บทที่ 538 คำนวณโชคชะตา ตี้อู่เหอซั่นยอมจำนน
บทที่ 538 คำนวณโชคชะตา ตี้อู่เหอซั่นยอมจำนน
ลู่หยวนมองตี้อู่เหอซั่นผู้กำลังคุกเข่า แล้วมุมปากของเขาก็ยกยิ้มอย่างเย็นชา
อู๋เต้ากับเจิ้งชิงเทียนออกมายืนอยู่ข้างกายลู่หยวนเช่นกัน พวกเขาล้วนมองตี้อู่เหอซั่นด้วยสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย
พวกเขาต้องการให้ตี้อู่เหอซั่นยอมจำนน สาเหตุเนื่องมาจากอีกฝ่ายเป็นผู้มาจากแดนเซียน ดังนั้นมันจึงเป็นการปูทางให้ลู่หยวนเข้าสู่แดนเซียนได้ในอนาคต
ก่อนหน้านี้ลู่หยวนย่อมคิดแบบเดียวกัน ไม่ว่าตี้อู่เหอซั่นจะยอมจำนนหรือยอมตายก็ตาม
ตามความคิดของอู๋เต้ากับเจิ้งชิงเทียน หลังจากลู่หยวนสังหารรูปลักษณ์เซียนแล้ว ตี้อู่เหอซั่นก็น่าจะยอมจำนน
ถึงตอนนั้น นางน่าจะอยู่ภายใต้คำสั่งของลู่หยวน
แต่ตอนนี้ สถานการณ์คล้ายกับต่างออกไป
สายตาที่ลู่หยวนมองตี้อู่เหอซั่นเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก
แม้พวกเขาจะยืนอยู่ข้างกายลู่หยวน แต่ส่วนลึกในใจกลับรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
ทั้งสองไม่แน่ใจว่าลู่หยวนจะตัดสินใจเช่นไร
ส่วนตี้อู่เหอซั่นก็คุกเข่าตรงหน้าเขา นางทราบดีว่าจิตสังหารยังคงซุกซ่อนอยู่ อีกฝ่ายเพียงใช้ความคิดก็สามารถปลิดชีพนางได้!
ในตอนนี้ ลู่หยวนแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าหลายสิบเท่า!
ลู่หยวนเพียงยกมือขวาขึ้นเล็กน้อย ดาบสามคมฉิวหลงก็ถูกยกขึ้นเช่นกัน จากนั้นค่อยลดระดับจนมาพาดอยู่บนคอของตี้อู่เหอซั่น
คมดาบสัมผัสจุดอันตรายที่สุดของเศษเสี้ยววิญญาณตี้อู่เหอซั่น ขอเพียงลู่หยวนออกแรงเล็กน้อย นางก็จะหายไปจากโลกใบนี้!
ตี้อู่เหอซั่นไม่เผยความขลาดกลัวแต่อย่างใด แม้ร่างกายกำลังคุกเข่า แต่นางก็ยังคงยืนหยัดอย่างภาคภูมิ!
ลู่หยวนไม่รีบเอ่ยสิ่งใด ขณะเสียงของระบบดังขึ้นจากส่วนลึกของหัวใจ
[แจ้งเตือนจากระบบ : การลงทัณฑ์จากวิถีสวรรค์สิ้นสุดลงแล้ว! อยู่ระหว่างการคำนวณ…]
[ขอแสดงความยินดีกับท่านที่สังหารบุตรแห่งโชคชะตาได้! ค่าโชคชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 5000 ค่าโชคชะตาที่เหลืออยู่ในตอนนี้ 70000]
[ขอแสดงความยินดีกับท่านที่ได้รับทักษะเทวะเคล็ดกายา : พลังสามสั่นสะเทือน ระดับปัจจุบันของพลังสามสั่นสะเทือนของท่าน : ระดับต้น]
ลู่หยวนเอ่ยถามในใจ ‘จะเกิดอะไรขึ้นหากข้าฝึกฝนจนถึงระดับสูง?’
