บทที่ 577 ไม่มีอื่นใด นอกจากอาศัยพลังโกง
บทที่ 577 ไม่มีอื่นใด นอกจากอาศัยพลังโกง
แรงกดดันนี้มาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ ทำให้มังกรเจินหลงนั้นต้องหวาดกลัว!
หัวมังกรยักษ์ลดลงมาหยุดตรงหน้าลู่หยวน เกล็ดมังกรที่ตั้งชันเมื่อครู่ก็เริ่มสงบลง
มังกรยักษ์ขยับปากเปล่งเสียงพูดเป็นภาษาคน “วั่งไฉ ขอคารวะนายท่าน!”
ลู่หยวนยิ้มบาง ๆ อุ้มหลิงอวิ๋นลุกขึ้นยืน
วั่งไฉเข้าใจความหมายของการกระทำนั้น มันก้มหัวให้ต่ำลงในทันที เกล็ดบนหัวก็ราบเรียบลงราวกับเตรียมเป็นที่ยืนให้กับลู่หยวน
ลู่หยวนก้าวออกไปหนึ่งก้าวก็มาอยู่บนหัวของวั่งไฉ!
เขาเดินไปทีละก้าวจนไปถึงกลางหัวมังกร เกล็ดของวั่งไฉขยับขึ้นจากนั้นก็ปรากฏเป็นบัลลังก์ขนาดมหึมาอยู่ตรงกลาง!
ลู่หยวนกลับตัวนั่ง รอบ ๆ ตัวเขา มีพลังมังกรของวั่งไฉแผ่ออกมาคลุมเอาไว้ จึงไม่มีลมพัดเข้ามาได้แม้แต่น้อย!
“นำมังกรเจินหลงสามพันตนนั้นตามมาด้วย”
ลู่หยวนเอ่ยเบา ๆ
วั่งไฉก็รีบรับคำ “ขอรับนายท่าน!”
จากนั้นก็ร้องคำรามต่ำ ๆ คล้ายกำลังส่งคำสั่งอะไรบางอย่าง!
จากทุกหนแห่งของดินแดนแห่งนี้ เสียงคำรามของมังกรก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับกำลังขานรับ!
ฝ่ายลู่หยวนก็ส่งกระแสจิตถึงผู้ใช้มังกรทั้งสามที่ไม่รู้ว่าถูกพัดไปยังที่ใด ให้รีบตามมา แล้วมุ่งหน้าไปยังแดนมัชฌิม!
เมื่อเสียงคำรามของวั่งไฉสิ้นลง มันก็สะบัดหาง เหยียดกรงเล็บ แล้วทะยานขึ้นไปบนฟ้า!
“ครืนนน!”
พื้นดินแยกออกเป็นสี่เสี่ยง และทอดยาวออกไปหลายร้อยลี้!
จากนั้นดินแดนแห่งนี้ก็เริ่มพังทลาย ปรากฏให้เห็นหุบเขาบูรพาที่อยู่นอกมิติ! มังกรเจินหลงทั้งสามพันตนเมื่อเห็นวั่งไฉนำไปก่อนต่างก็พากันแหงนหน้าขึ้นโบยบินตาม
ผู้ใช้มังกรทั้งสามที่ถูกพัดไป ต่างก็พยายามสุดชีวิตจนมาถึงก่อนที่มังกรเจินหลงตนสุดท้ายจะโบยบิน เมื่อพวกนางขึ้นไปบนหลังมังกรเจินหลงได้ก็รีบพุ่งทะยานตามขึ้นไป
ขณะนี้ความเร็วในการโบยบินของวั่งไฉนั้นราวสายฟ้า หากเร็วขึ้นเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้ห้วงอากาศแตกสลายได้!
หากมิใช่เพราะต้องนำมังกรเจินหลงทั้งสามพันตนนี้ไปด้วย ระยะทางจากหุบเขาบูรพาถึงแดนมัชฌิม ก็ใช้เวลาเพียงสองเค่อเท่านั้น!
ทว่าตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องนำมังกรเจินหลงทั้งสามพันตนนี้กลับไป วั่งไฉจึงค่อย ๆ โบยบินอย่างช้า ๆ
ในเวลานี้หุบเขาบูรพาก็ตกอยู่ในความตกใจกันถ้วนหน้า!
เดิมทีนั้นท้องฟ้าแจ่มใส แต่จู่ ๆ ก็มีบางอย่างขนาดมหึมาปรากฏอยู่บนฟ้า บดบังแสงแดดขึ้นมาได้!
