บทที่ 578 กลับสู่แดนมัชฌิม
บทที่ 578 กลับสู่แดนมัชฌิม
การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่อลังการของลู่หยวน ทำให้ผู้คนในแดนมัชฌิมรับรู้ได้อย่างทั่วถึง แต่ละคนต่างก็เฝ้ามองออกไปไกล และเมื่อได้เห็นขบวนมังกรเจินหลงสามพันตนพร้อมกับลู่หยวนแล้ว ปากของพวกเขาก็อ้าค้างราวกับกรามจะหลุดออกมา
“โอ้ นั่นมัน บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่มิใช่หรือ?! แล้วสิ่งที่อยู่ใต้ร่างของท่านนั่น ดูคล้ายมังกรเจินหลง แต่พลังที่แผ่ออกมาช่างน่าสะพรึงกลัวเสียเหลือเกิน!”
“นั่นคือท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่จริง ๆ ด้วย! คุณพระ ช่างน่าอิจฉาเหลือเกิน นั่งอยู่บนราชามังกรเจินหลง มีหญิงงามอยู่ในอ้อมกอด และยังมีมังกรเจินหลงอีกหลายพันตัวตามหลังราวกับองครักษ์”
“หากชาติหน้าข้ามีโอกาสได้ขี่มังกรเจินหลงสักครั้งคงตายตาหลับแล้วล่ะ!”
“เจ้าดูเข้า! มัวฝันกลางวันอยู่นั่น! จะมังกรเจินหลงหรืออะไรก็ช่าง! ขอบอกเลยว่าข้าจะให้ท่านพ่อของข้าหาทางไปเข้าเฝ้าท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่! และข้าไม่เชื่อหรอกว่ามังกรเจินหลงตั้งหลายพันตัว จะแบ่งให้ข้าขี่เล่นสักตัวมิได้!”
นอกจากเสียงเหล่านี้แล้ว ในฝูงชนก็ยังมีหญิงสาวอีกจำนวนมากที่ใจเต้นลุ้นระทึก
สตรีนางหนึ่งซึ่งมีใบหน้างดงามและรูปร่างอรชาเอ่ยขึ้นว่า “โอ้โฮ! บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ช่างสง่าและหล่อเหลาเสียจริง หากชาติหน้าข้ามีโอกาสได้เป็นที่โปรดปรานของเขาสักครั้งคงไม่เสียชาติเกิดแล้วล่ะ!”
หญิงสาวจากตระกูลที่ร่ำรวยอีกคนหนึ่ง ได้ยินดังนั้นก็หันไปมองนางอย่างดูแคลน “อย่าได้ฝันไปเลย ในสายตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ เจ้าคงไม่ต่างจากเศษฝุ่นบนถนน ท่านไม่มีวันเหลียวแลเจ้าหรอก ต่อให้เพียงเหลือบมองเจ้าสักนิดก็ไม่มีวัน!”
หญิงสาวอีกคนก็เอ่ยขึ้น “ไม่รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่จะต้องการสาวใช้ที่คอยเช็ดรองเท้าบ้างหรือไม่ ตัวข้านั้นเอาอกเอาใจเก่งมากทีเดียว หากเขาต้องการ ข้าก็ยินดีที่จะเช็ดรองเท้าให้เขาไปตลอดชีวิตเลยล่ะ!”
“เฮอะ! ขี้โม้ไปได้ อย่าฝันกลางวันอีกเลย ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์มีชาติตระกูลสูงส่งเพียงใด สาวใช้ที่อยู่รอบข้างแต่ละนางก็ล้วนแต่มีรูปโฉมราวกับนางฟ้าทั้งสิ้น ซ้ำยังมีพลังที่แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ในโลกทั้งมวลยังต้องยอมสยบ แล้วเจ้าเป็นอะไรกัน นึกว่าตัวเองสมควรที่จะไปยืนอยู่ตรงหน้าท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นรึ?”
ฝูงชนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างจอแจ ส่วนด้านบน กู่จินเจาและคนอื่น ๆ ก็ได้พากันยืนเรียงแถวรอคอยการกลับมาของลู่หยวน
วั่งไฉบินเข้ามาใกล้แล้วก็หยุดลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นลู่หยวนก็ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ และก้าวลงจากหัวมังกร
กู่จินเจาเป็นผู้นำในการคำนับลู่หยวน “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์!”
