ตอนที่ 429 :เฉินกู V อ้าวเยว่(III)
น่าอายจริงๆ !
การที่พ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงที่ยังอยู่ในสภาพอ่อนแอ นี่คือเรื่องน่าอายสำหรับเฉินกู!
ตอนนั้นเฉินกูได้เผชิญหน้ากับอ้าวเยว่ นางแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดเอาไว้ เขาไม่ได้สงสัยเลยว่านางคือยอดฝีมือระดับสูงของเผ่ามังกร !
เฉินกูทั้งตกตะลึงและสลดแต่ด้วยเกียรติที่มีทำให้เขาไม่ยอม เขาไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองพ่ายแพ้กับผู้หญิงที่ยังอยู่ในสภาพอ่อนแอได้ แม้ว่านางจะมาจากเผ่ามังกรที่แข็งแกร่งก็ตาม !
อยู่ๆเฉินกูก็ขยับ
ปัง !
ร่างของเขาได้พุ่งเข้าหาอ้าวเยว่ เสียงระเบิดเกิดขึ้นพร้อมกับรอยแตกมิติขนาดใหญ่
เพราะเขารวดเร็วเกินไป มันจึงเกิดภาพติดตาขึ้นด้านหลังเขา
ในเวลาเดียวกันปราณธาตุทองและวังวนปราณนับไม่ถ้วนก็ได้เพิ่มพลังให้กับเขา แม้ว่าอาณาเขตของเขาจะพ่ายแพ้ให้กับอ้าวเยว่ และทำให้เขาอ่อนแอลง แต่มิติรอบข้างก็ยังสั่นไหวอย่างรุนแรงราวักบว่ามันจะพังลงตอนไหนก็ได้
“ จะปะทะโดยตรงรึ ?”
อ้าวเยว่จ้องไปที่เฉินกู ตอนเฉินกูพุ่งเข้ามา วังวนไฟในอาณาเขตก็ได้ปลดปล่อยความร้อนอันน่ากลัวออกมา แทบจะทันทีไฟก็ได้พุ่งไปทางเฉินกูมันราวกับไฟที่มาจากนรก มันสว่างจ้าไปทั่วเขตมืด
เฉินกูยังเข้าไม่ถึงตัวอ้าวเยว่ แต่ต้องเผชิญหน้ากับไฟที่น่ากลัวนี่ !
เฉินกูหรี่ตาลง เขาดึงหมัดกลับมาก่อนจะต่อยออกไป เกิดคลื่นอันน่ากลัวเข้าปะทะกับเปลวไฟที่พุ่งเข้ามา
ตูม ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง !
ในท้องฟ้านั้นเกิดหลุมดำขนาดใหญ่ขึ้น ด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า มันเกิดพายุที่น่ากลัวแผ่ออกมาทุกทิศทาง ต้นไม้และพื้นดินนับไม่ถ้วนถูกพายุนั้นกลืนเข้าไปลอยวนอยู่ในท้องฟ้า
ระยะหลายสิบกิโลเมตรในเขตมืดทุกอย่างกลายเป็นซากลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ โอ้…” ในมิติแยกส่วนทุกคนต่างก็พากันกลั้นหายใจ
พลังทำลายล้างช่างน่ากลัวจริงๆ !
ทุกคนต่างก็มองไปยังทั้งสองคนด้วยความตะลึง สีหน้าของเฉินกูและอ้าวเยว่ต่างก็แสดงความแปลกใจออกมาเล็กน้อย
“ สู้แบบเผชิญหน้าข้าก็ยังด้อยกว่า ” ผิวของเฉินกูแดงก่ำราวกับถูกต้มมา ผมของเขาก็มีควันลอยออกมา แต่เขาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เขากลับมองไปที่อ้าวเยว่แทน “ แม้ว่าจะอ่อนแรงแต่ก็ทำให้ข้าบาดเจ็บได้ง่ายๆ ช่องว่างระหว่างข้ากับนางมันมากขนาดนี้เลยรึ ?”
เขาไม่อาจจะรับความจริงนี้ได้
ต้องรู้ก่อนว่าเขาเป็นถึงราชาสัตว์อสูร !
ทั้งเผ่าสัตว์อสูรไม่อาจจะหาใครแข็งแกร่งกว่าเขาได้ !
