บทที่ 526 พยัคฆ์โลหิตสิ้นแล้ว
บทที่ 526 พยัคฆ์โลหิตสิ้นแล้ว
พยัคฆ์โลหิตย่อมให้ความสนใจกับสีหน้าของฟั่นโจว แต่ตอนนี้มันต้องการเวลาในการอธิบาย
ลู่หยวนย่อมไม่ให้เวลาพูดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เป็นแน่
ความจริงก็เหมือนกับที่พยัคฆ์โลหิตคิดเอาไว้
ลู่หยวนเพียงหวังว่าจะสามารถหลอกเอาค่าโชคชะตาทั้งหมดของฟั่นโจวได้!
ลู่หยวนยิ้มบางขณะง้าวในมือสั่นไหว มันตรงไปทางหยกปีศาจที่ถูกผนึกเอาไว้
พลังกดขี่อันหยิ่งผยองถูกกำราบในทันใด ค่ายกลจำนวนมากที่อยู่รอบข้างไม่อาจขัดขืนได้แม้แต่น้อย พวกมันล้วนแตกสลายในทันที!
ตอนนี้เองที่แสงของหยกปีศาจระเบิดออกมา พลังของมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
ลู่หยวนโบกมือ ง้าวกับหยกปีศาจก็ตกมาอยู่ในมือของเขา
ในตอนนี้ ลู่หยวนเหลือบมองฟั่นโจวแล้วแสร้งทำเป็นเวทนา “เจ้า…”
ทันทีที่สิ้นคำ เขาก็พลันนิ่งไปขณะสายตาจับจ้องพยัคฆ์โลหิต จากนั้นก็เผยความดูถูกเหยียดหยันออกมา
จิตสังหารของลู่หยวนปะทุออกมาขณะง้าวชี้ไปทางพยัคฆ์โลหิตราวกับต้องการพรากชีวิตอีกฝ่าย
ตอนนั้นพยัคฆ์โลหิตไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลู่หยวนอย่างไร ตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น!
มันซ่อนอยู่ในร่างของฟั่นโจวโดยไม่รู้ตัวขณะพยายามฝืนควบคุมร่างของอีกฝ่าย เพื่อรอโอกาสหลบหนี!
แต่ลู่หยวนคาดเอาไว้ก่อนแล้ว จากนั้นอำนาจมังกรก็ปะทุออกมา ทำให้ทั่วร่างของฟั่นโจวสั่นสะท้าน!
ต่อให้ถูกพยัคฆ์โลหิตควบคุมแต่ก็ไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย
เพียงพริบตา ฟั่นโจวผู้ถูกพยัคฆ์โลหิตยึดร่างก็กลับมามีสติเช่นกัน!
ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ
จิตสังหารที่เพิ่งแผ่ออกมาจากปลายง้าวของลู่หยวนตกอยู่ในความเงียบงันทันที มุมปากของเขาก็ยกยิ้มเล็กน้อย
แน่นอนว่าพยัคฆ์โลหิตยังฉลาดน้อยเกินไป มันทั้งหวาดกลัวและตื่นตระหนกได้ง่าย
แม้สิ่งที่พยัคฆ์โลหิตทำเมื่อครู่จะเป็นการช่วยชีวิต แต่ในสายตาของฟั่นโจว มันไม่ต่างจากการปล้นชิงร่างกาย!
[แจ้งเตือนจากระบบ : ความเชื่อใจของบุตรแห่งโชคชะตาฟั่นโจวที่มีต่อพยัคฆ์โลหิตลดลง ทำให้ค่าโชคชะตาของเขาลดลง 2000 ค่าโชคชะตาที่เหลืออยู่ในตอนนี้ 5000]
[ค่าโชคชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 4000 ค่าโชคชะตาวายร้ายที่เหลืออยู่ในตอนนี้ 90000]
ค่าโชคชะตาเก้าหมื่นแต้มนับว่าคุ้มค่า…
รอยยิ้มของลู่หยวนยิ่งกว้าง ทุกสิ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ หลังจากนี้ เขาก็แค่ชมการแสดงของทั้งสองคนเท่านั้น
ลู่หยวนคลายพลังทั้งหมดที่เพิ่งปะทุออกมา ทำให้ฟั่นโจวได้รับอิสระ
ในตอนนี้ ใบหน้าของฟั่นโจวมืดมนจนน่ากลัว!
