บทที่ 552 เพราะข้าคือตัวเอก!
บทที่ 552 เพราะข้าคือตัวเอก!
สีหน้าของลู่หยวนสงบยิ่ง เขาไม่ได้กังวลเรื่องเฉินจงขณะเสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นในใจของเขา!
[แจ้งเตือนจากระบบ: ครั้งนี้ท่านใช้ค่าโชคชะตาวายร้ายไปทั้งสิ้นหนึ่งแสนสามหมื่นแต้ม! ท่านใช้ค่าโชคชะตาวายร้ายทั้งหมดแล้ว! ส่วนเกินของค่าโชคชะตาวายร้ายได้ถูกหักออกจากราชวงศ์อู๋ซวง!]
[ท่านลู่หยวน ค่าโชคชะตาวายร้ายในตอนนี้: 0!]
ลู่หยวนพลันกลับมามีสติขณะสายตาจับจ้องเฉินจง แล้วมุมปากของเขาก็ยกยิ้ม
เฉินจงรู้สึกเย็นสันหลังวาบเมื่อเห็นรอยยิ้มของลู่หยวน
ด้วยเหตุผลบางอย่าง รอยยิ้มของลู่หยวนในตอนนี้ไม่ต่างจากราชาแห่งยมโลก!
“ค่าโชคชะตาหนึ่งหมื่นแต้มนับว่าคุ้มค่า…”
ลู่หยวนพึมพำ
เฉินจงไม่เข้าใจว่าลู่หยวนหมายถึงอะไร ดังนั้นเขาจึงกลืนน้ำลายแล้วเอ่ย “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ หากท่านต้องการวิชายุทธ์หรือของสิ่งใด ข้าสามารถพาไปที่แดนเซียนได้! ข้ารู้จักกับมหาจักรพรรดิหลายคนที่อยู่ในนั้น ข้ารู้ว่าพวกเขาเก่งอะไรและมีความแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน!”
“ท่านกับข้าร่วมมือกันเพื่อเข้าสู่แดนเซียน จากนั้นครองบัลลังก์มหาจักรพรรดิด้วยกันเป็นอย่างไร!”
เดิมทีเฉินจงเป็นเพียงกลุ่มวิญญาณที่หลบหนีออกมา หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เขาก็มาถึงแผ่นดินหยวนหงแล้วยึดครองร่างของคนผู้นี้ หากตอนนี้ตายขึ้นมา อย่าว่าแต่วิญญาณถูกทำลายเลย ต่อให้หลบหนีไปได้ ตนก็ไม่ทราบว่าจะได้พบร่างที่เหมาะสมอีกครั้งเมื่อไหร่!
ยิ่งกว่านั้น เมื่อครู่เฉินจงสัมผัสได้เช่นกันว่าลู่หยวนในตอนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ในการต่อสู้กับซ่งชิงเมื่อครู่ ทั้งสองต่างแสดงพลังที่ไม่ได้เป็นของโลกใบนี้ออกมา!
เขาสามารถยืนยันได้ว่าพลังของทั้งสองเมื่อครู่จะต้องทำให้เกิดความโกลาหลในแดนเซียนอย่างแน่นอน!
หากลู่หยวนสามารถให้การช่วยเหลือหรือเกิดสนใจที่จะกลายเป็นมหาจักรพรรดิในแดนเซียนขึ้นมา เช่นนั้นมันก็เป็นการดีที่สุดสำหรับเฉินจง!
ด้วยอำนาจของลู่หยวน น้อยคนนักในแดนเซียนที่เคยทำร้ายเขาจะต้องก้มกราบร้องขอชีวิตอย่างแน่นอน!
เมื่อกลับมายืนหยัดในแดนเซียนอีกครั้ง เขาจะกลับมาเป็นราชาอีกหน!
ลู่หยวนยิ่งยิ้มกว้าง “หมายความว่า ตอนโดนล้อมสังหาร พวกเขากลับพลาดร่องรอยวิญญาณของเจ้าไปงั้นหรือ?”
ทันทีที่สิ้นคำ ลู่หยวนก็ยกง้าวขึ้นแล้วแทงไปที่หัวใจของเฉินจง!
มีเพียงเสียงพรวดดังขึ้นขณะง้าวแทงเข้าไปในกาย โลหิตสาดกระเซ็น แล้วใบหน้าของเฉินจงก็ซีดเผือดทันที!
วิญญาณพุ่งออกมาจากร่าง!
