบเฉินกูก็กลับร่างเป็นมนุษย์ ในเวลาเดียวกันชั้นผิวของเขาก็ปกคลุมไปด้วยปราณ ตอนที่เขาเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์นั้น ปราณก็ได้เปลี่ยนเป็นชุดของเขา
“ สู้กับเจ้าสำนักรึ ? ”เฉินกูอดไม่ได้ที่จะคิด “ ข้ายังไม่อยากตาย ! ”
มีข่าวลือว่า เจ้าสำนักอาจจะก้าวข้ามขอบเขตตุ้นซวนไปแล้ว เขาก้าวข้ามเหล่ายอดฝีมือระดับสูงขึ้นไปในขอบเขตที่ไม่มีใครรู้จัก ตอนแรกเฉินกูแค่สงสัย แต่ตอนนี้เขามั่นใจว่าเจ้าสำนักแข็งแกร่งเหนือกว่ายอดฝีมือระดับสูงทั้งหมด ไม่งั้นแล้ว เจ้าสำนักคงไม่อาจรับการโจมตีจากเขาและอ้าวเยว่โดยไร้รอยขีดข่วนแบบนี้ได้
มีแค่พวกที่ก้าวข้ามยอดฝีมือระดับสูงสุดเท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้ !
เฉินกูมั่นใจว่าข่าวลือนั่นเป็นความจริง เจ้าสำนักก้าวข้ามขอบเขตตุ้นซวนไปแล้ว !
เฉินกูคิด “ เจ้าสำนักรับปากกับข้าไว้ว่า หากข้าเข้าร่วมสำนักคังเฉียงในฐานะอาจารย์ของชั้นเรียนสัตว์อสูร เขาจะให้โอกาสข้าในการก้าวข้ามขอบเขตตุ้นซวน ! นี่มัน….”
เฉินกูอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น “ มันจริงรึ ! ”
เขาไม่เคยใส่ใจคำสัญญานี้ แต่ตอนนี้เขากลับเริ่มคาดหวังกับมันขึ้นมา
จางหยูหันไปมองที่อ้าวเยว่ที่อยู่อีกด้านและพูดขึ้น “ อาจารย์อ้าวเยว่ ท่านกับอาจารย์เฉิน หยุดสู้กันเถอะ ! ”
ทุกคนต่างก็มองไปที่อ้าวเยว่
อ้าวเยว่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ร่างกายขนาดใหญ่ของนางสั่นไหวอยู่หลายครั้งก่อนจะตกลงมาอย่างรวดเร็ว
“ ท่านน้า ! ”
“ อาจารย์อ้าวเยว่ ! ”
ในมิติแยกส่วน ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
เฉินกูเองก็แสดงสีหน้ากังวลและมองไปที่ร่างที่กำลังตกลงไป สีหน้าของเขาดูซับซ้อน
ฟิ้ว***
ร่างของจางหยูพุ่งตัดอากาศและปรากฏตัวอยู่ข้างๆอ้าวเยว่ พลังงานอันแข็งแกร่งได้ยกตัวอ้าวเยว่เอาไว้ตอนที่นางกำลังจะกระแทกกับพื้น….
