TB:บทที่ 211 หลินหนี่
“หวงถังที่อยู่ในเซียงเจียง เป็นคนส่งพวกเรามาหักแขนหักขานาย” ชาวเอเชียตอบเสียงเรียบ
ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการให้เขาพูดมันออกมา เป็นไปไม่ได้ที่ปรมาจารย์อย่างเฉินหลงจะไม่สนใจที่เขาพูด แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึง ว่าพลังของเฉินหลงแข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว แต่เขากลับไม่ได้วางท่าว่าตัวเองเป็นปรมาจารย์ เพราะในความคิดของเฉินหลง ความแข็งแกร่งต่างหากเป็นพื้นฐานของทุกสรรพสิ่ง ส่วนการวางตัวนั้นไม่จำเป็นเลยสักนิด
“หวงถังน่ะเหรอ?” เมื่อได้ยินชื่อหวงถัง เฉินหลงก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “อ้อ! ที่แท้ก็เป็นหมอนี่นี่เอง ไม่คิดเลยว่าเขาจะใจดีส่งของขวัญชิ้นโตมาให้ถึงที่ เห็นที เราคงต้องส่งของขวัญเล็กๆน้อยๆกลับไปให้เขาเป็นการขอบคุณซะแล้วสิ!”
บอกตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะหนุ่มเอเชียคนนี้พูดชื่อหวงถังออกมา เฉินหลงคงลืมหวงถังไปแล้ว ก็แค่บทบาทเล็กๆของปรมาจารย์ระดับสูง เฉินหลงไม่เก็บคนอย่างเขามาใส่ใจหรอก
“ในเมื่อตอนนี้ นายก็รู้แล้วว่าเขาคือใคร นายช่วยปล่อยเราไปได้ไหม?” หนุ่มเอเชียถามขึ้นอีกครั้ง
เฉินหลงตอบเขาด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องห่วง ผมปล่อยแน่ แต่ผมขอถามอะไรคุณสักอย่างสิ คุณคิดว่าผมจะยอมปล่อยคุณไปทั้งๆที่ผมยังไม่รู้จักชื่อกับแก๊งของคุณจริงๆเหรอครับ?”
“พวกเราคือ ‘แก๊งห้าสี’! ฉันชื่อดาบาร์ ชายผิวดำคนนั้นชื่อบอลด์วิน ชายตัวใหญ่ชื่อบอร์แมน ชายฮอว์คที่เป็นสุภาพบุรุษคนนั้นชื่อเบอร์ตัน และสาวสวยคนนั้นชื่อเจสสิก้า ในแก๊งของพวกเรามีกันทั้งหมดห้าคน” ดาบาร์กล่าว
ตอนนี้คนทั้งห้าไม่สามารถขยับได้ ทำได้แค่อยู่นิ่งๆเหมือนเงือกน้อยคอยรัก เว้นแต่ดาบาร์ที่ขยับตัวได้เยอะที่สุด ในตอนนี้เขากำลังคิดหาวิธีเอาตัวรอด
เฉินหลงเห็นว่าดาบาร์พูดความจริง จึงพยักหน้ารับด้วยความพอใจ
“ในเมื่อรู้แล้ว นายก็ปล่อยเราไปสักทีสิ!”