สิ่งมีชีวิตมากมายเงยหน้าขึ้นมอง เห็นแล้วต้องอกสั่นขวัญเสียไปตาม ๆ กัน!
บนฟ้านั้นมีมังกรเจินหลงหลายพันตนโบยบินข้ามอาณาเขต!
ส่วนมังกรเจินหลงที่อยู่หัวขบวนนั้นแผ่ปราณออกมา บ่งบอกว่าตนเป็นราชาของเหล่ามังกรเจินหลง !
แม้จะอยู่ห่างไกลเพียงใด พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังแห่งความน่าเกรงขามของราชามังกรเจินหลง ราวกับขวานเล่มยักษ์ที่แขวนอยู่เหนือหัวของพวกเขาพร้อมฟันลงมาได้ทุกเมื่อ!
สิ่งที่ทำให้สรรพชีวิตทั้งหลายยิ่งตกตะลึง ก็คือบนร่างของราชามังกรเจินหลงนั้นมีชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งอยู่!
ชายหนุ่มผู้นั้นอุ้มหญิงสาวในชุดแดงอยู่ด้วย!
ถึงแม้จะมองไม่เห็นใบหน้า แต่ก็ไม่ส่งผลต่อจินตนาการของสรรพชีวิตเหล่านั้น
ฉากของวีรบุรุษช่วยหญิงงาม ความแข็งแกร่งที่แผ่ขยายออกมา ได้ถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในจินตนาการของพวกเขานับครั้งไม่ถ้วน!
อย่างไรก็ตาม การคาดเดาที่มากที่สุดก็ยังคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวตนของชายหนุ่มผู้นี้
ในหมู่สรรพชีวิตมีเสียงที่หนักแน่นดังขึ้นมาก่อน
“ลู่หยวน! ต้องเป็นลู่หยวนอย่างแน่นอน!”
เหล่าสรรพชีวิตต่างก็มีความสงสัย
เสียงนั้นหนักแน่นผิดปกติ ‘ฝีมือระดับนี้ ซ้ำยังมุ่งหน้าสู่แดนมัชฌิม หากมิใช่ลู่หยวน แล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก!’”
เหล่าสรรพชีวิตเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ต่างก็พากันหันไปมองยังท้องฟ้าด้วยสายตาที่ทั้งเกรงกลัวและเคารพ!
ตำนานของลู่หยวนน้อยนักหรือ?
เมื่อไม่กี่วันก่อน ก็ได้ยินกันเสียงลือกันว่าบุรุษผู้นี้ได้ก้าวไปถึงขั้นเทพยุทธ์ครึ่งก้าวแล้ว!
ขีดความสามารถเช่นนี้ หากเทียบกับทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหงแล้ว ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นยอดฝีมือ!
ในมิติแผ่นดินนี้จ้าวยุทธ์นั้นอาจจัดได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ขณะที่เทพยุทธ์ครึ่งก้าว นั้นเกรงว่าจะสามารถครองพิภพได้แล้วกระมัง!
ผู้คนไม่น้อยที่ในใจต่างก็คิดเห็นไปในทางเดียวกัน เกรงว่าในอนาคตอันใกล้นี้ หมื่นสิ่งหมื่นอย่างจะต้องรวมเป็นหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้น ผู้มีบุญญาธิการลู่หยวนผู้นี้ก็จะกลายเป็นจักรพรรดิยุทธ์เพียงหนึ่งเดียว!
เมื่อคิดเช่นนี้ เหล่าสรรพชีวิตจำนวนไม่น้อยต่างก็คุกเข่าลงไปทางทิศทางของลู่หยวนแล้ว!
และเป็นเช่นนี้ไปตลอดทาง!
เหล่าสรรพชีวิตจำนวนมากมายมหาศาล ลากยาวตั้งแต่หุบเขาบูรพาจนถึงแดนมัชฌิมต่างคุกเข่าลง!
ทว่าราชันที่พวกเขาได้สถาปนาขึ้นในใจผู้นี้ กลับไม่แม้แต่จะเหลือบตามองพวกเขาแม้แต่น้อย!
หลายชั่วยามต่อมา ในที่สุดวั่งไฉก็ได้พาลู่หยวนมาถึงแดนมัชฌิม!
ทันทีที่เข้ามาถึงยังดินแดนแห่งนี้ ลู่หยวนก็ได้เห็นผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังต่อสู้กันอยู่นอกเมือง
ชายฉกรรจ์เหล่านั้นกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ลู่หยวนใช้มือซ้ายแตะไปยังวั่งไฉที่อยู่เบื้องล่าง
เท่านั้นวั่งไฉก็เข้าใจในทันที ปราณมังกรพุ่งแรงออกไปในทันใดกวาดล้างชานเมืองทั้งหมดในพริบตา!
