บทที่ 574 ซ่งชิงโต้กลับตระกูลเซียว
บทที่ 574 ซ่งชิงโต้กลับตระกูลเซียว
“วิ้งงงง! ——”
วิญญาณชายชราที่สลายกลายเป็นแสงสีทองได้อยู่บนท่อนไม้ แสงสว่างนั้นก็ส่องประกายไปทั่วทั้งโลกา!
อำนาจของมันไม่ด้อยไปกว่าสุริยัน!
ในชั่วพริบตา มังกรยักษ์ที่อยู่ไกลออกไปต่างก็หันมามองยังที่แห่งนี้ ภายในใจก็สับสนว่าเหตุใดโลกนี้จึงมีสุริยันถึงสองดวง!
“กริ๊ก! กริ๊ก! กริ๊ก!”
ท่อนไม้ที่ลู่หยวนถืออยู่ในมือเริ่มกะเทาะเปลือกสีดำหลุดลอกออกมา แสงสีเขียวจาง ๆ จากด้านในก็เปล่งประกายตามมาในทันที
ลู่หยวนยกมือขึ้นแล้วถือท่อนไม้นั่นขึ้นมา!
ในเวลานี้ท่อนไม้นั้นหนักถึงหมื่นจวิน ถึงแม้ว่าลู่หยวนจะยกมันขึ้นมาได้ แต่ก็ยังต้องใช้แรงอยู่มาก!
ลู่หยวนเขย่ามือหนึ่งที ทันใดนั้นเปลือกนอกที่หลุดลอกนั้นก็ร่อนออกจนหมดสิ้น ปรากฏเป็นกระบี่ยาวสามฉื่อในมือของลู่หยวน!
กระบี่ยาวเล่มนั้นเปล่งแสงสีเขียว ที่ด้ามของมันแลดูเรียบง่าย มีเพียงอักขระแปลกประหลาดสองสามตัวที่แกะสลักประดับไว้
ใบมีดทั้งกว้างและหนา มีการสลักลวดลายอักขระต่าง ๆ ทอดตัวยาวตลอดทั้งด้ามกระบี่!
ทว่าตรงคมกระบี่นั้นบางเฉียบ โบกฟันลงไปเพียงนิดก็สามารถตัดผ่านสุญตาได้อย่างเฉียบคม!
“กระบี่ผนึกสวรรค์?”
ลู่หยวนถือกระบี่ยาว มุมปากก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย
“ระบบ กำหนดระดับของกระบี่เล่มนี้ให้หน่อย”
[ระบบแจ้งเตือน: กระบี่เล่มนี้ไม่อยู่ในขอบเขตที่ระบบสามารถตรวจจับได้ จึงไม่สามารถประเมินได้ชั่วคราว!]
ลู่หยวนได้ยินดังนั้นก็หวนนึกถึงถ้อยคำที่ชายชราเอ่ยเมื่อครู่ สิ่งนี้ควรจะเป็นของแดนสวรรค์ โลก และนรก
ทว่าแดนดินนั้นเป็นอย่างไร?!
