TB:บทที่ 156 หลินหยู่
หลังเฉินหลงอยู่บ้านอีกวันหนึ่งแล้วเขาก็กลับไปเมืองหลวง
นั่นเป็นเพราะว่าพวกวิถีมารกำลังเข้ามาหาเรื่องเขา ดังนั้นเพื่อที่จะไม่ทำให้ครอบครัวและแฟนสาวเขาต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เฉินหลงจึงทำได้เพียงแยกกับพวกเขาชั่วคราวและเปลี่ยนเป้าหมายของพวกนั้นมาทางเขาคนเดียว
อีกอย่างครอบครัวเขามีเสี่ยวเฮย กู่เฟ่ย และ ลั่วเสวี่ย คอยปกป้องอยู่แล้วจึงไม่น่ามีปัญหาใด
ด้วยกำลังของเสี่ยวเฮยตอนนี้ หากมีเสี่ยวเฮยปกป้องแล้วก็มีคนไม่มากหรอกที่จะมาทำร้ายครอบครัวเขาได้
เมื่อกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว เจิ้งอี้บอกเฉินหลงว่าเขามีข่าวดี ระบบฉายภาพเสมือนกำลังจะถึงขั้นตอนสุดท้ายและสร้างได้สำเร็จ โดยจะเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาอย่างมากก็หนึ่งสัปดาห์จากนั้นจะต้องทดสอบอีกหลายครั้งจึงจะออกมาขายได้
เรื่องเช่นนี้เฉินหลงยกให้เจิ้งอี้จัดการแทบทั้งหมด ในตอนนี้เฉินหลงยุ่งอยู่กับการจัดการการท้าทายของพวกปีศาจจนไม่มีเวลามาทำเรื่องเกี่ยวกับบริษัท
เรื่องของบริษัทจึงเป็นเรื่องของเจิ้งอี้ในขณะที่เฉินหลงนั่งสบายๆอยู่วิลล่าและรอให้พวกปิศาจมาหาที่บ้านเอง
แน่นอนว่าเฉินหลงไม่ได้รอให้อะไรๆเกิดขึ้นเองเฉยๆ วันก่อนเขาได้ซื้อ ไข่ของ“สัตว์เขี้ยว”มาอีกสองฟองจากร้านของโอเรีย “สัตว์เขี้ยว”นี้เป็นเดรัจฉานระดับต่ำที่อาศัยบนโลกอันป่าเถื่อน พวกมันมีจำนวนมากเหลือเกิน ดังนั้นไข่ของพวกมันในร้านของโอเรียจึงมีอยู่หลายพันฟอง ไม่รู้ว่าโอเรียมีมากขนาดนั้นไว้เพื่อกินหรือทำไม
ถึงจะมีสูตรกระบวนท่าทั้งหมื่นที่ใช้ควบคุมเหล่าอสูรได้ ทว่าก็มีความจำกัดในเรื่องของจำนวนสัตว์อสูรที่ควบคุมได้ในแต่ละระดับพลัง เพราะในท้ายที่สุดแล้วพลังจิตที่ใช้กับแต่ละระดับนั้นมีจำกัด หากพลังจิตไม่สามารถทานทนได้เมื่อพ้นขีดจำกัดไปแล้วนั้น ผลสุดท้ายคือสมองที่จะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ พลังระดับกำเนิดสามารถควบคุมเดรัจฉานระดับต่ำได้มากที่สุดสิบตัว ระดับกลางสองตัว เหมือนแบบกรณีเสี่ยวเฮยที่เฉินหลงเริ่มกระตุ้นให้ทำงานและใช้พลังจิตเพื่อพัฒนาสู่ระดับเดรัจฉานที่มีพลังค่อนสูง แต่อย่างไรก็คล้ายกับว่าควบคุมเดรัจฉานระดับต่ำหนึ่งตัวอยู่เท่านั้น นั่นเป็นเพราะว่าการเติบโตของเสี่ยวเฮยทั้งหมดนั้นใช้พลังวิญญาณของเฉินหลง ดังนั้นแล้วเมื่อพัฒนาพลังของเสี่ยวเฮยให้แข็งแกร่งขึ้นแล้วจะไม่เพิ่มภาระใดให้กับจิตวิญญาณของเฉินหลง
กรณีนี้คล้ายกับการที่แม้มีสิ่งแวดล้อมระดับกำเนิดจะควบคุมอสูรระดับต่ำที่มีความป่าเถื่อนได้สิบตัวและควบคุมขนาดกลางได้สองตัวนั้น ยิ่งควบคุมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเพิ่มภาระที่หนักหน่วงให้กับพลังของจิตมากเท่านั้น ขนาดที่เหมาะสมที่สุดคือควบคุมอสูรป่าเถื่อนระดับต่ำห้าตัว