อ้าวเยว่เองก็แปลกใจเช่นกัน “ ชายคนนี้บาดเจ็บแค่เพียงเล็กน้อยเองรึ ? ”
แม้ว่านางจะยั้งมือเอาไว้ แต่พลังของมันก็ไร้เทียมทานเกือบจะถึง 1 ใน 3 ของพลังเต็มที่ แต่เฉินกูกลับแค่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้นางแปลกใจ
“ เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ ” อ้าวเยว่มองไปที่เฉินกูด้วยท่าทีเฉยชา ก่อนจะพูดออกมาเป็นคนแรก
ความแข็งแกร่งที่เฉินกูแสดงออกมานั้น ได้รับความเคารพจากนาง ความสามารถในการทนรับพลัง 1 ใน 3 ของนางได้นั้นทำให้เขามีสิทธิที่จะพูดคุยกับนางได้
“ เจ้าเองก็ไม่เลว ” เฉินกูยิ้มออกมา
ความเย่อหยิ่งที่เขามีนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าอ้าวเยว่ และเขามักจะไม่สนความเห็นของคนอื่น
สีหน้าที่ซีดของอ้าวเยว่ได้เผยรอยยิ้มที่หายากออกมา ราวกับบัวหิมะที่เบ่งบาน “ ต่อไปข้าจะเอาจริง หากเจ้าตายก็อย่าโทษว่าข้าไม่เตือน ”
เมื่อครู่นี้คือเฉินกูที่เปิดฉากโจมตีก่อนและครั้งนี้ก็ถึงตาของนางบ้าง
เฉินกูยังไม่ทันได้ตอบกลับ อ้าวเยว่ก็มีไฟลุกท่วมขึ้นมาอีกครั้ง “ โทสะของเทพอัคคี ! ”
ไฟที่ราวกับสายน้ำได้มารวมตัวกันกลายเป็นมังกรไฟ ร่างของมันยาวกว่าพันลี้ ไฟลุกไหม้อยู่ในเบ้าตาของมันและมิติโดยรอบต่างก็บิดเบี้ยว มังกรไฟนี้ราวกับมังกรที่มีชีวิต มันคำรามออกมาจนทำให้มิติที่บิดเบี้ยวสั่นไหวอย่างรุนแรง
“ อันตราย ! ” ใจของเฉินกูเต้นรัว แม้แต่วิญญาณก็ยังสั่นไหวไปด้วย
มังกรไฟนี้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงอันตราย !
“ ผ่านมากี่ปีแล้ว…” เฉินกูที่รับรู้ได้ถึงอันตรายนั้นไม่ใช่แค่ไม่กลัวแต่เขายังคึกไปด้วย“ กี่ปีแล้วที่ข้าไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายแบบนี้….”
ครั้งที่แล้วคงเป็นหลายพันปีก่อนที่เขาได้สู้กับเป้ยหลงไม่ใช่รึ ?
แม้ว่าจางหยูจะทำให้เฉินกูรับรู้ได้ถึงอันตราย แต่อันตรายนั้นมาจากสัญชาตญาณ แต่ความรู้สึกในตอนนี้นี่สิเป็นของจริง
“ กรร..”
มังกรไฟได้คำรามขึ้นมาอีกรอบ และพุ่งเข้าใส่เฉินกู
หากต้องการหนีเฉินกูมั่นใจ 8 ใน 10 ว่าจะหนีจากระยะโจมตีของมังกรไฟได้ มังกรไฟนั้นรวดเร็วแต่ด้วยระยะทางที่ไกลแบบนี้ ยังไงเฉินกูก็ตอบโต้ได้ทัน
เฉินกูรับรู้ได้ถึงอันตรายจากมังกรไฟและไม่ต้องเดาเลยว่าตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือหนี แต่เท้าของเขากลับยังยืนอยู่ที่เดิม เขายังคงเผชิญหน้ากับมังกรไฟโดยไม่ขยับและไม่คิดที่จะหลบ !
เขาเป็นใครกัน ?
เขาคือราชาสัตว์อสูร !
ราชาสัตว์อสูรผู้ทรงเกียรติจะหนีได้หรือไง ?