ลู่หยวนมองดูแสงสีทองที่กระจายจากรอบ ๆ กระบี่ยาวแล้วห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้ สายธารวิถีแห่งกระบี่ก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของลู่หยวนในทันใด
ลู่หยวนเพียงใช้ความคิดนำทาง วิถีกระบี่นั้นก็แปรเปลี่ยนมาเป็นพลังของตนเองได้
นี่คือพลังที่ชายชรามอบให้เขา
เขาได้ของมาแล้ว แต่มิได้ล้วงความลับของชายชราเกี่ยวกับแดนสวรรค์ โลก และนรก
เช่นนั้นก็กลับไปถามพวกตี้อู่เหอซ่านก็แล้วกัน ถึงอย่างไรก็อยู่ในแดนเซียนแห่งนี้มานานแล้ว อาจจะรู้เกี่ยวกับแดนแห่งนั้นอยู่บ้าง
ลู่หยวนเก็บกระบี่เทวะผนึกสวรรค์ แล้วก็ตามหลงอ้าวเทียนไปยังที่อยู่พรรคพวกของนาง เขาใช้ค่าโชคชะตาเล็กน้อยก็รักษาทั้งสองคนให้หายได้
สตรีทั้งสองนั้นต่างก็เป็นเด็กสาวอายุไม่มาก ส่วนหน้าตาก็พอใช้ได้
ลู่หยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตั้งชื่อให้พวกนางคนละชื่อ
คนหนึ่งชื่อหลงอ้าวเต๋อ ส่วนอีกคนชื่อหลงอ้าวเริ่น
ฟ้าดินและมนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนก็ถือว่าเป็นมงคลแล้ว
ลู่หยวนเดินทางกลับมายังวังใต้ดิน เมื่อเห็นว่าวั่งไฉยังคงฝ่าด่านมิปรากฏตัว เขาจึงเดินไปยังมังกรเจินหลง และอุ้มหลิงอวิ๋นนั่งสมาธิตั้งจิตบ่มเพาะตนเอง
…
แดนมัชฌิม
ในโถงประชุมอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่งในตระกูลเสวียน
กู้ชิงหรันนั่งบนบัลลังก์จ้องมองรายงานต่าง ๆ ที่วางอยู่เบื้องหน้า
ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่ลู่หยวนได้เตรียมการไว้ก่อนหน้าแล้ว มีการรายงานความคืบหน้า และยังมีเรื่องเร่งด่วนอื่น ๆ เรียงรายอยู่
ที่นั่งด้านล่างมีเสวียนเทียนชวน ไป๋ชิวเอ๋อร์ และคนอื่น ๆ
เดิมทีหลังจากมีคำสั่งลงมา ก็จะเป็นเสวียนเทียนชวนทำหน้าที่เป็นหลัก ไป๋ชิวเอ๋อร์ทำหน้าที่เป็นรองในการทำภารกิจเหล่านี้
ส่วนกู้ชิงหรันนั้นรับหน้าที่ดูแลเรื่องการปั้นกายเนื้อใหม่ของอู๋เต้า ตี้อู่เหอซ่าน สือจิ่ว และเจิ้งชิงเทียน
ทว่าบัดนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เสวียนเทียนชวนกับไป๋ชิวเอ๋อร์ไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องนี้โดยลำพัง
เสวียนเทียนชวนคาดการณ์ว่ากู้ชิงหรันคงได้อ่านรายงานเหล่านี้แล้ว จึงเอ่ยขึ้นว่า “นายหญิง ซ่งชิงน่าจะเริ่มโจมตีกลับแล้ว โดยโจมตีทุกกองกำลังของเราแบบไม่เลือกหน้า เราควรจะตั้งรับหรือต่อต้าน หรือว่าเราควรโจมตีกองกำลังของฝ่ายนั้นแบบไม่เลือกหน้าเช่นเดียวกัน?”
กู้ชิงหรันนิ่งเงียบไม่กล่าววาจา แต่ยังคงจ้องมองไปที่ยันต์สีแดงที่อยู่ตรงหน้า
เสวียนเทียนชวนไม่กล้าเอ่ยอีก เนื่องจากเรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็กเลย การตัดสินใจใด ๆ ในตอนนี้ล้วนส่งผลโดยตรงต่อกองกำลังทั้งหมดภายใต้การบัญชาของลู่หยวน
หากเป็นเรื่องอื่น ๆ ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร เมื่อกองกำลังหนึ่งอ่อนแอก็ยังสามารถพึ่งพากองกำลังอื่นแทนได้!
ทว่าคู่ต่อสู้ในตอนนี้คือซ่งชิง การเผชิญหน้ากับซ่งชิงนั้น คือการต่อสู้ที่ต้องเดิมพันด้วยเลือดเนื้อและชีวิต!
