บทที่ 627 เข้าถ้ำ
บทที่ 627 เข้าถ้ำ
เมื่อได้ยินดังนั้น ลู่เทียนเฉิงก็รู้สึกสับสนในใจยิ่งนัก เมื่อไม่นานมานี้เขายังรู้สึกดีใจที่ได้รับการช่วยเหลือ แต่ตอนนี้เขากลับคิดว่าการที่ได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้อาจไม่ใช่เรื่องดีก็ได้
“หยวนเอ๋อร์ของดีอยู่ในนี้จริง ๆ แต่นั่นคือสิ่งที่พวกข้าต้องการ”
นั่นหมายความว่า เขาไม่ต้องการให้ลู่หยวนแบ่งส่วนแบ่งจากโอกาสดีนี้ไป
ลู่หยวนเข้าใจความหมายนั้นดี จึงกล่าวทันทีว่า “ท่านลุงพูดเช่นนี้ ข้าแค่อยากรู้เท่านั้น ไม่ได้ต้องการส่วนแบ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามายังส่วนลึกของเกาะสังหารเซียน เห็นท่านลุงพาคนมาอย่างยากลำบากจึงอยากรู้ว่ามีโอกาสดีอะไรถึงได้ยกทัพมาเช่นนี้”
คนทั้งสี่ของลู่เทียนเฉิงต่างมีพลังแข็งแกร่งที่สุดในฐานทัพ กองทัพที่มีคนเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นกองทัพชั้นยอดก็ว่าได้
ในกลุ่มที่มาเอาทรัพยากรก็ถือว่า ‘ยกทัพ’ มาจริง ๆ
ลู่เทียนเฉิงรู้ดีว่าหากลู่หยวนต้องการแย่งจริง ๆ ก็ไม่มีผู้ใดในพวกเขาที่จะปกป้องได้
แต่ลู่หยวนเป็นลูกหลานของตระกูลลู่ในแผ่นดินหยวนหงก็ถือเป็นคนจากตระกูลชั้นสูง เรื่องที่คุยกันไว้เขาคงไม่ผิดคำพูด ถึงแม้จะสนใจของข้างในก็คงไม่ฝ่าฝืนสิ่งที่พูดไปเมื่อครู่
อีกอย่าง ลู่เทียนเฉิงกับลู่หยวนก็ยังมีความสัมพันธ์ฉันญาติกันอยู่ ยังไงลู่หยวนก็ยังต้องเรียก ลู่เทียนเฉิงว่าลุงอยู่ดี จะหลอกญาติตัวเองได้อย่างไร!
คิดแบบนั้นแล้ว ลู่เทียนเฉิงจึงวางใจ
หากฮ่วนซิงไป๋กับเซียวเทียนได้ยินเสียงในใจของ ลู่เทียนเฉิงก็คงมองลู่เทียนเฉิงด้วยสายตาเห็นใจเป็นแน่
ลู่หยวนเพิ่งบอกว่าจะไม่แบ่งส่วน แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ยึดไปทั้งหมด
อีกอย่าง คนสุดท้ายที่คิดว่าลู่หยวนจะรักษาคำพูด หญ้าบนหลุมศพก็สูงสามจั้งแล้ว…
ญาติ?