หากความแข็งแกร่งของอ้าวเยว่สูงเกินจะต้านทานได้ แน่นอนว่าเขาคงเลือกที่จะหลบหรือหนีไป แต่อ้าวเยว่ตอนนี้อยู่ในสภาพอ่อนแรง นางยังใช้พลังออกมาไม่ถึงครึ่ง ในฐานะราชาของสัตว์อสูรเฉินกูจะหนีได้หรือไง ?
หากเรื่องนี้กระจายไปถึงหูผู้อื่น ไม่ใช่ว่าเขาจะกลายเป็นตัวตลกของโลกนี้หรือไง ?
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังต้องการรับรู้พลังของมังกรไฟ และดูว่าเขาต่างกับอ้าวเยว่มากแค่ไหน !
“ ฮาฮา….” เฉินกูหัวเราะออกมา พร้อมกับความเย่อหยิ่งในใจที่เพิ่มสูงขึ้น “ มา ให้ข้ารับรู้หน่อยว่าผู้อาวุโสสูงของเผ่ามังกรจะแข็งแกร่งแค่ไหน ! ”
ต่อมาแขนของเฉินกูก็บวมเปล่งขึ้นมา พลังอันน่ากลัวจากวังวนได้มารวมตัวกันที่หมัดของเขา
จิตสังหารได้เข้าปกคลุมตัวเฉินกู จนทำให้มิติรอบข้างมืดสนิท
กฎของธาตุทองที่เน้นเรื่องการโจมตีกับกฎไฟที่เด่นเรื่องการโจมตีได้เข้าเผชิญหน้ากัน !
“ น่าทึ่งจริงๆ !” ตอนที่มังกรไฟจะเข้าถึงตัว เฉินกูกลับไม่ถอยและต่อยออกไป
นี่คือหมัดที่ใช้พลังทั้งหมดของเขา ความกระจ่างในเรื่องกฎทั้งหมดถูกใช้ไปในหมัดนี้
หมัดที่ทำลายได้แม้แต่ท้องฟ้าที่ได้ชื่อว่า —- สะเทือน !
คลื่นที่มีพลัง 3 ใน 10 จากหมัดก็ยังทำให้มิติตรงหน้าพังลง จากนั้นหมัดก็ได้เข้าปะทะกับมังกรไฟทันที
ตอนนั้นทั้งโลกเงียบสนิทราวกับเวลาหยุดนิ่ง
ในมิติแยกส่วน ทุกคนต่างก็มองไปยังมังกรไฟตรงหน้าเฉินกู เวลาเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ราวกับผ่านไปกว่าหมื่นปี
จากนั้นก็เกิดการระเบิดแสงอันเจิดจ้ามากกว่าในตอนแรกกว่า 10 เท่า ทุกคนต่างก็ต้องเอามือปิดตาตัวเอง เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพวกเขาก็ต้องอึ้งกับฉากที่ได้เห็น
นอกจากมิติแยกส่วนแล้ว มิติในส่วนนั้นได้พังลงทีละส่วนๆ การแตกของมิติลามไปไกลกว่า 100 กม. ภูเขาด้านล่างที่เขตมืดหายไป มันถูแทนที่ด้วยหลุมลึกที่ไม่มีแม้แต่โคลน ด้านล่างมีแต่เถ้าและควันดำ ต้นไม้นับไม่ถ้วนถูกเผาเป็นเถ้า แม่น้ำเหือดแห้ แม้แต่ผิวของหินก็ยังเต็มไปด้วยชั้นเถ้าสีดำ
อาณาเขตเขตมืดและเขตลึกของป่าหวงหยวนกว่า 1 ใน 100 ถูกลบออกไปจากโลกนี้
หากคำนวณเทียบกับอาณาเขตของเมืองทะเลทรายแล้ว อาณาเขตที่หายไปนี้เท่ากับเมืองทะเลทรายกว่า 30 เมือง !