เสวียนเทียนชวนทำตามบัญชาของลู่หยวน โดยระดมกำลังทั้งหมดของลู่หยวนเข้าโจมตีราวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พวกเขาเข่นฆ่ากลุ่มทรงอำนาจต่าง ๆ ที่สามารถทำลายให้สูญสิ้นได้ในชั่วข้ามคืน!
ถึงกระนั้น ไม่รู้เพราะเหตุใด บรรดาผู้ที่กลับมาต่างก็สงสัยเป็นอย่างมาก พวกเขาเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า ภารกิจครานี้ง่ายดายเหลือเกิน
แม้แต่พวกที่ไปจัดการกับตระกูลใหญ่หรือเหล่าผู้กล้าก็ยังเอ่ยเช่นนั้น
ราวกับว่าในเวลาเดียวกันนั้น ทุกคนได้ประสบกับความขัดแย้งภายในหรือถูกตระกูลอื่น ๆ จับตามองจนไม่สามารถต่อสู้ได้ พวกเขาก็แค่ลงมือตามขั้นตอนแล้วจบไป
เสวียนเทียนชวนไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญเช่นนี้ หลังจากปรึกษาหารือกับไป๋ชิวเอ๋อร์ในช่วงดึกดื่น พวกเขาก็ร่วมมือกันวางแผน ก่อนจะส่งคนออกไปสืบอีกครั้ง
แต่กลับพบว่า เมื่อพวกเขาไปถึง กลุ่มอิทธิพลเหล่านั้นกลับมีค่าโชคชะตาที่ลดลงอย่างรวดเร็ว และแทบจะไม่หลงเหลือเลยด้วยซ้ำ!
แม้แต่จักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ก็ยังสูญสิ้นเส้นชีพจรจักรพรรดิในชั่วพริบตา!
ในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินหยวนหง การเปลี่ยนแปลงของการสืบทอด เส้นชีพจรจักรพรรดินั้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่การที่เส้นชีพจรจักรพรรดิสูญสิ้นไปนี่สิช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก!
คนเหล่านั้นก่อเรื่องอันใดกันแน่!
เสวียนเทียนชวนพยายามเสี่ยงทาย แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถทำนายได้
และเมื่อเขาพยายามทำนายอย่างถึงที่สุด ก็พบว่าเป็นเหมือนตอนที่ทำนายให้ลู่หยวน เขาเกือบจะได้ไปเยือนยมโลกเสียแล้ว!
ในตอนนั้นเขาแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
อย่างไรก็ตาม ความแปลกประหลาดมากมายเหล่านี้ล้วนบอกกับเสวียนเทียนชวน ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถตัดสินใจโดยพลการได้!
แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถติดต่อลู่หยวนได้เช่นกัน!