คนอื่น ๆ ต่างก็ค้อมคำนับตามด้วยความเคารพ
มีเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ด้านหน้าฝูงชน ชุดสีขาวพลิ้วไหว ประดับมงกุฎทองคำและปิ่นหยก ดวงตาของนางดูสงบนิ่งผิดปกติ โดยนิสัยแล้ว แม้ภูเขาจะถล่มลงตรงหน้า สีหน้าของนางก็จะยังเรียบเฉย ทว่าตอนนี้นางกลับกำลังขมวดคิ้วจ้องมองไปยังหญิงสาวชุดแดงที่อยู่ในอ้อมแขนของลู่หยวน
อย่างไรก็ตาม นางแสดงสีหน้าเช่นนั้นเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็เบี่ยงหน้าหนี
คนผู้นี้ก็คือกู้ชิงหรันนั่นเอง
ลู่หยวนอุ้มหลิงอวิ๋นลงมา แล้วให้บรรพบุรุษแห่งตระกูลหลิงเข้ามาพาตัวนางไป
บรรพบุรุษแห่งตระกูลหลิงสำรวจหลิงอวิ๋นตั้งแต่หัวจรดเท้า พบว่านางนั้นปลอดภัยดี และยังมีร่องรอยความก้าวหน้าในการฝึกเจตจำนงหอกอีกด้วย จึงทำให้เขารู้สึกโล่งใจและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“ขอบพระคุณท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ!”
บรรพบุรุษแห่งตระกูลหลิงยกมือคำนับทันที
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ใหญ่ แต่การที่เขาคำนับให้กับผู้อ่อนกว่าเช่นนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอยู่บ้าง ทว่าเขาไม่มีเวลาที่จะมาสนใจเรื่องเหล่านั้นแล้ว
ไม่เพียงแค่ช่วยหลิงอวิ๋นออกมาได้ แต่นางยังได้ประโยชน์อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณลู่หยวน
หากหลิงอวิ๋นยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลหลิงก็จะไม่เสื่อมถอย
ตราบใดที่ความสัมพันธ์ระหว่างลู่หยวนและหลิงอวิ๋นยังดี ตระกูลหลิงก็จะไม่เกิดปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น
อนาคตของตระกูลหลิงจะยิ่งเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอีก
ไม่ต้องเอ่ยถึงการคำนับให้กับลู่หยวนแล้ว ต่อให้ต้องก้มหัวลงกราบเขาก็ยินดี!
บรรพชนแห่งตระกูลหลิง ยิ้มกว้างราวกับดอกไม้
หลิงอวิ๋นกล่าวว่าตนเองจะเข้าสู่การบ่มเพาะ ตระกูลหลิงจึงได้ตื่นตัวขึ้นมา และบอกกล่าวแก่ลู่หยวน จากนั้นจึงคุ้มกันหลิงอวิ๋นกลับไปยังตระกูลหลิง เพื่อเตรียมตัว!
ลู่หยวนได้มอบมังกรเจินหลงสามพันตนและผู้ใช้มังกรทั้งสามให้แก่กู่จินเจาและเสวียนเทียนชวนจัดการ จากนั้นก็ได้ทำตัวเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์
เมื่อเหลือบมอง ก็ได้เห็นกู้ชิงหรันยืนอยู่เพียงลำพัง แม้จะอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย แต่ก็ให้ความรู้สึกราวกับอยู่โดดเดี่ยวบนโลกแห่งนี้
ลู่หยวนยิ้มบาง ๆ พลางเดินไปหากู้ชิงหรัน แล้วจับมือของนางขึ้นมาลูบไล้เบา ๆ
“ได้ยินมาว่าในระหว่างที่ข้าไม่อยู่ เรื่องราวทั้งหลายในแดนนี้ ล้วนเป็นเจ้าที่ตัดสินใจ?”
เมื่อลู่หยวนอยู่ในด่านฝึกตนก็ถูกกีดกันโดยพลังของดินแดนแห่งนั้น จึงไม่ได้รับการติดต่อจากเสวียนเทียนชวนและผู้อื่นเลย
แม้แต่การติดต่อผ่านยันต์ก็ไม่เป็นผล
แต่เมื่อด่านฝึกตนแห่งนั้นถูกทำลาย สิ่งกีดขวางทั้งหมดก็มลายหายสิ้น
เรื่องที่เสวียนเทียนชวนเคยรายงานไว้ก่อนหน้านี้ รวมไปถึงการตัดสินใจของกู้ชิงหรันในช่วงที่ผ่านมา และสถานการณ์ล่าสุดในที่แห่งนี้ล้วนถูกนำไปรายงานต่อลู่หยวนหมดแล้ว
ลู่หยวนได้ตรวจดูคร่าว ๆ ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ทั้งหมด
เมื่อกู้ชิงหรันได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ดีว่าลู่หยวนจงใจเอ่ยถึงเรื่องนี้
นางจึงพยักหน้าโดยไม่ลังเล สายตาของทั้งคู่สบประสานกัน คิ้วเรียวกระตุกเล็กน้อยแสดงถึงการต่อต้านในบางอย่าง “ใช่ แล้วอย่างไรเล่า?”
ในตอนนี้ ทั้งแดนมัชฌิมรวมไปถึงทั่วทั้งใต้หล้า ผู้ที่กล้าเอ่ยกับลู่หยวนเช่นนี้ก็มีเพียงกู่ชิงหรันคนเดียวเท่านั้น!
