บทที่ 521 หอคอยอสูรสวรรค์ฟื้นคืน
บทที่ 521 หอคอยอสูรสวรรค์ฟื้นคืน
ทว่าซ่งชิงเข้าใจฉือเซ่า ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ได้เป็นสักขีพยานกับการใช้มหาวิถีอื่นที่เทียบเคียงกับวิถีสวรรค์ของลู่หยวน!
แม้กระทั่งเขาก็ไม่กล้าบอกว่าอารมณ์ตนเองไม่อาจสั่นคลอน ยามเผชิญกับผลกระทบจากการมองเห็นเช่นนั้น
ฉือเซ่าเชี่ยวชาญวิถีลึกลับ เขาน่าจะสามารถสัมผัสได้ว่าลู่หยวนผู้นี้คือศัตรูตัวฉกาจที่สุดของซ่งชิง!
จะต้องมีคนใดคนหนึ่งตายระหว่างทั้งสองเป็นแน่!
ใครก็ตามที่รอดชีวิตจะกลายเป็นผู้ปกครองแผ่นดินทั้งหมดในวันข้างหน้า!
ฉือเซ่ารู้สึกสับสนอย่างเลี่ยงไม่ได้เมื่อเห็นศัตรูกำลังเติบโตและแสดงความตั้งใจไร้ใครเทียบของมหาวิถีออกมา
แล้ววันนี้เขาก็เอ่ยคำเตือนร้อนรนเช่นนั้นออกมา
ทว่าซ่งชิงกลับไม่รีบร้อน
ไม่ว่าลู่หยวนจะมีความสามารถแค่ไหน แต่ก็เป็นได้เพียงย่างก้าวบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะเท่านั้น!
พลังแห่งสวรรค์นี้จะยังคงอยู่ในกำมือของเขาหลังจากปลิดชีพลู่หยวนได้!
ส่วนคำถามที่ว่าจะเอาชนะลู่หยวนได้หรือไม่ เขามีระบบอยู่กับตัว แล้วจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำได้อย่างไร?!
ซ่งชิงเหลือบมองฉือเซ่าแล้วเอ่ย “ไม่จำเป็นต้องกังวลไม่เข้าเรื่องหรอก”
ฉือเซ่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ในตอนนี้ ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เหนือท้องนภาเริ่มส่องแสงเจิดจ้า เส้นสีแดงก็กระจายไปรอบตะวันจันทรา!
ปราณวิญญาณของแผ่นดินรอบข้างเริ่มหมุนวนอย่างต่อเนื่อง ขณะมุ่งหน้าไปรวมตัวยังจุดหนึ่ง
พวกซ่งชิงมองไปด้านข้างแล้วจากไป “มันเริ่มแล้ว”
ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ลู่หยวนกับกู้ชิงหรันยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กัน
ตอนนี้เองที่จูอั้นเข้ามาแล้วรีบเอ่ยว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ นี่คือซากปรักหักพังที่มีวาสนามากมายอยู่ข้างใน!”
อดีตจักรพรรดิคนอื่นกับแม่ทัพตอนนี้ต่างยืนอยู่ทั้งสองด้านขณะรอคำสั่งของลู่หยวน
ถึงอย่างไรซากปรักหักพังในคราวนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกมันอาจจะเต็มไปด้วยอันตราย หากลู่หยวนกับกู้ชิงหรันเข้าไปเพียงลำพังย่อมมีการป้องกันน้อยเกินไป หากสามารถนำคนไปเพิ่มได้ก็ยิ่งมีความปลอดภัยมากขึ้น
จูอั้นและนาคาทะยานอยากเข้าร่วมด้วย พวกเขาต่างมองลู่หยวนด้วยสายตาที่มองเพียงปราดเดียวก็เข้าใจความหมาย
นาคาทะยานเป็นคนฉลาด เขาทราบว่าหากต้องการพัฒนาสถานะเผ่าพันธุ์ในอนาคต สิ่งสำคัญที่สุดก็คือไม่ใช่ทำให้เทียนเม่ยเอ๋อร์พอใจ แต่ต้องทำให้ลู่หยวนพอใจต่างหาก!
ตราบใดที่ลู่หยวนมีความสุข ผลประโยชน์ที่ได้รับย่อมเกินบรรยาย!