หลังจากที่ได้ปรึกษาหารือกันจนทั่วแล้ว จึงได้นำเรื่องนี้มาเสนอแก่กู้ชิงหรัน
ไม่นานนัก ก็มียันต์ถูกส่งมาอีกครั้ง ไป๋ชิวเอ๋อร์เป็นคนแรกที่ได้อ่าน คิ้วเรียวขมวดแน่นเตรียมจะเขียนอะไรบางอย่างแต่ก็วางมันลง จากนั้นก็ส่งยันต์นั่นให้เสวียนเทียนชวน
เสวียนเทียนชวนกางออกดู เห็นว่าด้านบนกล่าวถึงเรื่องราวของตระกูลเซียวทางทะเลใต้
หยกโบราณของตระกูลเซียวนั้นถูกขโมยไปแล้ว เดิมทีตระกูลเซียวมีสมาชิกอยู่หลายร้อยคน แต่ภายในคืนนั้นคืนเดียวกลับเหลือเพียงสี่ห้าคนเท่านั้น
สี่ห้าคนนี้เป็นองครักษ์ที่ส่งไปดูแลลับ ๆ มาโดยตลอด บัดนี้เซียวเทียนกลับมาแล้ว และเขาก็ได้รับข่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คนของตระกูลเสวียนที่ถูกส่งไปได้ตัดสินใจเองที่จะปลอบโยนเซียวเทียนที่โกรธจัด เพราะคนที่ตระกูลเซียวช่วยไว้มีอายุไม่ถึงสิบห้าปี คนเล็กสุดก็อายุเพียงแค่สามขวบ
ด้วยวัยเพียงเท่านี้ จำเป็นต้องมีคนดูแล เมืองชายแดนที่ตระกูลเซียวอาศัยอยู่นั้นเต็มไปด้วยคนที่ซ้ำเติมผู้ตกยาก ในสถานการณ์เช่นนี้ คงไม่มีผู้ใดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เซียวเทียนจึงดูแลพวกเขา
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้ที่ถูกส่งไปจึงเสนอว่า ควรนำสมาชิกของตระกูลกลับไปยังแดนมัชฌิม และมอบหมายให้ตระกูลเสวียนดูแลเสีย
และคนที่สังหารตระกูลเซียวนั้นคือตำหนักประตูสวรรค์ แม้ว่าการบ่มเพาะของเซียวเทียนจะพัฒนาเป็นอย่างมาก แต่หากเขาไปแก้แค้นตามลำพัง ก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย
ในตอนนี้เซียวเทียนย่อมเข้าใจดีถึงผลได้และผลเสีย ผู้ใหญ่ภายในตระกูลเซียวตายหมดสิ้น เหลือแค่พี่น้องร่วมตระกูลเพียงไม่กี่คนที่ออกไปฝึกตนอยู่ข้างนอก และไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด
ภารกิจดูแลลูกหลานของตระกูลเซียวทั้งหมดจึงตกอยู่ที่เซียวเทียน
เซียวเทียนไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบตกลงที่จะกลับแดนมัชฌิมไปกับพวกเขา!
บทที่ 574 ซ่งชิงโต้กลับตระกูลเซียว
บทที่ 574 ซ่งชิงโต้กลับตระกูลเซียว
“วิ้งงงง! ——”
วิญญาณชายชราที่สลายกลายเป็นแสงสีทองได้อยู่บนท่อนไม้ แสงสว่างนั้นก็ส่องประกายไปทั่วทั้งโลกา!
อำนาจของมันไม่ด้อยไปกว่าสุริยัน!
ในชั่วพริบตา มังกรยักษ์ที่อยู่ไกลออกไปต่างก็หันมามองยังที่แห่งนี้ ภายในใจก็สับสนว่าเหตุใดโลกนี้จึงมีสุริยันถึงสองดวง!
“กริ๊ก! กริ๊ก! กริ๊ก!”
ท่อนไม้ที่ลู่หยวนถืออยู่ในมือเริ่มกะเทาะเปลือกสีดำหลุดลอกออกมา แสงสีเขียวจาง ๆ จากด้านในก็เปล่งประกายตามมาในทันที
ลู่หยวนยกมือขึ้นแล้วถือท่อนไม้นั่นขึ้นมา!
ในเวลานี้ท่อนไม้นั้นหนักถึงหมื่นจวิน ถึงแม้ว่าลู่หยวนจะยกมันขึ้นมาได้ แต่ก็ยังต้องใช้แรงอยู่มาก!
ลู่หยวนเขย่ามือหนึ่งที ทันใดนั้นเปลือกนอกที่หลุดลอกนั้นก็ร่อนออกจนหมดสิ้น ปรากฏเป็นกระบี่ยาวสามฉื่อในมือของลู่หยวน!
กระบี่ยาวเล่มนั้นเปล่งแสงสีเขียว ที่ด้ามของมันแลดูเรียบง่าย มีเพียงอักขระแปลกประหลาดสองสามตัวที่แกะสลักประดับไว้
ใบมีดทั้งกว้างและหนา มีการสลักลวดลายอักขระต่าง ๆ ทอดตัวยาวตลอดทั้งด้ามกระบี่!