“รอก่อนสิ ผมยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีก” เฉินหลงที่กำลังจะให้พวกพ้องของดาบาร์กินผลซื่อสัตย์ จู่ๆเขาก็สังเกตุเห็นชายคนหนึ่งกลางอากาศ “คุณดูมามากพอแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลาเผยตัวแล้วครับ”
จากนั้น เฉินหลงก็ได้เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย
“ฮ่า! ถูกจับได้ซะแล้วสิ” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านบน และร่างของเขาคนนั้นก็ค่อยๆลดระดับลง
เขาเป็นผู้ชายอายุราวๆยี่สิบหกยี่สิบเจ็ด ผมเพ้ายุ่งเหยิงและดวงตาที่ดูสับสนเล็กน้อย เหมือนว่าเขาเพิ่งจะตื่นนอนไม่นาน ชายคนนั้นกำลังจ้องมองเฉินหลงด้วยท่าทางดูถูก
“คุณคือใครครับ?” เฉินหลงรู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของชายตรงหน้าเขา อีกฝ่ายเพิ่งจะถึงระดับขอบเขตพลังลมปราณได้ไม่นาน
อายุยังน้อย แต่ความแข็งแกร่งได้มาถึงขอบเขตพลังลมปราณได้ เฉินหลงเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“สำนักต่อต้านสวรรค์ หลินนี่” ชายคนดังกล่าวไม่ได้ปกปิดตัวตนของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“วิถีปีศาจ ต่อต้านสวรรค์ ตอนแรกผมคิดว่าปีศาจอย่างคุณจะไม่มาหาผม ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิดสินะ” เฉินหลงกล่าว
“ไม่นานมานี้ ฉันเพิ่งจะผ่านขอบเขตพลังลมปราณ ฉันก็เลยไม่มีเวลามาหานายยังไงล่ะ แล้วฉันก็ได้ยินเรื่องที่หลินหยู่กับหลินซาแพ้นายด้วย ถ้าในตอนนั้นหลินหยู่มาไม่ทันเวลา หลินซาก็คงถูกนายฆ่าตายไปแล้ว นาย…แข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ?” เขามองลึกเขาไปในดวงตาของเฉินหลง ร่องรอยของจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็ได้ปรากฏให้เห็น
ความแข็งแกร่งของหลินหยู่กับหลินซานั้นติดหนึ่งในห้าอันดับแรกในบรรดารุ่นเยาว์ของแปดสำนักแห่งลัทธิเต๋าที่ชั่วร้าย หลินหนี่สนใจความแข็งแกร่งนี้เป็นอย่างมาก เพราะสุดท้ายแล้วศัตรูที่แข็งแกร่งไม่ได้พบเจอกันได้ง่ายๆ
“จะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ไม่ใช่ประเด็น ยังไงอีกฝ่ายก็คือศัตรู!” เฉินหลงส่งยิ้มให้อีกฝ่าย
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แสดงให้ฉันเห็นสิว่านายนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนกัน!” พูดจบ หลินหนี่เอื้อมมือไปข้างหลัง หอกสีเงินได้ปรากฏในมือของเขา “ชื่อของมันคือ หอกไร้บาดแผล รับไปซะ”
หลินหนี่ย่ำเท้าเป็นจังหวะบนพื้นซ่อนเร้นและโจมตีเฉินหลง
เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัวเฉินหลง หัวหอกของหลินหนี่ได้สั่นสะเสือน ทันใดนั้นก็ดวงดาวเย็นก็กระจายออกมาและพุ่งไปที่ร่างของเฉินหลง
ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!
ในตอนที่ดาวเย็นพุ่งมาทางร่างของเฉินหลง ทันใดนั้นเขาก็ใช้ลมปราณของระฆังทองมาคุ้มกันร่างทันที แรงที่ถูกส่งมาจากหอกของอีกฝ่ายได้กระแทกเข้ากับระฆังของเฉินหลง และได้สะท้อนกลับไปยังร่างของหลินหนี่
หลินหนี่โยนหอกด้วยมือข้างเดียว และพลังป้องกันการกระแทกถูกสกัดด้วยพลังของหลินหนี่ ทำให้ชายหาดปรากฏรูเล็กๆเหมือนกับระเบิด
“ว้าว! พลังของนายสุดยอดไปเลย! นายเป็นคนแรกเลยที่กล้าต่อต้านฉันด้วยร่างกายของนาย” หลินหนี่มองไปที่เฉินด้วยความชื่นชม
“หึ นายก็เป็นคนแรกเลยที่สามารถต้านทานแรงกระแทกของระฆังทองได้” เฉินหลงเองก็จ้องมองหลินหนี่ คนที่มีความแข็งแกร่งเหนือความคาดหมายของเฉินหลงเช่นกัน
เดิมที เขาคิดว่าคนที่จากแปดสำนักแห่งวิถีปีศาจไม่มีทางทำอะไรเขาได้ แต่วันนี้ หลินหนี่ทำให้เฉินหลงตาสว่าง เพราะยังมีคนในรุ่นเยาว์ที่สูสีกับเขาอยู่
ในเวลาเดียวกัน เฉินหลงกำลังคิดเช่นว่าอีกฝ่ายจะต้องมีวิชากังฟูที่ดีมาก ไม่อย่างนั้น ถ้าเขาถูกระฆังทองจัดการได้ มันจะดูน่าสังเวชเกินไปหน่อย
สำหรับโฮ่วเสิ่นจื่อ ดูจะน่ากลัวเกินไปหน่อย ถ้าเขาหยิบมันขึ้นมาใช้ มันสามารถพรากชีวิตมนุษย์ได้ เขาควรจะใช้ในตอนยามคับขันสุดๆแล้วจริงๆ ส่วนในตอนนี้เขาจำเป็นต้องเลี่ยงวิธีนี้ไปก่อน เพราะที่ตรงนี้ยังมีคนอื่นอยู่นอกจากเขาด้วย
“มาต่อกันเถอะ” ความแข็งแกร่งของเฉินหลงทำให้จิตวิญญาณแห่งต่อสู้ของหลินหนี่ลุกโชน
“เข้ามาเลย!”