ราวกับมีชั้นหมอกควันเข้าปกคลุม ดวงตาสีแดงของเขาเริ่มเผยความเดือดดาล ความไม่เต็มใจและความไม่อยากเชื่อเล็กน้อย
พยัคฆ์โลหิตจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายติดกับ?!
ตอนนี้มันฝากชีวิตไว้กับฟั่นโจว หากอีกฝ่ายตัดใจในตอนนี้ เช่นนั้นพยัคฆ์โลหิตก็อาจจะถูกทิ้งไว้ที่นี่!
แม้ไม่ทราบว่าจะมีคนกลับมาเปิดซากปรักหักพังเหล่านี้อีกครั้งเมื่อไหร่ แต่มันเชื่อว่าด้วยพลังวิญญาณตอนนี้ ย่อมไม่สามารถอยู่รอดจนถึงตอนนั้นได้!
มันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากขณะพยายามหาทางอธิบาย
“ฟั่นโจว เมื่อครู่ข้าเพียงระวังมากเกินไปเพราะคิดว่าลู่หยวนมีเจตนาที่จะฆ่า!”
“เจ้าเพิ่งเริ่มออกเดินทางก็เลยอาจไม่ทราบว่าเด็กคนนี้โหดเหี้ยมแค่ไหน เขาโด่งดังเรื่องการฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา!”
“หากพวกเราไม่รีบออกไปในช่วงที่เด็กคนนี้ไม่สนใจ เจ้ากับข้าอาจจะตายอยู่ที่นี่! ข้าทำแบบนี้ก็เพื่อตัวของเจ้าเอง! เจ้าต้องไม่มีความขัดแย้งกับข้าเพราะเรื่องนี้เป็นอันขาด! ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หากเจ้าอยากรู้ ข้าก็พร้อมที่จะเล่าให้ฟังทุกอย่าง!”
ทันทีที่สิ้นคำ พยัคฆ์โลหิตก็สังเกตสีหน้าของฟั่นโจวด้วยความไม่สบายใจยิ่ง
“จริงหรือ?”
ฟั่นโจวยิ้มหยันขณะคิ้วขมวดเล็กน้อย จากนั้นจึงหยิบจี้หยกออกมาจากแขนเสื้อ
มีพลังคลุมเครือบางอย่างอยู่บนจี้หยกดังกล่าว แม้คนอื่นจะไม่สามารถตรวจจับได้ แต่ลู่หยวนมองเพียงปราดเดียวก็ทราบได้ทันทีว่านี่คือที่ที่พยัคฆ์โลหิตอาศัยอยู่!
ฟั่นโจวชูจี้หยกขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย “ข้าเชื่อใจท่านมาก ตอนพบกันครั้งแรก ข้าถึงขั้นใช้ปราณวิญญาณเพื่อหล่อเลี้ยงท่านจนเศษเสี้ยววิญญาณแข็งแกร่งได้ถึงทุกวันนี้!”
“กลายเป็นว่าทั้งหมดนั่นคือเรื่องหลอกลวง!”
รอยยิ้มหยันของฟั่นโจวยิ่งจริงจัง “ว่ากันว่ารักแท้จะปรากฏในช่วงเวลาแห่งวิกฤติ”
“วันนี้ข้าได้เห็นกับตาแล้ว! รักแท้ของท่านที่มีต่อข้าไม่ต่างอะไรกับการหลอกใช้เพื่อหวังผลประโยชน์!”
สิ้นคำ ฟั่นโจวก็กระแทกจี้หยกลงกับพื้นอย่างรุนแรง
เศษเสี้ยววิญญาณของพยัคฆ์โลหิตทะยานออกจากร่างของฟั่นโจวก่อนจะคว้าจี้หยกเอาไว้อย่างรวดเร็ว!
เมื่อเห็นว่าจี้หยกยังไม่กระแทกลงกับพื้น พยัคฆ์โลหิตพลันรู้สึกโล่งอกเล็กน้อย
ขอเพียงจี้หยกยังไม่แตก มันก็ยังมีโอกาสที่จะได้หายใจ!