ทว่าตรงคมกระบี่นั้นบางเฉียบ โบกฟันลงไปเพียงนิดก็สามารถตัดผ่านสุญตาได้อย่างเฉียบคม!
“กระบี่ผนึกสวรรค์?”
ลู่หยวนถือกระบี่ยาว มุมปากก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย
“ระบบ กำหนดระดับของกระบี่เล่มนี้ให้หน่อย”
[ระบบแจ้งเตือน: กระบี่เล่มนี้ไม่อยู่ในขอบเขตที่ระบบสามารถตรวจจับได้ จึงไม่สามารถประเมินได้ชั่วคราว!]
ลู่หยวนได้ยินดังนั้นก็หวนนึกถึงถ้อยคำที่ชายชราเอ่ยเมื่อครู่ สิ่งนี้ควรจะเป็นของแดนสวรรค์ โลก และนรก
ทว่าแดนดินนั้นเป็นอย่างไร?!
ลู่หยวนมองดูแสงสีทองที่กระจายจากรอบ ๆ กระบี่ยาวแล้วห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้ สายธารวิถีแห่งกระบี่ก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของลู่หยวนในทันใด
ลู่หยวนเพียงใช้ความคิดนำทาง วิถีกระบี่นั้นก็แปรเปลี่ยนมาเป็นพลังของตนเองได้
นี่คือพลังที่ชายชรามอบให้เขา
เขาได้ของมาแล้ว แต่มิได้ล้วงความลับของชายชราเกี่ยวกับแดนสวรรค์ โลก และนรก
เช่นนั้นก็กลับไปถามพวกตี้อู่เหอซ่านก็แล้วกัน ถึงอย่างไรก็อยู่ในแดนเซียนแห่งนี้มานานแล้ว อาจจะรู้เกี่ยวกับแดนแห่งนั้นอยู่บ้าง
ลู่หยวนเก็บกระบี่เทวะผนึกสวรรค์ แล้วก็ตามหลงอ้าวเทียนไปยังที่อยู่พรรคพวกของนาง เขาใช้ค่าโชคชะตาเล็กน้อยก็รักษาทั้งสองคนให้หายได้
สตรีทั้งสองนั้นต่างก็เป็นเด็กสาวอายุไม่มาก ส่วนหน้าตาก็พอใช้ได้
ลู่หยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตั้งชื่อให้พวกนางคนละชื่อ
คนหนึ่งชื่อหลงอ้าวเต๋อ ส่วนอีกคนชื่อหลงอ้าวเริ่น
ฟ้าดินและมนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนก็ถือว่าเป็นมงคลแล้ว
ลู่หยวนเดินทางกลับมายังวังใต้ดิน เมื่อเห็นว่าวั่งไฉยังคงฝ่าด่านมิปรากฏตัว เขาจึงเดินไปยังมังกรเจินหลง และอุ้มหลิงอวิ๋นนั่งสมาธิตั้งจิตบ่มเพาะตนเอง
…
แดนมัชฌิม
ในโถงประชุมอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่งในตระกูลเสวียน
กู้ชิงหรันนั่งบนบัลลังก์จ้องมองรายงานต่าง ๆ ที่วางอยู่เบื้องหน้า
ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่ลู่หยวนได้เตรียมการไว้ก่อนหน้าแล้ว มีการรายงานความคืบหน้า และยังมีเรื่องเร่งด่วนอื่น ๆ เรียงรายอยู่
ที่นั่งด้านล่างมีเสวียนเทียนชวน ไป๋ชิวเอ๋อร์ และคนอื่น ๆ
เดิมทีหลังจากมีคำสั่งลงมา ก็จะเป็นเสวียนเทียนชวนทำหน้าที่เป็นหลัก ไป๋ชิวเอ๋อร์ทำหน้าที่เป็นรองในการทำภารกิจเหล่านี้
ส่วนกู้ชิงหรันนั้นรับหน้าที่ดูแลเรื่องการปั้นกายเนื้อใหม่ของอู๋เต้า ตี้อู่เหอซ่าน สือจิ่ว และเจิ้งชิงเทียน
ทว่าบัดนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เสวียนเทียนชวนกับไป๋ชิวเอ๋อร์ไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องนี้โดยลำพัง
เสวียนเทียนชวนคาดการณ์ว่ากู้ชิงหรันคงได้อ่านรายงานเหล่านี้แล้ว จึงเอ่ยขึ้นว่า “นายหญิง ซ่งชิงน่าจะเริ่มโจมตีกลับแล้ว โดยโจมตีทุกกองกำลังของเราแบบไม่เลือกหน้า เราควรจะตั้งรับหรือต่อต้าน หรือว่าเราควรโจมตีกองกำลังของฝ่ายนั้นแบบไม่เลือกหน้าเช่นเดียวกัน?”