ว่าแล้ว เฉินหลงสามารถใช้การกดจุดชีพจรตัดโลหิตโจมตีหลินหนี่เท่านั้น
เพราะสุดท้าย เราไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายยอมตลอด ในเมื่ออีกฝ่ายสู้มา เขาก็ต้องสู้กลับให้ถึงที่สุด!
อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ กดจุดชีพจรตัดโลหิตของเฉินหลง บวกกับลมปราณของระฆังทองสิบเอ็ดชั้นนั้นทำให้ทรงพลังมากยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นการโจมตีของลมปราณและพลัง หลินหนี่ได้ก้าวเท้าออกมาจากพื้นซ่อนเร้นด้วยขาทั้งสองข้าง เขาหมุนตัวหลีกเลี่ยงการพุ่งตรงไปข้างหน้า
แต่เพราะลมปราณในการกดจุดชีพจรตัดโลหิตของเฉินหลงได้รับการพัฒนา แค่เขาคิดมันในสมอง พลังลมปราณก็ได้เปลี่ยนทิศทางและโจมตีเข้าใส่หลินหนี่อีกครั้ง
หลินหนี่เปลี่ยนการเคลื่อนไหวเพื่อหลบหลีกการโจมตีอีกครั้ง
พลังลมปราณก็ได้เปลี่ยนทิศทางในการเคลื่อนที่เข้าไปโจมตีหลินหนี่อีกครั้ง!
ในตอนนี้ พลังของเฉินหลงก็ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นว่าเลี่ยงไม่ได้ หลินหนี่จึงยืนอยู่กับที่ ใช้หอกยาวต้านพลังลมปราณพวกนั้นเอาไว้
“วายุ!”
หอกของหลินหนี่พุ่งไปที่คนที่กำลังโจมตีเขาอยู่ดั่งพายุฝน
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
เมื่อปลายแหลมของหอกส่งพลังไปปะทะกันกลางอากาศ พลังได้ทะลวงผ่านอากาศเหมือนลูกโป่งที่ถูกหอกแทกทะลุ และแรงสั่นทำให้ร่างของหลินหนี่สั่นสะเทือน
ปลายแหลมของหอกและแรงลมในอากาศปะทะกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ร่างของหลินหนี่ถูกโยกย้ายราวกับใบหญ้าที่กำลังล่องลอยอยู่ในสายลม แม้แต่เท้าที่มั่นคงราวกับหินผาของเขา ยังไม่สามารถควบคุมได้เลย
หลินหนี่เป็นถึงรุ่นเยาว์ที่เก่งที่สุดในแปดสำนักแห่งปีศาจ เขามีความภาคภูมิใจเต็มเปี่ยม เขาไม่มีทางยอมให้ตัวเองได้รับความล้มเหลว แม้ว่าจะถูกโต้กลับก็ตาม
ในฉากการต่อสู้ ฝ่ายหนึ่งยังคงออกแรงโจมตี ส่วนอีกฝ่ายยังคงทำลายพลังที่พุ่งเข้ามา
เฉินหลงเริ่มรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขาเริ่มเหลือน้อยลงเต็มที
ในตอนนี้ ขาของหลินหนี่ได้ร่อนลงมาอยู่ที่พื้นทราย ส่วนมือกับปากของเขาแตก ดูเหมือนว่าเขาเกือบจะถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว แต่ในดวงตาของเขายังคงอัดแน่ไปด้วยความพยายามอย่างบ้าคลั่ง ความพากเพียร นี้ตราบใดที่เขายังสามารถยืนหยัดที่จะสู้อยู่ได้ เขาก็จะสู้จนถึงที่สุด!
“ไอ้บ้าเอ้ย!” เฉินหลงที่หมดความอดทน ได้ใช้วิชาลับเข้าสู้
จากนั้น เฉินหลงไม่ได้ปล่อยพลังในอากาศอีกต่อไป เขาเลือกที่จะพุ่งเข้าใส่หลินหนี่แทน
หลินหนี่กระโดดขึ้นจากทราย และใช้หอกพุ่งใส่หมัดของเฉินหลงเช่นกัน
“เพชรมังกรเงิน!”
ในตอนที่หอกของหลินหนี่ปะทะกับหมัดระฆังทองของเฉินหลง ส่วนหัวและด้ามหอกก็เริ่มหมุน