แต่ในตอนนี้ มันเห็นง้าวยาวพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะบดขยี้จี้หยกที่พยัคฆ์โลหิตเพิ่งปกป้องเอาไว้
พยัคฆ์โลหิตสัมผัสได้ว่าหัวใจของตัวเองหยุดเต้นไปแล้ว
จี้หยกแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนจะร่วงจากมือของพยัคฆ์โลหิตลงสู่พื้น
พลังทั่วร่างของเศษเสี้ยววิญญาณพยัคฆ์โลหิตเริ่มสลายไปทีละน้อย
ลู่หยวนดึงง้าวในมือกลับมา
เมื่อเห็นจี้หยกของพยัคฆ์โลหิตแตกกระจาย ฟั่นโจวก็ไม่เผยสายตาประหลาดใจแต่อย่างใด เขาเพียงประสานมือให้ลู่หยวนแล้วเอ่ย “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ท่านช่วยปล่อยข้าไปได้หรือไม่? ข้าไม่คิดจะเอาวาสนาจากที่นี่อีกแล้ว”
เขาไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแม้แต่นิดเดียว แต่ในเมื่อมาถึงซากปรักหักพังแห่งนี้แล้ว เขาย่อมอยากหาวาสนาบางอย่างเป็นธรรมดา!
หยกแตกหักก้อนนี้ไม่ใช่ของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นไปที่อื่นเลยน่าจะดีกว่า!
ลู่หยวนยกง้าวมาขวางทางของฟั่นโจวเอาไว้พลางคิ้วขมวด “ข้าเพิ่งช่วยชีวิตเอาไว้ แต่เจ้ากลับจะจากไปทั้งอย่างนี้หรือ?”
ฟั่นโจวเม้มริมฝีปากขณะเผยสายตาลังเลชั่วขณะ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้าไม่มีสิ่งที่จะตอบแทนท่านได้เลย”
ลู่หยวนยืนยันอย่างมั่นใจ “ไม่ เจ้ามีอยู่”
ฟั่นโจวมองลู่หยวนด้วยสายตาสงสัย
เขาเป็นเพียงคนที่มาจากภูเขาขนาดเล็กและเพิ่งออกเดินทางได้ไม่นาน ไม่ว่าจะพรสวรรค์ การบ่มเพาะ หรือทุกสิ่งอย่างล้วนด้อยกว่าลู่หยวนทั้งสิ้น
เขายังจะให้อะไรลู่หยวนได้อีก?
มุมปากของลู่หยวนยกยิ้มขณะง้าวถูกดึงกลับมา จากนั้นก็แทงไปที่พยัคฆ์โลหิตซึ่งแน่นิ่งอยู่กับที่!
วิ้ง!
ง้าวแผดเสียงคำรามขณะทะลวงผ่านเศษเสี้ยววิญญาณของพยัคฆ์โลหิต!
เศษเสี้ยววิญญาณพลันหดลง เห็นได้ชัดว่ามันถูกบางอย่างดูดกลืนอย่างรวดเร็ว
วิญญาณหอกเถี่ยนิวปรากฏขึ้นจากภายในง้าวมังกรครามแปดแดนร้าง
กลิ่นของเศษเสี้ยววิญญาณช่างหอมหวานนัก!
ลู่หยวนเก็บง้าวมังกรครามแปดแดนร้างและหยกปีศาจ จากนั้นพาฟั่นโจวออกไปนอกห้องโถงโบราณ
แม้จะยังไม่เข้าใจ แต่ฟั่นโจวก็ตามลู่หยวนออกไป
ถึงอย่างไร เขาทราบดีว่าลู่หยวนไม่มีเจตนาที่จะฆ่าในตอนนี้
หาไม่แล้ว ด้วยการบ่มเพาะของลู่หยวน เขาสามารถถูกสังหารได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
ลู่หยวนชี้ไปข้างนอก “เจ้าอยากไปไหน? ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
ฟั่นโจวตกตะลึง
ในซากปรักหักพังแห่งนี้น่าจะมีวาสนามากมาย แม้เขาจะติดตั้งค่ายกลกับทุกคนที่เข้ามาที่นี่ แต่ก็ยังไม่มีใครพบเจอของดีแม้แต่คนเดียว
ส่วนฟั่นโจวคือบุตรแห่งโชคชะตา หาใช่หนูล่าสมบัติไม่ หากติดตามอีกฝ่ายไป เขาจะต้องพบของดีอย่างแน่นอน อย่างน้อยมันก็ดีกว่าการเตร็ดเตร่ไปทั่วอย่างไร้จุดหมาย
———————————