กู้ชิงหรันนิ่งเงียบไม่กล่าววาจา แต่ยังคงจ้องมองไปที่ยันต์สีแดงที่อยู่ตรงหน้า
เสวียนเทียนชวนไม่กล้าเอ่ยอีก เนื่องจากเรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็กเลย การตัดสินใจใด ๆ ในตอนนี้ล้วนส่งผลโดยตรงต่อกองกำลังทั้งหมดภายใต้การบัญชาของลู่หยวน
หากเป็นเรื่องอื่น ๆ ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร เมื่อกองกำลังหนึ่งอ่อนแอก็ยังสามารถพึ่งพากองกำลังอื่นแทนได้!
ทว่าคู่ต่อสู้ในตอนนี้คือซ่งชิง การเผชิญหน้ากับซ่งชิงนั้น คือการต่อสู้ที่ต้องเดิมพันด้วยเลือดเนื้อและชีวิต!
เสวียนเทียนชวนทำตามบัญชาของลู่หยวน โดยระดมกำลังทั้งหมดของลู่หยวนเข้าโจมตีราวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พวกเขาเข่นฆ่ากลุ่มทรงอำนาจต่าง ๆ ที่สามารถทำลายให้สูญสิ้นได้ในชั่วข้ามคืน!
ถึงกระนั้น ไม่รู้เพราะเหตุใด บรรดาผู้ที่กลับมาต่างก็สงสัยเป็นอย่างมาก พวกเขาเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า ภารกิจครานี้ง่ายดายเหลือเกิน
แม้แต่พวกที่ไปจัดการกับตระกูลใหญ่หรือเหล่าผู้กล้าก็ยังเอ่ยเช่นนั้น
ราวกับว่าในเวลาเดียวกันนั้น ทุกคนได้ประสบกับความขัดแย้งภายในหรือถูกตระกูลอื่น ๆ จับตามองจนไม่สามารถต่อสู้ได้ พวกเขาก็แค่ลงมือตามขั้นตอนแล้วจบไป
เสวียนเทียนชวนไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญเช่นนี้ หลังจากปรึกษาหารือกับไป๋ชิวเอ๋อร์ในช่วงดึกดื่น พวกเขาก็ร่วมมือกันวางแผน ก่อนจะส่งคนออกไปสืบอีกครั้ง
แต่กลับพบว่า เมื่อพวกเขาไปถึง กลุ่มอิทธิพลเหล่านั้นกลับมีค่าโชคชะตาที่ลดลงอย่างรวดเร็ว และแทบจะไม่หลงเหลือเลยด้วยซ้ำ!
แม้แต่จักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ก็ยังสูญสิ้นเส้นชีพจรจักรพรรดิในชั่วพริบตา!
ในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินหยวนหง การเปลี่ยนแปลงของการสืบทอด เส้นชีพจรจักรพรรดินั้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่การที่เส้นชีพจรจักรพรรดิสูญสิ้นไปนี่สิช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก!