[แจ้งเตือนจากระบบ : พลังสามสั่นสะเทือนคือหนึ่งในทักษะเทวะเคล็ดกายาขั้นสูงสุด หากท่านพัฒนาจนถึงระดับสูงก็จะได้รับพลังสั่นสะเทือนภูผา สั่นสะเทือนทะเล และสั่นสะเทือนสวรรค์]
ลู่หยวนส่งเสียงอื้มออกมา จากนั้นถามเกี่ยวกับค่าโชคชะตาวายร้ายที่จำเป็นต่อการพัฒนา
ผลที่ได้ แค่การพัฒนาจากระดับต้นไประดับกลางยังต้องใช้ค่าโชคชะตาถึงสองหมื่นแต้ม
ลู่หยวนปล่อยวางเรื่องพัฒนาพลังสามสั่นสะเทือนชั่วคราว จากนั้นจึงหันมามองตี้อู่เหอซั่น
นางจะอยู่หรือตายก็อยู่ที่ความคิดของเขาเท่านั้น
มันอยู่ที่ว่าตี้อู่เหอซั่นจะแสดงคุณค่าให้ลู่หยวนได้มากน้อยแค่ไหน!
ลู่หยวนหลุบตาขณะกลิ่นอายทั้งหมดเพ่งเล็งไปที่อีกฝ่าย
อีกฝ่ายย่อมทราบเช่นกันว่าหากต้องการให้ไว้ชีวิต มันก็ขึ้นอยู่กับว่านางสามารถเสนอผลประโยชน์เพื่อนำมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนได้มากน้อยแค่ไหน!
ตี้อู่เหอซั่นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ย “ข้ามีทักษะพิเศษนามว่าพลังสามสั่นสะเทือน มันถูกเรียกว่าทักษะเทวะเคล็ดกายา หากท่านสนใจ ข้าสามารถมอบมันให้กับท่านได้”
เมื่อเห็นว่าลู่หยวนไม่พูดอะไรและไม่มีความผันผวนในดวงตาแม้แต่น้อย ตี้อู่เหอซั่นจึงเอ่ยต่อ
“เดิมทีแล้วพลังสามสั่นสะเทือนไม่ได้มาจากข้า แต่ข้าได้รับมันมาจากสถานการณ์สิ้นหวัง แม้ทักษะลับนี้จะเป็นเคล็ดกายา แต่ก็เต็มไปด้วยเจตจำนงวิถี หากสามารถทำความเข้าใจเจตจำนงวิถีจากพลังสามสั่นสะเทือนได้ ย่อมสามารถย้อนปราณวิญญาณในร่างกายจนเข้าถึงโลกของตัวเองได้เช่นกัน! ”
“หากไปถึงสภาพดังกล่าวได้ ต่อให้อยู่ในที่ที่ไม่มีปราณวิญญาณ ท่านก็ยังสามารถโคจรพลังวิญญาณไร้ขอบเขตในร่างกายเพื่อต่อสู้เหมือนอย่างทุกครั้งได้!”
“ทว่าท่านต้องเรียนรู้พลังสามสั่นสะเทือนก่อน จากนั้นไปสถานที่พิเศษในแดนเซียนเพื่อทำความเข้าใจ”
“โห?”
เมื่อลู่หยวนได้ยินเช่นนี้ เขาก็บังเกิดความสนใจจนคิ้วขมวด
สิ่งที่ระบบเพิ่งแนะนำไป ต่อให้พัฒนาพลังสามสั่นสะเทือนจนถึงระดับสูง มันก็ยังไม่มีสิ่งนี้!
ตอนลู่หยวนสู้กับตี้อู่เหอซั่น เขาสามารถสัมผัสถึงรูปแบบการต่อสู้อันเป็นเอกลักษณ์ของนางได้ รวมถึงจุดแข็งจุดอ่อนของเคล็ดกายาเมื่อเทียบกับวิถีธรรมดา!
แม้การพัฒนาของเคล็ดกายาใช่ว่าจะดีและมีน้อยคนนักบนแผ่นดินที่สามารถฝึกฝนได้อย่างเต็มที่ แต่ข้อได้เปรียบเพียงหนึ่งเดียวก็คือเมื่อปราณวิญญาณเบาบาง ผู้ที่ฝึกฝนเคล็ดดังกล่าวก็จะกลายเป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริง!
ในฐานะผู้บ่มเพาะ พวกเขาไม่สามารถใช้พละกำลังก่อนหน้าได้ถึงครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ!
หากสิ่งที่ตี้อู่เหอซั่นพูดในวันนี้เป็นความจริง เขาสามารถกลายเปลี่ยนโลกเพื่อจัดการปราณวิญญาณไร้ขอบเขตให้ตัวเองได้ ถึงตอนนั้นไม่ว่าปราณวิญญาณจะเบาบางเพียงใด มันก็ไม่สามารถจำกัดลู่หยวนได้!