ด้วยนิสัยของลู่หยวน เขาจะไม่อยู่ที่เดิมนานเกินไป หากไม่ใช่เพราะตัวตนของซากปรักหักพังแห่งนี้ในหุบเขาบูรพา เกรงว่าเขาคงจากไปนานแล้ว
ดังนั้น นาคาทะยานจึงอยากฉวยโอกาสนี้เพื่อทำบางอย่างให้ลู่หยวน แล้วอีกฝ่ายจะได้รู้ว่า นาคาทะยาน เป็นแม่ทัพที่แข็งแกร่งเช่นกัน!
หากทำให้มีความสุข สถานะกับทรัพยากรของเขาอาจจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ส่วนทางจูอั้น เขาไม่ได้เจ้าเล่ห์เพทุบาย
เท่าที่ทราบก็คือลู่หยวนน่าจะนำใครบางคนมาเพิ่ม เช่นนั้นทำไมไม่พาเขาไปด้วยเล่า ตนเองทั้งหนังหนาและสามารถทานทนจากการทุบตีได้!
จักรพรรดิคนอื่นพากันแยกย้ายก่อนจะทันได้สัมผัส
ลู่หยวนย่อมมองเห็นสายตาของสองคนนี้ เมื่อกำลังจะทำการเลือกใครสักคน เสียงของระบบพลันดังขึ้น!
[แจ้งเตือนจากระบบ : หอคอยอสูรสวรรค์ได้รับการซ่อมแซมแล้ว]
ภายในจิตเทวะของลู่หยวน หอคอยอสูรสวรรค์ซึ่งถูกห้อมล้อมด้วยมวลสารกลิ่นอายมารเริ่มสั่นไหว!
หลังจากกลิ่นอายมารจางหาย หอคอยอสูรสวรรค์ก็ปรากฏอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้มันกลับคืนสู่สภาพดั้งเดิมแล้ว!
ตัวตนหอคอยใหม่ให้ความรู้สึกชั่วร้ายขณะบรรยากาศรอบข้างเริ่มหนาตัว!
“สือจิ่ว”
ลู่หยวนพยายามส่งเสียงเรียก เขาพบว่าห้วงอากาศข้างกายพลันสั่นไหว แล้วร่างของสือจิ่วก็ปรากฏ!
ตอนนี้นางเปลี่ยนไปมาก หากก่อนหน้ารูปลักษณ์ดูเหมือนสาวน้อย เช่นนั้นในตอนนี้อีกฝ่ายก็กลายเป็นหญิงสาวเติบใหญ่ผู้ดูแคลนโลก!
สือจิ่วสวมชุดสีดำปลิวไสว ผมยาวประบ่าถูกรวบด้วยปิ่นปักผม นางคิ้วขมวดเล็กน้อยราวกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ได้อยู่ในความสนใจแต่อย่างใด
“นายท่าน”
สือจิ่วตะโกนด้วยความเคารพและประสานมือทักทาย นางยังคงมีมารยาทเหมือนเคย!
“เศษเสี้ยววิญญาณของชิวชิงหลียังอยู่หรือไม่?” ลู่หยวนถาม
ในตอนแรก ชิวชิงหลีเป็นร่างที่มีสองวิญญาณ หนึ่งในนั้นถูกลู่หยวนดึงออกมาแล้วทำการจองจำอยู่ในหอคอยอสูรสวรรค์
หอคอยดังกล่าวทำการฝึกฝนสักพักขณะย่อยกลิ่นอายมารทั้งหมดที่ได้รับ ไม่มีใครทราบว่าวิญญาณของชิวชิงหลีอยู่หรือตาย
สือจิ่วส่ายหน้า “นายท่าน นางยังไม่ตาย แต่ถูกผนึกไว้ในหอคอยอสูรสวรรค์พร้อมกับเศษเสี้ยววิญญาณ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่เพียงเศษเสี้ยววิญญาณไม่ถูกกัดกร่อนเท่านั้น แต่มันถึงกับทำให้เส้นชีพจรวิถีคุณธรรมแข็งแกร่ง ยิ่งใหญ่และทรงพลังมากขึ้น!”
ลู่หยวนคิ้วขมวด “จริงหรือ?”
สือจิ่วพยักหน้า
ตอนนี้เองที่เสียงของอู๋เต้าดังขึ้น “หากต้องการยึดติดเศษเสี้ยววิญญาณของเจิ้งชิงเทียนเอาไว้ ท่านสามารถใช้เศษเสี้ยววิญญาณของวิถีคุณธรรมเพื่อทำการสังเวยได้!”
“แม้พวกเขาทั้งสองจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่ก็สืบทอดวิถีคุณธรรม จึงมีความเป็นไปได้”
ในระหว่างที่อู๋เต้าติดตามลู่หยวน แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็ทราบถึงพละกำลังในตอนนี้ ยิ่งกว่านั้นอู๋เต้าอยู่ในจิตเทวะของลู่หยวนในสภาพสุขสบายจนค้นพบบางสิ่งด้วยตัวเอง
ทว่าเศษเสี้ยววิญญาณของชิวชิงหลีมีความมุมานะ แบบนั้นมันจะไม่ทำให้เจิ้งชิงเทียนถึงแก่ความตายหรอกหรือ?!
ลู่หยวนไม่ลังเลอีกต่อไปก่อนจะตรงเข้าหอคอยอสูรสวรรค์เพื่อหลอมเศษเสี้ยววิญญาณของชิวชิงหลีแล้วถ่ายทอดเข้าสู่เศษเสี้ยววิญญาณของเจิ้งชิงเทียน
เศษเสี้ยววิญญาณของชิวชิงหลี ใช้เวลานานมากเพื่อขัดขืนกลิ่นอายมาร ตอนนี้นางไร้หนทางขัดขืนทำได้เพียงรอถูกลู่หยวนบดขยี้!
ด้วยพรจากเศษเสี้ยววิญญาณนี้ ทำให้เศษเสี้ยววิญญาณของเจิ้งชิงเทียนได้มีเวลาพักหายใจเล็กน้อย
หลังจากทำทั้งหมดนี้ ลู่หยวนก็กลับมามีสติ ตอนนี้หอคอยอสูรสวรรค์ตื่นขึ้นมาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพาคนมากมายไปด้วย!
ลู่หยวนเหลือบมองกู้ชิงหรัน “คราวนี้มีแค่เจ้ากับข้าไปด้วยกัน คิดว่าไง?”
กู้ชิงหรันเปี่ยมด้วยความมั่นใจก่อนจะตอบตกลง
นางอยากเข้าไปอีกครั้งเพื่อดูว่าจะมีวาสนาที่ทำให้การบ่มเพาะซึ่งหยุดนิ่งไปของนาง กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งได้หรือไม่
เมื่อจูอั้นกับนาคาทะยานเห็นเช่นนี้ ในใจของพวกเขาก็มืดมน ในเมื่อลู่หยวนพูดเช่นนี้ แสดงว่าเขาอาจจะไม่พาใครไปอีก
พลาดโอกาสดีไปอีกแล้ว!
“วิ้ง!”
ฟ้าดินสั่นสะเทือนและเปิดออกพร้อมกัน แล้วชั้นปราณวิญญาณก็เริ่มหยุดหมุนวน!
หลังจากนั้น เส้นนับไม่ถ้วนในดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เริ่มมาบรรจบที่ใจกลางของทั้งสอง
ผ่านไปสักพัก กลุ่มเส้นสีแดงเริ่มกระจายออกมาจากส่วนกลาง!
สายตาของลู่หยวนกับกู้ชิงหรันจับจ้องทันที ซากปรักหักพังนี้น่าจะถูกเปิดแล้ว!
ส่วนซ่งชิงก็จับจ้องมาทิศทางนี้เช่นกัน
ขณะแสงสว่างสาดส่อง ซ่งชิงพลันแย้มยิ้มขณะยืนเอามือไพล่หลัง
“ฉือเซ่า เจ้าไม่ต้องตามข้ามา”
ฉือเซ่าตกตะลึง ก่อนจะทันได้ตอบสนอง ซ่งชิงก็เอ่ยต่อ “หลังจากนั้น กระจายข่าวเรื่องซากปรักหักพังโลกแห่งนี้ที”
ฉือเซ่าตกตะลึงชั่วขณะ จากนั้นก็พลันเข้าใจ!
ทุกวันนี้น้อยคนนักที่จะทราบว่าซากปรักหักพังเปิดออกแล้ว ส่วนตระกูลที่เหลืออยู่อาจจะตระเตรียมคนเพื่อรออยู่ในหุบเขาบูรพาแล้วก็เป็นได้
ถึงอย่างนั้น จำนวนก็ยังน้อยเกินไป!
หากต้องการวาสนาก็ต้องมีคนโง่มากกว่านี้!