กู่จินเจาและผู้อื่น แม้จะได้ใช้เวลาร่วมกับลู่หยวนไม่น้อย แต่ปัจจุบันความสัมพันธ์ของพวกนางกับลู่หยวนล้วนเป็นเชิงผู้บังคับบัญชาและผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
พลังและอิทธิพลของพวกนางส่วนใหญ่ ล้วนอาศัยพลังของลู่หยวน หากมิใช่เพราะลู่หยวนแข็งแกร่ง พวกนางก็คงไม่มีพลังอำนาจดังเช่นทุกวันนี้!
และพวกนางทั้งหมดล้วนมีความเกรงกลัวและความเคารพต่อลู่หยวน!
เมื่อเห็นท่าทางอันหนักแน่นของกู้ชิงหรัน รอยยิ้มบนริมฝีปากของลู่หยวนก็ยิ่งกว้างขึ้น “ข้าคิดว่าการตัดสินใจของเจ้านั้นดีมาก จึงเตรียมจะชมเชยเจ้าเสียหน่อย”
“จริงรึ?”
กู้ชิงหรันแสดงอาการอ่อนลงเล็กน้อย แววตาที่มักกีดกันผู้คนออกไปในระยะพันลี้ก็พลันจางหายไปบ้าง ซ้ำมุมปากยังเผยรอยยิ้มขึ้นมา
กู้ชิงหรันคงไม่รู้ว่าลู่หยวนได้วางแผนล่วงหน้าเอาไว้แล้ว หากภายหน้ามีเรื่องใดตกมาอยู่ในมือของลู่หยวน เขาก็จะโยนมันให้กู้ชิงหรันจัดการทั้งหมด!
อันที่จริง กู้ชิงหรันก็มีความคิดเห็นของตัวเองในเรื่องนี้!
เมื่ออยู่ในจุดสูงสุดดังเช่นพวกเขาแล้ว ยามตัดสินใจลงมือกระทำการใด จึงไม่มีถูกหรือผิด มีเพียงความกล้าในการลงมือ และบ้าบิ่นกระทำการใหญ่ ๆ ที่อาจทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง!
ครานี้กู่ชิงหรันทำได้ดีมาก ทั้งแผนการรุกและตั้งรับ ไม่เพียงแต่ช่วยให้จิตใจผู้คนมั่นคง ทว่ายังช่วยให้ผู้คนที่เต็มใจออกไปมีความมุ่งมั่นในการสังหารมากยิ่งขึ้น!
ยิ่งตกรางวัลมากเพียงใด ยิ่งได้คนกล้า!
ผลลัพธ์ในครั้งนี้ก็ถือว่าไม่เลว กองกำลังที่ซ่งชิงส่งมาล้วนถูกฆ่าตายเกือบหมดสิ้น!
แม้ฝ่ายลู่หยวนเองก็สูญเสียไปไม่น้อย แต่ขวัญกำลังใจของกองทัพโดยรวมก็ยังมั่นคงดี หรือกระทั่งแกร่งขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ส่วนฝ่ายซ่งชิง กำลังรบในระยะหลังเริ่มขาดแคลนอย่างเห็นได้ชัด เหล่ากองกำลังที่เดินทางมาต่างก็มีความขลาดกลัวมากขึ้น มิได้เฉียบขาดดังเช่นเมื่อก่อน
ดังนั้นจึงมองออกว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของซ่งชิง เริ่มสับสนอลหม่านแล้ว!
ไม่ว่าที่ใดก็ตาม สิ่งที่น่ากลัวมิใช่ความอ่อนแอ แต่คือความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวของจิตใจคนต่างหาก!
แม้แต่เขื่อนที่สูงพันลี้ ยังสามารถพังทลายได้ด้วยจอมปลวก
กองกำลังของซ่งชิงนี้ก็มีไม่น้อย หากจิตใจไม่เป็นหนึ่งเดียวกันแล้วแตกกระจายไป เกรงว่าจะล่มสลายไปเอง!
รอยยิ้มบนริมฝีปากของลู่หยวนยังไม่จางหาย
หึหึ! ในอนาคตเขาก็จะได้นอนเสวยสุขโดยมิต้องแบกรับสิ่งใดแล้ว!
กู้ชิงหรันไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดลู่หยวนจึงหัวเราะอย่างมีความสุข แต่เพียงแค่เฝ้าดูรอยยิ้มของอีกฝ่าย ภายในใจก็เกิดมีลางสังหรณ์อันเลวร้ายขึ้นมา
“แดนมัชฌิมยังต้องพักไปอีกหลายวัน ส่วนข้าก็ยังมีเรื่องที่ยังมิได้สะสาง รอจนทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เราจึงจะกลับตระกูลลู่ด้วยกัน”
“ข้าได้ส่งข่าวสารเกี่ยวกับการเดินทางกลับของพวกเราออกไปแล้ว”
กู้ชิงหรันพยักหน้า “ข้าจะทำตามที่ท่านว่า”
โหมดอ่านต่อเนื่อง