ตี้อู่เหอซั่นคิดว่าลู่หยวนไม่สนใจเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง “ข้าค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานที่หลายแห่งในแดนเซียน หากท่านไปถึงที่นั่นก็ไม่ต้องห่วงเรื่องอาวุธและชุดเกราะ ท่านสามารถขอทุกสิ่งได้จนกว่าจะพึงพอใจ”
“ต่อให้ท่านนำกลุ่มคนนับหมื่นไปที่นั่น มันก็เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของทุกคนได้!”
“หากข้าสามารถสร้างรูปลักษณ์ขึ้นใหม่และฝึกฝนอีกเสียหน่อย ข้าก็จะสามารถใช้ร่างกายเพื่อพลิกโลกใบนี้ได้! พลังต่อสู้ที่เหนือกว่าขั้นอมตยุทธ์ นั่นก็คือขั้นเทพยุทธ์!”
“ได้โปรดพาข้าไปกับท่านด้วย!”
ตี้อู่เหอซั่นเปิดเศษเสี้ยวจิตเทวะพร้อมมอบสิทธิ์ในการตัดสินใจทุกอย่างให้ลู่หยวน!
ตี้อู่เหอซั่นแทบจะเปิดเผยทุกอย่างที่มี หากไม่สามารถทำให้ลู่หยวนพึงพอใจได้ เช่นนั้นวันนี้นางก็ต้องตาย
ลู่หยวนหัวเราะแผ่วเบาพลันเอ่ย “เจ้ามาจากแดนเซียนงั้นหรือ?”
“ใช่”
ตี้อู่เหอซั่นพยักหน้าอย่างแผ่วเบา
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงลงมาที่นี่?”
“ในตอนนั้น เส้นทางระหว่างแดนเซียนกับแผ่นดินหยวนหงถูกปิดฉับพลัน ผู้คนบางส่วนจากแดนเซียนไม่มีเวลาอพยพจนต้องติดอยู่ในโลกใบนี้”
“แต่หลังจากเส้นทางปิดไปแล้ว ปราณวิญญาณของโลกใบนี้ก็เริ่มพังทลาย มันไม่มากพอที่พวกข้าจะรักษาตัวเองเอาไว้ได้ ทำให้ระดับการบ่มเพาะลดลงเช่นกัน หลังจากผู้คนในแดนเซียนหลงเหลือทายาทเอาไว้ก็พบว่าพวกเขาส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา พรสวรรค์ไม่มากพอที่จะเป็นยักษ์ใหญ่ในโลกใบนี้ ดังนั้นทุกคนจึงค่อยล้มตายเพราะขาดปราณวิญญาณ แต่เป็นเพราะข้าการฝึกฝนเคล็ดกายาก็เลยสามารถอยู่รอดจนถึงทุกวันนี้ได้”
เปลือกตาของลู่หยวนกระตุกเล็กน้อย “เหตุใดต้องปิดฉับพลัน?”
ตี้อู่เหอซั่นส่ายหน้า หากนางทราบก็คงรีบไปจากที่นี่แล้ว ไยต้องมาอยู่บนโลกใบนี้และไม่มีสิทธิ์กลับไปเล่า
นางทำได้เพียงสังเวยการบ่มเพาะทั้งหมดก่อนถึงแก่ความตายเพื่อได้พบกับวิถีสวรรค์ จากนั้นทำการเดิมพันกับทายาทของนางว่าจะสามารถออกจากโลกใบนี้ได้
ลู่หยวนคิ้วขมวดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยทันที “เจ้ารู้จักเกาะสังหารเซียนหรือไม่?”
ตี้อู่เหอซั่นพยักหน้าทันที แม้แผ่นดินหยวนหงกับแดนเซียนจะแตกต่างกัน แต่นางก็อาศัยอยู่ที่นี่มาช้านาน จึงเป็นธรรมดาที่จะทราบว่าเกาะสังหารเซียนคือสถานที่ที่เคยเป็นเส้นทางระหว่างอดีตแดนเซียนกับแผ่นดินหยวนหง ซึ่งตนเองเคยไปมาหลายครั้ง!
เมื่อลู่หยวนเห็นตี้อู่เหอซั่นพยักหน้า เขาก็ถามอีกครั้ง “เจ้าทราบเส้นทางกับสถานการณ์ภายในหรือไม่?”
ตี้อู่เหอซั่นเข้าใจทันทีว่าลู่หยวนหมายความว่าอย่างไร เขาอยากไปหาบางอย่างที่นั่น แต่ยังขาดคนนำทาง!
ตี้อู่เหอซั่นประสานมือแล้วแย้มยิ้มทันที “ท่านไม่ต้องห่วง ข้าคุ้นเคยกับที่นั่นเป็นอย่างดี!”
———————————