การรับรู้ของจางหยูได้ห่อหุ้มตัวอ้าวเยว่เอาไว้ เขาได้ตรวจสอบอาการของอ้าวเยว่ก่อนจะคิ้วขมวด “ ไม่ดีแล้ว ”
อ้าวเยว่ไม่ใช่แค่ใช้พลังวิญญาณไปจนหมด ร่างกายของนางก็ยังย่ำแย่อย่างมาก นางกำลังจะเข้าสู่การหลับลึก
เฉินกูบินเข้ามาหาจางหยู และมองไปที่อ้าวเยว่ที่กำลังจะหลับ พร้อมกับความรู้สึกผิดที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ
“เจ้าสำนัก นาง…อาจารย์อ้าวเยว่ เป็นยังไงบ้าง?” แน่นอนเฉินกูนั้นรู้ว่าอาการของอ้าวเยว่นั้นต้องแย่ แต่เขาก็ยังมีหวัง บางทีเจ้าสำนักอาจจะมีหนทางช่วยนางไว้ได้
“ ท่านน้า ! ”
ในมิติแยกส่วน อ้าวอู่เหยียนได้ตะโกนออกมา “ เจ้าสำนัก เจ้าสำนัก ข้าขอร้อง ช่วยท่านน้าที ! ”
จางหยูพลิกฝ่ามือพร้อมกับมิติแยกส่วนที่หลอมรวมเข้ากับโลกป่าขั้นต่ำ อ้าวอู่เหยียน, เหล่าเซียนและศิษย์สำนักคังเฉียงต่างก็ปรากฏตัวขึ้นในท้องฟ้า จากนั้นทุกคนก็มุ่งหน้ามาหาจางหยู
“ ท่านน้า ! ” ตาของอ้าวอู่เหยียน แดงก่ำพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา องค์รัชทายาทมังกรที่เย่อหยิ่งไม่เคยเศร้าเสียใจแบบนี้มาก่อน เขาราวกับเด็กน้อยซึ่งทำให้ผู้คนรอบๆต่างก็สลด
อาจารย์และศิษย์ต่างก็พากันกังวล
เหล่าเซียนพากันเงียบก่อนจะพูดขึ้นมา “ องค์รัชทายาท ทำใจซะเถอะ ! ”
แม้ว่าอ้าวเยว่จะยังไม่ตาย แต่พลังวิญญาณของนางก็หมดไปแล้ว และมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากตายเท่าไหร่ แม้ว่าจะมีปรมาจารย์ด้านการปรุงยาที่เก่งที่สุดในโลกมาที่นี่ แต่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้
อ้าวเยว่ในตอนนี้เหมือนกับร่างที่ไร้วิญญาณ แม้ว่าร่างกายจะอยู่รอดต่อไปได้ แต่เมื่อไม่มีสติมันก็ไม่ต่างอะไรจากผัก
“ บัดซบ ! ” ตาของอ้าวอู่เหยียนแดงก่ำและมองไปที่เหล่าเซียนด้วยสายตาอาฆาต “ พวกเจ้ากล้าสาปแช่งท่านน้าข้า รนหาที่ตาย ! ”
เหล่าเซียนนั้นโกรธแต่สุดท้ายก็ใจเย็นลงได้ ยังไงซะอ้าวเยว่ก็ไม่ต่างจากตายไปแล้ว เขาแค่ใช้คำพูดไม่เหมาะจนทำให้เกิดความเข้าใจผิด
ตอนนั้นเองอ้าวอู่เหยียนได้ระเบิดพลังออกมา !
ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขาในตอนนี้ ไม่งั้นแล้วผลกระทบที่ตามมาคงจะรับกันไม่ไหว
“ เฮ้อ ! ” ผู้คนต่างก็เสียใจกับการหลับใหลของอ้าวเยว่ น่าเสียดายที่คนที่น่าทึ่งแบบนางจะมาจบชีวิตลงแบบนี้
ไม่มีใครคิดว่าอ้าวเยว่จะกลับมามีชีวิตต่อได้เพราะมันเป็นเรื่องที่ยาก มีตัวอย่างมากมายในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา พวกเขาอยู่ต่อได้แต่ไม่มีใครเลยที่จะกลับมามีสติได้ดังเดิม พวกเขากลับเข้าสู่การหลับใหลอันยาวนานแทน
อ้าวอู่เหยียนรีบพุ่งไปตรงหน้าจางหยู และอ้อนวอนออกมา “เจ้าสำนัก ได้โปรดช่วยท่านน้าที ! ได้โปรด ! ไม่ว่าจะให้ทำอะไรข้าก็ยอม ! ” จางหยูคือที่พึ่งสุดท้าย หากมีใครสักคนในโลกที่ช่วยอ้าวเยว่ได้ เขาเชื่อว่าคนนั้นๆก็คือจางหยู
ทุกคนต่างก็ได้สติและมองไปที่จางหยู พวกเขาต่างก็สงสัยว่าเจ้าสำนักจะมีวิธีที่น่าพิศวงเช่นใด ?
จางหยูเงียบไปและมองไปที่อ้าวเยว่ที่หลับใหล สักพักเขาก็หันไปหาอ้าวอู่เหยียน และพูดขึ้น “ ข้าลองดูได้แต่ข้าไม่มั่นใจ เจ้าควรจะเตรียมใจไว้ ”