สีหน้าของลู่หยวนยังคงสงบขณะเอ่ยอย่างแผ่วเบา “หอคอยอสูรสวรรค์ อาหารพิเศษมาแล้ว”
แม้วิญญาณจะไม่เข้าใจคำพูดของลู่หยวน แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะนิ่งเฉยก่อนจะระดมกำลังทั้งหมดเพื่อหลบหนี!
เพียงหนึ่งอึดใจ วิญญาณก็ทะยานออกไปหลายร้อยลี้ จนร่างของลู่หยวนเล็กเกินกว่าจะมองเห็น!
แต่เขายังคงไม่หยุดทะยานออกไปเร็วขึ้น ขอเพียงออกจากดินแดนลับของซากปรักหักพังก่อนหน้านี้ได้ก็พอแล้ว
ไม่สิ!
หากออกจากพื้นที่เขาบูรพาแห่งนี้โดยไวก็จะยิ่งปลอดภัย!
แม้ความสามารถของลู่หยวนจะยอดเยี่ยม แต่แผ่นดินหยวนหงยังคงมีทรัพยากรจำนวนมาก ขอเพียงระมัดระวังเสียหน่อยแล้วตามหาคนที่มีพรสวรรค์เพียบพร้อมเพื่อยึดร่างอีกครั้ง เขาก็จะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง!
ยิ่งกว่านั้น เท่าที่เฉินจงได้เห็น ลู่หยวนจะต้องสู้กับซ่งชิงคนนั้นอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น เขตอาคมระหว่างแดนเซียนกับแผ่นดินหยวนหงก็จะพังทลายในไม่ช้า!
เขาอาจจะใช้โอกาสนี้เพื่อเข้าสู่แดนเซียนทันที หากระวังตัวเลี่ยงการเผชิญหน้ากับลู่หยวนเหมือนไม่กี่วันก่อนก็คงไม่เป็นอะไร!
ไม่ช้าก็เร็ว ตำแหน่งมหาจักรพรรดิในแดนเซียนก็ยังตกอยู่ในมือของเขาอยู่ดี!
เมื่อวิญญาณตนนั้นกำลังตระเตรียมทุกอย่างจนชัดแจ้ง ทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำก็ดังข้างหูของเขา!
ชิ้ง!
ฟ้าดินสูญสิ้นสีสันในบัดดล!
ท้องนภาและปฐพีที่เดิมพังทลายก็หยุดนิ่ง!
วิญญาณตนนั้นรู้สึกเพียงว่านอกจากการมองเห็นแล้ว ประสาทสัมผัสที่เหลือต่างหายไป!
พละกำลังภายในทั้งหมดมลายไปในพริบตา ร่างกายที่ยังคงทะยานไปข้างหน้าก็หยุดชะงักเช่นกัน!
ร่างของลู่หยวนปรากฏตรงหน้าร่างวิญญาณขณะถือง้าวไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือหอคอยขนาดเล็กซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายมารเอาไว้
วิญญาณตนนั้นสูญเสียการได้ยินขณะพื้นที่โดยรอบถูกปิดกั้นอย่างแน่นหนา แล้วสีสันทั้งหลายก็หายไปจนไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย!
สิ่งที่มองเห็นมีเพียงมุมปากที่ยกยิ้มของลู่หยวนกำลังขยับไปมา ไม่ทราบว่ากำลังเอ่ยสิ่งใด
จากนั้น หอคอยขนาดเล็กก็สั่นไหวเล็กน้อยราวกับตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง!
กลิ่นอายมารนับพันปรากฏขึ้นจากหอคอย แล้วสีดำที่เป็นเพียงสีเดียวในโลกใบนี้ก็กลืนกินร่างวิญญาณเข้าไปทันที!
ร่างวิญญาณเฝ้าดูร่างของตัวเองสลายเข้าไปในกลิ่นอายมารทีละน้อยก่อนจะกลายเป็นความว่างเปล่า!
แต่ว่าเขาไม่อาจส่งเสียงได้แม้แต่น้อย
[แจ้งเตือนจากระบบ: ท่านฝืนสังหารบุตรแห่งโชคชะตา เฉินจง! หลังจากรับการลงทัณฑ์จากวิถีสวรรค์เรียบร้อย ค่าโชคชะตาวายร้ายจึงจะถูกคำนวณอีกครั้ง!]