เฮอะ! คนสุดท้ายที่เป็นอาก็ถูกบดจนกระดูกเป็นผงไปแล้ว…
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าก็ตามข้ามาเถิด”
พูดจบ ลู่เทียนเฉิงก็เดินไปยังถ้ำที่เปิดทะลุ
ถ้ำนี้ช่างแปลกประหลาด มองจากข้างนอกเข้าไป มีแต่ความมืดมิด ไม่เห็นอะไรเลย
แต่พอก้าวเข้าไปข้างใน กลับมีแสงส่องลงมาจากเพดานถ้ำ
ทุกคนมองไปรอบ ๆ แบบผ่าน ๆ ก็เห็นต้นไม้ใหญ่สูงจรดเพดานถ้ำ ใต้ต้นไม้ปลูกสมุนไพรหายากนานาชนิด
ที่นี่ถือเป็นสวรรค์ลับแห่งหนึ่งในส่วนลึกของเกาะสังหารเซียน
ลู่หยวนมองไปรอบ ๆ แล้วก็รู้ว่านี่คือพื้นที่ที่ถูกค้ำจุนด้วยขอบเขตของกฎ ผู้ที่ตั้งกฎนี้ดูเหมือนจะพยายามรักษาพื้นที่นี้ไว้ ไม่ได้ขยายออกไปมากนัก กว้างยาวแค่สามถึงสี่สิบจั้งเท่านั้น
แต่พลังที่มีอยู่ในนี้ช่างอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก แม้แต่ในแผ่นดินหยวนหงก็ไม่เคยมีพลังวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้มาก่อน
ช่างเป็นสถานที่วิเศษสำหรับการฝึกฝนจริง ๆ แต่สำหรับลู่หยวนแล้วไม่มีประโยชน์อะไร ในเมื่อระดับการฝึกฝนของเขาถึงขั้นครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์ แล้ว ต่อให้พลังวิญญาณจะอุดมสมบูรณ์เพียงใดก็ไร้ประโยชน์
ส่วนลู่เทียนเฉิงและคนอื่น ๆ ก็ไม่มีท่าทีจะอยู่ที่นี่นานเช่นกัน
พลังวิญญาณที่นี่ดีกว่าข้างนอกหลายเท่านัก ด้านในของเกาะสังหารเซียนนั้นแห้งแล้งยิ่งนัก พลังวิญญาณหายากมาก
จริง ๆ แล้ว เกาะสังหารเซียนนี้เดิมที มีพลังวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์มาก ถึงขนาดว่าเอาพลังวิญญาณทั้งหมดในแผ่นดินหยวนหงมารวมกันก็ยังไม่เท่าพลังวิญญาณในเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้เลย
แต่พลังวิญญาณในแผ่นดินหยวนหงนั้น ถึงแม้จะถูกใช้ไปเรื่อย ๆ แต่ก็จะค่อย ๆ ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ เพียงแต่ความเร็วในการฟื้นฟูนั้นช้ากว่าการใช้ไปเท่านั้นเอง
ทว่าเกาะสังหารเซียนนี้ พลังวิญญาณถึงแม้จะมีมากเพียงใดก็มีจำกัด เมื่อใช้ไปก็จะลดลงไปตามนั้น
ลู่หยวนรู้เรื่องพวกนี้อยู่บ้างซึ่งเป็นสิ่งที่เฟยซิงพูดตอนที่พาพวกเขามายังส่วนลึกเกาะสังหารเซียนนี้
ลู่หยวนรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างว่าเกาะสังหารเซียนนี้กว้างใหญ่เพียงใดกัน
แล้วคนที่สามารถมีชีวิตรอดอยู่บนเกาะสังหารเซียนได้มีมากเพียงใด
ตามหลักแล้ว ถึงแม้จะผ่านไปอีกหลายล้านปีก็ไม่น่าจะทำให้พลังวิญญาณถูกใช้จนหมดไปขนาดนี้
แต่ตอนนี้พอมองดูแล้ว ลู่หยวนก็เหมือนจะเข้าใจได้บ้าง
พลังวิญญาณของดินแดนแห่งนี้ ถูกสิ่งนั้นดูดซับไปอย่างรุนแรงของวิเศษและสมุนไพรแปลก ๆ ใต้ดินก็ได้ประโยชน์จากพลังวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์นี้ ถึงได้เติบโตได้ดีขนาดนี้
ทางด้านหนึ่ง ฮ่วนเฉียนอี่ดูเหมือนจะพบอะไรบางอย่าง มุมปากยกขึ้นทันใดแล้วหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็วกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นเงาร่างของลู่หยวนและคนอื่น ๆ ก็รีบกดรอยยิ้มบนใบหน้าลงทันที มองไปทางลู่เทียนเฉิงแล้วเดินตามไปพอถึงข้างกาย ทั้งสองก็เดินไปด้วยกันที่มุมหนึ่ง
ลู่หยวนมองเห็นทุกอย่างนี้มาตั้งแต่แรก ถึงแม้เขาจะหันหลังให้ทุกคน แต่ตาข้างที่สามก็มองเห็นได้รอบด้านไม่มีจุดอับ ครอบคลุมทั่วทั้งดินแดนแห่งหนึ่ง
ลู่หยวนก็รู้สึกสงสัยเหมือนกันว่าสิ่งที่ทำให้คนพวกนี้ใส่ใจมากขนาดนี้ มันคืออะไรกันแน่?