และนี่คือผลลัพธ์จากการต่อสู้ระหว่างอ้าวเยว่และเฉินกู มันยากที่จะคิดได้ว่าป่าหวงหยวนจะเป็นยังไงหากทั้งสองสู้กันที่พื้น
“แม้ว่าจะเสียไปมาก แต่…” เฉินกูค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา ผู้คนคงไม่อาจจะจดจำเขาได้จากใบหน้า เนื้อและเลือดปะปนกัน แขนขวาของเขาโดนเผาจนแทบจะเป็นตอตะโก มันมีกลิ่นเหม็นไหม้ลอยออกมาจากมือของเขา มือที่มีแค่ชั้นเนื้อบางๆหุ้มกระดูกเอาไว้ “ข้ายังรอดอยู่ ! ”
ในการปะทะครั้งนี้ แค่มีชีวิตรอดก็ถือว่าชนะแล้ว !
อ้าวเยว่มองไปที่เฉินกูด้วยสีหน้าเย็นชา สีหน้าของนางซีดลงกว่าเดิม ลมหายใจนางเริ่มอ่อนแรง นางราวกับตะเกียงที่จุดขึ้นมาในยามลมแรงซึ่งจะดับลงตอนไหนก็ได้
น่ากลัวจริงๆ !
การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือระดับสูงสุดนี่ ช่างน่ากลัวจริงๆ !
“ ท่านน้า ! ”
ในมิติแยกส่วน อ้าวอู่เหยียนได้ตะโกนออกมาเมื่อเห็นสภาพของอ้าวเยว่ มันทำให้เขาปวดใจ
คนที่เหลือพากันทึ่งกับฉากนี้ แต่พวกเขาจับจ้องไปที่เฉินกูมากกว่า จากภายนอกแล้วสภาพของเฉินกูย่ำแย่กว่าอ้าวเยว่ เขาบาดเจ็บหนัก แค่มองก็ทำให้ขนลุกได้แล้ว
“ ข้ายอมรับว่าข้าคงไม่ใช่คู่มือของเจ้า หากเจ้ามีสภาพที่พร้อม ” เฉินกูรู้ถึงความแข็งแกร่งของอ้าวเยว่ เขาถึงกับยอมรับว่าเขาคงไม่อาจจะเอาชนะอ้าวเยว่ได้
“ แต่ตอนนี้ข้ายังมีชีวิตรอดอยู่ซึ่งหมายความว่า…เจ้าแพ้ ! ” เขามองไปที่อ้าวเยว่โดยไม่มีความรู้สึกผิดในคำพูดของเขา ชัยชนะครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกยิ่งใหญ่
อ้าวเยว่เงียบ
เฉินกูดูแย่กว่านางแต่เฉินกูยังเหลือพลังอยู่ พลังวิญญาณของนางแทบจะหมดแล้ว “ แค่บินได้ก็ถือว่าดีแล้ว….”
“ พอแค่นี้ มันไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว ” เฉินกูมองไปที่อ้าวเยว่ด้วยสีหน้าซับซ้อน หลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจและหันหลังกลับก่อนจะเดินออกมา
“ หยุด ! ”
อยู่ๆ อ้าวเยว่ก็ตะโกนขึ้น “ ข้ายังไม่แพ้ ! ”
เฉินกูหยุดพร้อมกับคิ้วที่ขมวดขึ้นมา
เขามองไปที่อ้าวเยว่และถามขึ้น “ เจ้าคิดว่าสภาพเจ้าในตอนนี้เจ้าจะยังสู้ต่ออีกรึ ?”
นางไม่อาจจะรับความพ่ายแพ้ได้เลยรึ ?
ในมิติแยกส่วนจางหยูเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่อาจจะเข้าใจความคิดของอ้าวเยว่ได้
“ คนเดียวในโลกที่เอาชนะข้าได้ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเองคือเจ้าสำนัก ” อ้าวเยว่เงยหน้าขึ้นมองเฉินกู “ เจ้ายังไม่มีความสามารถพอ ! ”
ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของเฉินกูก็บิดเบี้ยวไป ในสายตาเขาถึงกับแสดงความอาฆาตออกมา
แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมือ ร่างของอ้าวเยว่ที่อยู่ตรงกันข้ามก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจนางก็เปลี่ยนเป็นมังกรสีครามยาวหลายร้อยลี้ มันทั้งดูสง่างาม ลึกลับและแข็งแกร่งราวกับได้รับพรจากสวรรค์และพลังจากโลกนี้
สายตาของนางยังคงเย็นชาเช่นเคย
“ นางบ้าไปแล้วรึ ? ” เฉินกูคาดเดาบางอย่างได้ แต่สีหน้าเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย