TB:บทที่ 330 โศกนาฏกรรมแห่งตระกูลคาร์ล
เฉินหลง บอร์แมน พี่น้องทั้งเจ็ดของสกาย เต่ากวงฮานรวมถึงแอนเดสพร้อมกับอาวุทปืนมากมายรีบมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ที่คนในตระกูลคาร์ลอาศัยอยู่ ส่วนลิลิธเป็นเพียงคนเดียวที่ถูกทิ้งให้อยู่กับลูกน้องคนอื่นๆของเธอ
เมื่อพวกเขามาถึงคฤหาสน์ตระกูลคาร์ล เฉินหลง บอร์แมนและสกายได้ปืนแก็ตลิง*บุกโจมตีอีกฝ่ายโดยตรง
ส่วนเต่ากวงหานและแอนเดสเป็นคนจับมันไว้จากอีกฝั่งอย่างเงียบเชียบ
แต่อย่างไรก็ตาม ตระกูลคาร์ลก็ได้ครอบครองอาวุทปืนไว้มากมาย นอกจากนี้ยังมีนักแม่นปืนยอดฝีมืออีกด้วย
ทันทีที่พวกเขาเห็นเฉินหลงและคนมากมายกล้านำอาวุธทำลายล้างบุกเข้ามาอย่างเปิดเผย จึงโต้ตอบอีกฝ่ายด้วยการกระหน่ำยิงทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อลูกกระสุนพุ่งมาที่เฉินหลงและผู้ติดตาม มันกลับกลายเป็นการยิงแผ่นเหล็กหนาแผ่นหนึ่งทำให้ลูกกระสุนสะท้อนไปอีกทาง
ในขณะที่กระสุนที่มาจากปืนแก็ตลิงในมือของเฉินหลงสัมผัสมือปืนและบอดี้การ์ดของอีกฝ่าย มันได้คร่าชีวิตพวกเขาด้วยการทำให้ตามร่างกายเป็นรูพรุนขนาดใหญ่ ยากที่จะรักษาให้หาย
“ว้าว ฮ่าฮ่า นี่แหละ ชีวิตที่ฉันต้องการ!” สกายหัวเราะร่าไปพร้อมกับการกระหน่ำยิงศัตรู
“ใช่ โคตรเท่!”
“ฆ่ามันให้หมด!”
สตาร์และพี่น้องคนอื่นๆเห็นด้วยกับสิ่งที่สกายพูด
ในขณะเดียวกัน แอนเดสและเต่ากวงหานไม่ได้นิ่งดูดาย
เต่ากวงหานใช้มีดในมือแยกชิ้นส่วนคนพวกนั้นเป็นสองส่วนไม่ต่างกับการฝ่าฟืนหนึ่งท่อน ในขณะที่แอนเดสใช้พลังแห่งความมืดสังหารบอดี้การ์ดจนล้มตายไปทีละคน
ครูต่อมา ลิลิธและแวมไพร์หนึ่งร้อยตนก็ได้ทีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
เนื่องจากอีกฝ่ายมีแวมไพร์หนึ่งร้อยตัวมาสมทบ ในไม่ช้าตระกูลคาร์ลก็ได้ถูกเฉินหลงโค่นล้ม
นอกจากนี้ คาร์ลยังถูกจับแอนเดสจับตัวไป
“ไอ้หนุ่ม แกยังจำฉันได้ไหม?” แอนเดสเอ่ยถามคาร์ลที่คุกเข่าลงตรงหน้าด้วยยิ้มชั่วร้าย
“แก… นี่ แกยังไม่ได้ถูกฆ่าตายอีกเร๊อะ!? “ทันทีที่ได้สบตากับแอนเดส คาร์ลก็ตอบอีกฝ่ายด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“ขอโทษที่ต้องทำให้นายผิดหวัง ต้องบอกว่าคนที่สมควรตายไม่ใช่ฉันแต่เป็นแกต่างหาก!” แอนเดสว่า
“โอ้ แต่จะบอกอะไรให้นะ ฉันยังไม่ปล่อยให้นายตายตอนนี้หรอกนะ แต่ฉันจะทำให้นายอยู่ไม่สู้ตาย!”
เมื่อได้ยินคำพูดจากแอนเดส ใบหน้าของคาร์ลก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เห็นเฉินหลงและลูกน้องของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก เขาก็เข้าใจในทันทีว่าตัวเขาและตระกูลมาถึงจุดจบแล้ว
จากนั้น สกายและคนที่เหลืออยู่ก็จัดการเก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วรายงานผู้เฒ่าจอห์นให้เข้ายึดพื้นที่ทันที
แม้ว่าคฤหาสน์ตระกูลคาร์ลจะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรที่ตรงนี้ก็เป็นที่ดินส่วนบุคคล แต่การปรากฏตัวของแวมไพร์ระดับสูงหลายร้อยตน ทำให้ชายในชุดคลุมสีทองและชายในชุดคลุมสีแดงในโบสถ์รู้สึกตัว
พวกเขาคือรองผู้พิพากษาของศาล แกตติง และพระคาร์ดินัล บิเดล
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้มีกองทัพศาสตร์มืดมากมายปรากฏตัวที่เมืองใกล้ๆนิวยอร์กได้?” แกตติงขมวดคิ้วพลางมองไปทางเขตของตระกูลคาร์ล
“เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อสิ่งนี้ ลอร์ดแกตติง ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้เป็นฝ่ายโจมตีพวกเราก่อน ก็จงปล่อยพวกเขาไป” พระคาร์ดินัล บิเดลส่งยิ้มให้แกตติง
แกตติงทอดสายตามองไปทางของคฤหาสน์ ใบหน้าของเขาในตอนนี้ดูไม่ค่อยดีนัก
“บิชอปบิเดล ในฐานะสาวกโบสถ์แห่งแสง เราจำเป็นต้องยอมให้สัตย์ร้ายพวกนั้นกระทำชั่วในสายตาของเราหรือ?”
“ใต้เท้า ท่านน่าจะทราบดีว่าจุดประสงค์หลักของการมาที่นี่สำคัญกว่า ตามที่สมเด็จพระสันตะปาปากล่าวไว้ พวกเราจะทำพลาดไม่ได้” บิเดลกล่าวด้วยรอยยิ้ม แม้แกตติงจะไม่ได้นำคำพูดของอีกฝ่ายเข้ามาในสมองเลยก็ตาม
“ไม่ต้องห่วง บิชอปบิเดล ข้าจะไม่ทำพลาด ท่านน่าจะสัมผัสได้เช่นกันว่าพลังแห่งความมืดของอีกฝ่ายไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คิด ข้าจะนำผู้ตัดสินสามคนไปสังหารพวกมัน” แกตติงได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะกำจัดคนจากสภาแห่งศาตร์มืด
เมื่อเห็นว่า แกตติงได้ตัดสินใจแล้ว บิเดลจึงไม่ขัดอะไรอีก
จากนั้น แกตติงก็พาลูกน้องสามคนไปจัดการกับลิลิธ
ตอนนี้ ค้างคาวที่กินอาหารเลิศรสเสร็จแล้ว พร้อมที่จะบินกลับไป ในเมื่อตอนนี้พวกเขามีเงินห้าล้านติดตัวแล้ว จึงอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น
โชคไม่ดีที่ระหว่างทางกลับ พวกเขาได้พบกับแกตติงและลูกน้องอีกสาม
แวมไพร์หนึ่งร้ายตนมองเห็นคนจากโบสถ์แห้งแสง โดยไม่รอช้า พวกเขาท่องคาถาแห่งความมืด ลูกบอลพลังงานมืดขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าใส่คนของแกตติงทั้งสามคนทันที
แต่พลังของพวกเขานั้นอ่อนเกินไป เนื่องจากระดับพลังของแกติงคือหลอมรวมธรรมชาติ ส่วนระดับพลังของผู้ตัดสินทั้งสามคนคือปลดปล่อยลมปราณ!
การโจมตีของลูกบอลพลังงานมืดนี้กำลังจะถูกตัวชายที่มีระดับพลังหลอมรวมธรรมชาติ แต่ก็ช้าเกินไป
พวกเขาไม่ต่างจากคนที่มีพลังที่แข็งแกร่งแต่ช้าไปหนึ่งก้าว แม้พวกเขาจะมีพลังเท่ากัน แต่สุดท้าย ความเร็วที่แตกต่างกันทำให้เทียบกันแทบไม่ติด จึงรู้ผลแพ้ชนะได้อย่างชัดเจน
เมื่อทั้งสามคนนำหน้าไปแล้ว แกตติงจึงเริ่มเข่นฆ่าแวมไพร์ร้อยตัวทันที พลังของเขาแข็งแกร่งกว่าแวมไพร์ทุกตัว ด้วยพลังสายสว่าง ทำให้เขาสามารถฆ่าล้างแวมไพร์ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ในตอนที่ มาร์ควิสแวมไพร์สองตนที่คอยปกป้องลิลิธอย่างลับๆ เห็นรองผู้พิพากษาและผู้ตัดสินสามคนกำลังเข่นฆ่ากองทัพแวมไพร์ จึงเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง
แม้พวกเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรองผู้พิพากษา ยังดีที่พวกเขายังมีโอกาสลอบสังหารผู้ตัดสินโดยที่อีกฝ่ายยังไม่รู้ตัวได้
มาร์ควิสทั้งสองเห็นพ้องต้องกัน จึงลอบโจมตีผู้ตัดสินคนหนึ่งได้อย่างเงียบงัน
ฉึบ!