เพิ่งจะเข้ามาในดินแดนแห่งนี้ ดวงตาที่สามก็กวาดมองไปทั่วแล้ว ไม่มีอะไรที่ลู่หยวนต้องใส่ใจเป็นถึงขนาดนั้น ทุกอย่างล้วนแต่เป็นขยะที่ทิ้งอยู่ข้างทาง ลู่หยวนไม่แม้แต่จะมองสักนิด
แต่ตอนที่ลู่เทียนเฉิงกับฮ่วนเฉียนอี่กำลังจะเดินไปที่มุมนั้น ก็เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“ท่านป้า!”
ร่างของคนทั้งสองต่างชะงักไปในทันที ฮ่วนเฉียนอี่หันหลังกลับไปเห็นว่าคนผู้นั้นก็คือ ฮ่วนซิงไป๋
หลานชายที่นางไม่เคยพบมาก่อน
บอกตามตรงพ่อของฮ่วนซิงไป๋ก็คือพี่ชายในนามเท่านั้น
ความจริงแล้วทั้งสองไม่ถือว่าเป็นญาติสายตรง น่าจะถือว่าเป็นคนละสายในตระกูล
พวกเขาทั้งสองเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง ไม่ได้ติดต่อกันมากนัก สำหรับหลานชายที่โผล่มาอย่างกะทันหันนี้ ฮ่วนเฉียนอี่รู้สึกบอกไม่ถูกเช่นกัน
จะว่าอยากจะสนิทสนม แต่นางรู้สึกว่าความสัมพันธ์ฉันญาติของพวกเขาไม่มากนัก แต่จะว่าเกลียดชังก็ไม่ใช่
น่าจะ…เป็นความระแวงและหวาดกลัวมากกว่า…
หนึ่ง เพราะไม่คุ้นเคยจริง ๆ ถึงแม้จะเป็นคนในตระกูลเดียวกัน แต่ก็ไม่มีความรู้สึกอะไรมากนัก
สอง คือ…
ลู่หยวนที่อยู่ข้างกายฮ่วนซิงไป๋มาตลอด!
จากบทสนทนาก่อนหน้านี้ ก็รู้ว่าฮ่วนซิงไป๋คนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับลู่หยวน
ดูเชื่อฟังลู่หยวนเสียไปทุกอย่าง
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ นางก็เห็นมาตั้งแต่ต้น ลู่หยวนคนนี้ดูเหมือนจะเป็นศัตรูกับลู่เทียนเฉิงอยู่ หรือจะพูดว่าเหมือนจะอยากรู้อะไรบางอย่างหรือได้อะไรบางอย่างจากพวกเขากระมัง
ต้องระวังลู่หยวนคนนี้ไว้ให้ดี!
เช่นนั้นก็ต้องใส่ชื่อ ‘ฮ่วนซิงไป๋’ คนนี้เข้าไปในรายชื่อที่ต้องระวังตัวด้วยเช่นกัน
ฮ่วนเฉียนอี่มองฮ่วนซิงไป๋แสร้งทำเป็นสนิทสนม “พวกข้าแค่ไปดูเฉย ๆ ว่าจะหาของที่ต้องการในการเดินทางครั้งนี้เจอหรือไม่?”
“งั้นรึ”
ฮ่วนซิงไป๋พยักหน้าเล็กน้อย ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจในสิ่งที่ทั้งสองกำลังตามหา เขาเพียงแค่หยิบห่อของออกมาจากแหวนเก็บของ ถึงแม้ห่อของจะมีขนาดเล็กจนสามารถถือได้ด้วยมือเดียว แต่ก็ไม่รู้ว่าข้างในบรรจุของอะไรไว้บ้าง
“นี่เป็นของที่ผู้อาวุโสในตระกูลฝากให้ข้า บอกว่าหากได้พบท่านอาบนเกาะสังหารเซียนจะต้องมอบให้ท่านป้าให้ได้!”