คนเหล่านั้นก่อเรื่องอันใดกันแน่!
เสวียนเทียนชวนพยายามเสี่ยงทาย แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถทำนายได้
และเมื่อเขาพยายามทำนายอย่างถึงที่สุด ก็พบว่าเป็นเหมือนตอนที่ทำนายให้ลู่หยวน เขาเกือบจะได้ไปเยือนยมโลกเสียแล้ว!
ในตอนนั้นเขาแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
อย่างไรก็ตาม ความแปลกประหลาดมากมายเหล่านี้ล้วนบอกกับเสวียนเทียนชวน ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถตัดสินใจโดยพลการได้!
แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถติดต่อลู่หยวนได้เช่นกัน!
หลังจากที่ได้ปรึกษาหารือกันจนทั่วแล้ว จึงได้นำเรื่องนี้มาเสนอแก่กู้ชิงหรัน
ไม่นานนัก ก็มียันต์ถูกส่งมาอีกครั้ง ไป๋ชิวเอ๋อร์เป็นคนแรกที่ได้อ่าน คิ้วเรียวขมวดแน่นเตรียมจะเขียนอะไรบางอย่างแต่ก็วางมันลง จากนั้นก็ส่งยันต์นั่นให้เสวียนเทียนชวน
เสวียนเทียนชวนกางออกดู เห็นว่าด้านบนกล่าวถึงเรื่องราวของตระกูลเซียวทางทะเลใต้
หยกโบราณของตระกูลเซียวนั้นถูกขโมยไปแล้ว เดิมทีตระกูลเซียวมีสมาชิกอยู่หลายร้อยคน แต่ภายในคืนนั้นคืนเดียวกลับเหลือเพียงสี่ห้าคนเท่านั้น
สี่ห้าคนนี้เป็นองครักษ์ที่ส่งไปดูแลลับ ๆ มาโดยตลอด บัดนี้เซียวเทียนกลับมาแล้ว และเขาก็ได้รับข่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คนของตระกูลเสวียนที่ถูกส่งไปได้ตัดสินใจเองที่จะปลอบโยนเซียวเทียนที่โกรธจัด เพราะคนที่ตระกูลเซียวช่วยไว้มีอายุไม่ถึงสิบห้าปี คนเล็กสุดก็อายุเพียงแค่สามขวบ
ด้วยวัยเพียงเท่านี้ จำเป็นต้องมีคนดูแล เมืองชายแดนที่ตระกูลเซียวอาศัยอยู่นั้นเต็มไปด้วยคนที่ซ้ำเติมผู้ตกยาก ในสถานการณ์เช่นนี้ คงไม่มีผู้ใดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เซียวเทียนจึงดูแลพวกเขา
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้ที่ถูกส่งไปจึงเสนอว่า ควรนำสมาชิกของตระกูลกลับไปยังแดนมัชฌิม และมอบหมายให้ตระกูลเสวียนดูแลเสีย
และคนที่สังหารตระกูลเซียวนั้นคือตำหนักประตูสวรรค์ แม้ว่าการบ่มเพาะของเซียวเทียนจะพัฒนาเป็นอย่างมาก แต่หากเขาไปแก้แค้นตามลำพัง ก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย
ในตอนนี้เซียวเทียนย่อมเข้าใจดีถึงผลได้และผลเสีย ผู้ใหญ่ภายในตระกูลเซียวตายหมดสิ้น เหลือแค่พี่น้องร่วมตระกูลเพียงไม่กี่คนที่ออกไปฝึกตนอยู่ข้างนอก และไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด
ภารกิจดูแลลูกหลานของตระกูลเซียวทั้งหมดจึงตกอยู่ที่เซียวเทียน
เซียวเทียนไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบตกลงที่จะกลับแดนมัชฌิมไปกับพวกเขา!