ฝ่ามือของมาร์ควิสทั้งสองแทงทะลุแผงอกของผู้ตัดสินจากทางด้านหลัง ฉีกถึ้งร่างศัตรูออกเป็นสองส่วน
ก่อนที่ชีวิตของผู้ตัดสินคนนี้จะดับสูญ เขาได้แรงเฮือกสุกท้ายโต้กลับและฝากฝังบาดแผลไว้บนใบหน้าของมาร์ควิสแวมไพร์
ในตอนที่แกตติงเห็นว่ามาร์ควิสแวมไพร์สองคนสังหารผู้ตัดสินไปหนึ่งคน ด้วยบันดาลโทสะ เขาจึงใช้ไม้กางเขนที่ทรงพลังใส่มาร์ควิสทั้งสองทันที
ทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่ในกำมือของแกตติงที่มีน้ำโห มาร์ควิสทั้งสองก็รีบวิ่งหนีทันที
สำหรับอัศวินประจำตระกูล แวมไพร์อย่างพวกเขามีบรรดาศักดิ์เป็นถึง ไวเคานต์ ที่ถูกมองว่าเป็นแค่แพะรับบาปให้คอยสังเวยชีวิตให้ผู้อื่นเท่านั้น
หลังจากที่แวมไพร์ทั้งสองหนีไปไกลระดับนึงแล้ว พวกเขาก็สั่งให้แวมไพร์ที่เหลือหลบหนีเอาชีวิตรอด
ทันทีที่ได้รับคำสั่ง แวมไพร์ที่เหลือก็รับกระจัดกระจายและวิ่งหนีเอาชีวิตรอดทันที
แกตติงและผู้ตันสินอีกสองคนที่กำลังไล่ฆ่าแวมไพร์อยู่ ถึงกับหยุดชะงักด้วยความเกลียดชัง
“น่ารังเกียจ เจ้าพวกมาควิสแวมไพร์ที่น่ารังเกียจทั้งสองตน ข้าจะจดจำเจ้า หากวันใด ข้าได้พบเจอกับเจ้าอีก ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” แกตติงทอดสายตามองไปทางที่แวมไพร์ทั้งสองตนหนีไปพร้อมกับก่นด่าด้วยน้ำเสียงอาฆาต
จากนั้นแกตติงก็พาคนของเขาทั้งสองคนกลับไป ครั้งนี้ เขาอาจจะต้องเสียเงินไปบ้าง ถึงเขาจะสังการแวมไพร์ไปหลายสิบตัว แต่เขาก็ต้องแลกมากับชีวิตของผู้ตัดสินหนึ่งคน เรื่องนี้ทำให้แกตติงรู้สึกเจ็บใจเหลือเกิน
ใบหน้าของมาร์ควิสแวมไพร์มีรอยแผล แต่ในตอนนี้บาดแผลนั้นเริ่มหายดีแล้ว
มาร์ควิสที่มีรอยแผลบนใบหน้าเอ่ยขึ้นมาว่า “ข้าสงสัย เหตุใดรองผู้พิพากษาศาลถึงมาที่นี่? ไม่ใช่ว่าพวกเขาต้องอยู่ที่โบสถืแห่งแสงหรือ? หรือโบสถ์แห่งแสงมีรองผู้พิพากษามากกว่าหนึ่งคน? แสดงว่าพวกนั้นจะต้องวางแผนอะไรอยู่แน่ เจ้าอย่าลืมบอกเรื่องนี้กับลิลิธ ห้ามเธอได้รับบาดเจ็บไม่ได้เป็นอันขาด!”
ในขณะที่มาร์ควิสแวมไพร์อีกตนกล่าวอย่างคนขาดสติว่า “ตาย… มันต้องตาย… ไอ้พวกโบสถืแห่งแสงชั้นต่ำจงตายให้หมด!”
*ปืนแก็ตลิง