เมื่อสิ้นเสียงระบบ กลิ่นอายมารก็กัดกินวิญญาณเสร็จก่อนจะกลับคืนสู่หอคอยอสูรสวรรค์
หอคอยนั้นระเบิดออกมา กลิ่นอายมารซึ่งอยู่โดยรอบก็เข้ามารวมตัวข้างใน
จากนั้นหอคอยขนาดเล็กก็หายไป ทว่าผ่านไปสักพัก บรรยากาศรอบข้างก็กลับสู่ความปกติ แล้วทุกสิ่งที่เดิมหยุดนิ่งก็เริ่มเคลื่อนไหว
ลู่หยวนเงยหน้าขึ้นก่อนจะพบว่าท้องนภาพังทลายจนสิ้น มีเพียงหมู่เมฆสีทองที่ยังคงเคลื่อนตัวไปมา
ภายใต้ผืนฟ้า สรรพสิ่งกว้างใหญ่และเงียบงัน มีเพียงร่างหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้วงอากาศกับกระบี่หักที่อยู่ข้างกาย โดยใบหน้าหันไปทางท้องนภา!
นางไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกู้ชิงหรัน!
ราวกับสัมผัสบางสิ่งได้ กู้ชิงหรันผู้อยู่เหนือห้วงอากาศก็หันมามองด้านข้าง แล้วสายตาก็จับจ้องไปทางลู่หยวนที่อยู่ห่างออกไป!
ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะเห็นความซื่อตรงของอีกฝ่าย
ซวี่รั่วหลิงมองลู่หยวนจากด้านข้างขณะสายตาแปรเปลี่ยนเป็นความระแวดระวังเล็กน้อย โดยทั่วร่างของนางเต็มไปด้วยอำนาจมหาศาล!
กู้ชิงหรันผู้อยู่เหนือห้วงอากาศก็ไม่ต่างกัน ปราณกระบี่ที่เดิมปกติกลับก่อตัวเป็นคลื่นอันคลุ้มคลั่ง ภายในไม่กี่อึดใจ จิตวิญญาณต่อสู้ของนางก็แผ่ขยายไปทุกแห่งหน!
ซวี่รั่วหลิงพลันบังเกิดความคิดเมื่อเห็นเช่นนี้
ในฐานะคู่รักย่อมไม่เบื่อหน่ายที่จะทะเลาะกัน!
ตู้ม!
ฟ้าร้องดังกึกก้องบนท้องนภาราวกับบางสิ่งกำลังจะออกมาจากวังวนสีทองเหนือศีรษะ!
ลู่หยวนก้าวไปข้างหน้าขณะทะยานขึ้นท้องนภา จากนั้นจึงมายืนอยู่ข้างกู้ชิงหรัน
ง้าวมังกรครามแปดแดนร้างแผดเสียงคำรามก่อนจะเคลื่อนมาอยู่ด้านหลังของลู่หยวน
“หลังจากวันนี้ พวกเรามาคุยเกี่ยวกับแดนเซียนกันเถอะ”
ลู่หยวนพลันเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
กู้ชิงหรันพยักหน้าเล็กน้อยขณะดวงตาเผยร่องรอยของรอยยิ้ม “หากมีวันพรุ่งนี้ เรื่องของเขาบูรพาก็เป็นอันจบสิ้น เจ้าสามารถพาข้ากลับไปแดนเหนือในช่วงที่มีเวลาว่างได้หรือไม่?”
รอยยิ้มของลู่หยวนปรากฏขณะเหลือบมองกู้ชิงหรัน “เจ้าอยากแต่งงานกับข้าจริงหรือ?”
กู้ชิงหรันถามกลับแทนที่จะตอบ “พวกเราหมั้นกันแล้ว อย่าบอกนะว่าเจ้าต้องการถอนหมั้น?”
“เหตุใดถึงกลับคำเล่า?”
ลู่หยวนหัวเราะเสียงดังขณะสายตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “เจ้าเป็นของข้า!”
บนท้องนภาในยามนี้ หมู่เมฆกระจายตัวออกไป ซากปรักหักพังที่เดิมพังทลายก็แตกสลายในทันที!
ยามนี้ผืนฟ้าแท้จริงปรากฏ ทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหงมองเห็นความผันผวนของท้องฟ้าในโลกนี้!
กู้ชิงหรันเงยหน้ามองท้องนภา หมู่เมฆนับไม่ถ้วนเคลื่อนลงมาสู่ฟ้าดินราวกับต้องการหลอมรวมเข้าด้วยกัน นางรู้สึกสับสนชั่วขณะ “ยังมีวันพรุ่งนี้หรือไม่?”
“มี!”
ลู่หยวนตัดสินใจอย่างเด็ดขาด แล้วจิตสังหารก็เริ่มปรากฏในแววตา “เพราะข้าคือตัวเอก!”