แม้แต่ใบหญ้าก็ยังไม่หลงเหลือไว้!
ส่วนเหล่าตระกูลเสวียนทั้งหลายก็ได้รับการปกป้องไว้
พวกเขาอยู่ในอาการสับสนเล็กน้อย
เพียงชั่วพริบตา สิ่งแวดล้อมโดยรอบก็เปลี่ยนไปราวกับคนละพื้นที่ นอกจากพวกเขาแล้วไม่ก็มีสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลืออยู่เลย!
เมื่อครู่ คนที่สู้อยู่กับพวกเขาหายไปไหน!
นี่คือศัตรูที่พวกเขาซุ่มรอนานมาก แล้วเกือบจะฆ่าสำเร็จ และเตรียมเอาไปแลกของรางวัลได้แล้วแท้ ๆ !
พวกมันหายไปได้อย่างไรเล่า!
อย่างไรก็น่าจะปล่อยให้พวกเขาได้ซากศพไปสักสามจินก็ยังดี!
แต่เพียงครู่เดียว ก็มีคนสังเกตเห็นบนเหนือท้องฟ้า บริเวณนั้นมีมังกรนับพันบินวนอยู่
ชายคนหนึ่งหรี่ตามองอย่างพินิจ จนสังเกตเห็นเงาที่นั่งอยู่บนราชามังกรเจินหลงที่นำหน้าอย่างชัดเจน
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ !”
ชายผู้นั้นอุทานออกมาอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะคุกเข่าลงโดยทันที!
คนที่เหลือได้ยินดังนั้น ต่างก็คุกเข่าลงตาม
ลู่หยวนมิได้สนใจคนพวกนั้นมากนัก หลิงอวิ๋นในอ้อมแขนได้ตื่นจากภวังค์แห่งการบรรลุแล้ว
คิ้วเรียวเล็กขมวดมุ่นราวกับรู้สึกถึงบางสิ่ง
“เจตจำนงหอกที่ผ่านมา ดูเหมือนจะถึงขีดจำกัดแล้ว ข้าคิดว่านั่นคือจุดสูงสุด และในดินแดนนี้ ข้าไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้อีก ข้าเคยคิดว่า หากมีโอกาสได้ไปยังแดนเซียน บางทีข้าอาจจะมีโอกาสได้เรียนรู้เพิ่มเติม แต่จากที่เห็นในวันนี้ ยังมีแง่มุมลึกซึ้งของเจตจำนงหอกอยู่ในแผ่นดินหยวนหงแห่งนี้”
หลิงอวิ๋นจำได้ว่าเมื่อครั้งพบกับลู่หยวนในคราวก่อน รอบกายเขามีเจตจำนงหอกเช่นเดียวกับนาง ซ้ำยังมีไม่มาก และมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทว่าในช่วงเวลาอันสั้นนี้ เจตจำนงหอกของลู่หยวนกลับก้าวกระโดดไปสู่จุดสูงสุดบดขยี้ทุกสิ่งในปฐพีนี้!
แม้ว่าลู่หยวนจะเป็นอัจฉริยะปานใด ก็ไม่น่าจะพัฒนาได้เร็วถึงเพียงนี้!
มุมปากของลู่หยวนยกยิ้มขึ้น “ไม่มีอื่นใด นอกจากอาศัยพลังโกง”
หลิงอวิ๋นไม่เข้าใจความหมายที่ลู่หยวนเอ่ยเลย
แต่ก่อนที่นางจะได้ซักถาม เสียงของลู่หยวนก็ดังขึ้นมาอีกครา “ตระกูลหลิง รอท่านมานานหลายวันแล้ว ท่านก็รับรู้ถึงเจตจำนงหอกนี้แล้ว จะสามารถฝึกฝนไปได้ถึงขั้นใดก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองเท่านั้น”
หลิงอวิ๋นพยักหน้ารับอย่างจริงจัง “เมื่อกลับไปคราวนี้ ข้าจะเตรียมตัวเข้าสมาธิเพื่อฝึกฝนเจตจำนงหอกโดยเฉพาะ ข้าเชื่อว่าข้าจะต้องพัฒนาฝีมือขึ้นได้อย่างแน่นอน!’”
ลู่หยวนพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดีแล้ว”
โหมดอ่านต่อเนื่อง