ในตอนนี้เฉินหลงควบคุมอสูรระดับต่ำสามตัวจึงมีที่เหลืออีกสองที่เพื่อตามหาอสูรที่เหมาะสมจะควบคุมต่อไป
สิบวันต่อมาในที่สุดไข่ทั้งสองของ “สัตว์เขี้ยว” ก็ฟักออกมา เฉินหลงได้ใช้ “หินแห่งแสง” ให้พวกมันอีกด้วย ในครั้งแรกการพัฒนาของพวกมันใช้เวลาห้านาที ทว่าพลังของพวกมันก็ไม่ได้มากมายเท่ากับเสี่ยวเฮยและเป็นได้แค่ระดับปรมาจารย์ขั้นสูงเท่านั้น
เฉินหลงคิดถึงเหตุผลว่าทำไมจึงใช้เวลารวดเร็วมากในครั้งนี้ ความจริงแล้วผลของ “หินแห่งแสง” สามารถใช้พัฒนาได้หนึ่งหรือมากกว่าครั้งเดียว เรื่องนี้ดูท่าแล้วคงต้องกระตุ้นเสี่ยวเฮยด้วยวิธีนี้หลายๆครั้งเพื่อให้พลังของเสี่ยวเฮยก้าวไปถึงระดับครึ่งเทพครึ่งมนุษย์
อย่างไรเสียแม้จะเพราะสิ่งแวดล้อมที่ปกติอยู่แต่เพื่อใช้ป้องกันบ้านแล้วก็มากเกินพอ
หลังจากนั้นไข่ของ “สุนัข” อสูรทั้งสองก็มีชื่อว่า เสี่ยวเฮยหมายเลขสองและเสี่ยวเฮยหายเลขสาม ซึ่งน่าจะมาจากสีของขนที่ดำ ใจจริงแล้วเฉินขี้เกียจเกินกว่าจะคิดชื่อใหม่
สิบกว่าวันหลังจากนั้นเฉินหลงกลับไปเมืองหลวง ในที่สุดเส้นทางปิศาจได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง
เซียงเจียง ที่ศูนย์ใหญ่ของร้านเครื่องเพชรโจว
“สมบูรณ์แบบ” เขามองสร้อยและแหวนที่ทำออกมาเรียบร้อย จางกวงหนานกล่าวกับตัวเอง
แม้เขาจะรู้ว่าของทั้งสองสิ่งไม่ใช้ของของเขา แต่จางกวงหนานมีความโลภต่อของพวกนี้อยู่ในใจลึกๆ
แหวนเพชรสีชมพูล้อมรอบด้วยเพชรขนาดเล็ก ผีเสื้อที่ทำจากเพชรเม็ดจิ๋ววางอยู่ที่มุมข้างหนึ่งด้วยท่าทางคล้ายกำลังเก็บเกสรดอกไม้อยู่
จี้เพชรที่ฝังในสร้อยเพชรถูกเจียระไนเป็นรูปหัวใจ ข้างๆของจี้เพชรนี้มีเพชรที่ทำให้เป็นรูปแพร์ที่มีความแวววาวฝังอยู่
เพื่อที่จะรักษาความงามของสร้อยนี้ไว้ เครื่องเพชรของโจวได้ตกลงแลกเปลี่ยนเพชรชิ้นใหญ่สี่ก้อนและเพชรเม็ดเล็กที่มีราคาเท่ากันมาจากเฉินหลง
“สวยงามมากๆ ช่างน่าเสียดายที่เครื่องเพชรสองชิ้นนี้ไม่ได้เป็นของฉัน” ในตอนนั้นเอง เสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกิเลสดังขึ้นจากเบื้องหลังจางกวงหนาน
“ครับใช่ เอ่อ นั่นใคร” จางกวงหนานได้ยินเสียงดังจากข้างหลังตอนแรกเขาเห็นด้วยแต่แล้วเขาก็นึกได้ในทันทีได้ว่าเขาอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง ตัวคนเดียว แล้วเสียงจากข้างหลังมาจากไหนกัน
เมื่อเขาหันหน้ากลับมาด้วยความหวาดกลัว เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสีขาว ที่แม้ไม่ได้แต่งตัวมากแต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเธอสวยงามเหลือเกิน
หญิงสาวคนนั้นมองจางกวงหนานที่หันมา ใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอช่างมีเสน่ห์ไปทุกจุด ดวงตาเธอเป็นประกาย
เขาเห็นรอยยิ้มของหญิงสาวคนนั้นแล้ว จางกวงหนานนิ่งอึ้งไป เขาไม่เคยเห็นใครที่มียิ้มสวยขนาดนี้มาก่อน แต่หลังจากจางกวงหนานเห็นประกายในตาหญิงสาวเขาก็วูบไป
แล้วหญิงสาวก็หยิบกล่องที่ใส่แหวนและสร้อยคอ ร่างของเธอวาบราวกับเป็นวิญญาณและหายไปจากห้องทำงานของจางกวงหนาน
เมื่อหญิงสาวจากไปแล้ว จางกวงหนานกลับคืนสติมา แล้วเขาโทรหาเฉินหลงและบอกเขาว่าเครื่องเพชรส่งไปให้ และคนที่นำไปส่งชื่อว่า หลินหยู่
หลังจากที่จางกวงหนานโทรไปแล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก ในใจเขาหลินหยู่เป็นคนที่เขาสนิทที่สุด และการที่เธอทำเช่นนี้ก็เหมาะแล้ว ถึงแม้เขาจะจำหน้าตาเธอไม่ได้เพราะเขาไม่รู้ว่าเป็นแบบไหน แต่อย่างไรก็ตามเขารู้สึกวางใจ
“หลินหยู่ ชื่อช่างดีเสียจริง แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอสวยไหมนี่สิ” เมื่อเขาวางสายเฉินหลงรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับการส่งมอบของจากหลินหยู่เป็นอย่างมาก
อย่างไรเสีย หากเขารู้ก่อนว่าจางกวงหนานขอให้เธอส่งของมาอย่างไร เขาคงไม่สนใจแล้วว่าหลินหยู่สวยหรือไม่ แต่จะคิดว่าเธอแข็งแกร่งแค่ไหนมากกว่า
สามชั่วโมงครึ่งต่อมา หลินหยู่ปรากฏตัวมาที่สนามบินปักกิ่ง
ด้วยชุดสีขาวที่เธอใส่ ใบหน้าที่งดงาม เธอกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนทันที
พวกผู้ชายอวดเบ่งบางคนพร้อมจะปรี่เข้ามาคุยกับเธอแต่เมื่อพวกเขาเข้ามาแล้วก็ต้องถอยกลับไปทีละคน คล้ายกับโดนสั่งด้วยอะไรสักอย่าง
จากนั้นหลินหยู่ก็ออกไปจากสนามบินโดยนั่งรถเบนท์ลีย์คอนติเนนทัลที่จอดรอมาเป็นเวลานาน
หลังจากที่คนหลายคนที่นั่นเห็นว่าหลินหยู่ขึ้นรถเบนท์ลีย์ยุโรปไป พวกเขารู้สึกเสียดายทันทีเพราะคนสวยๆอีกคนไปอยู่กับพวกคนรวยนั่นอีกแล้ว
ตอนที่หลินหยู่ขึ้นรถไปแล้ว รถได้ตรงไปที่วิลล่าของเฉินหลงทันที
ไป๋ชิงเหวินเจอกับเฉินหลงไปแล้ว แต่เฉินหลงยังมีชีวิตอยู่ปกติดี ราวกับว่าเฉินหลงเป็นอะไรที่พิเศษจริงๆ แล้วเฉินหลงยังอยู่ดีได้อย่างไรกันนี่
ยี่สิบนาทีต่อมา รถคันนั้นมาถึง
หลินหยู่ก้าวลงมาจากรถพร้อมกับกล่องเครื่องประดับในมือ เธอเดินไปที่ประตูหน้าและกดกริ่ง
เฉินหลงเดินออกมาจากวิลล่าพร้อมด้วย “สุนัข” สองตัว ที่เมื่อเห็นหลินหยู่ในชุดขาวยืนอยู่นอกประตู
เมื่อสุนัขทั้งคู่เห็นหลินหยู่ พวกมันขู่คำรามในทันที พวกมันรู้สึกว่ามนุษย์ตรงหน้าไม่ปกติ เฉินหลงและพวกมันมีวิญญาณที่ผูกติดกันอยู่ พวกเขาจึงรู้สึกได้ทันทีถึงพลังที่ซ่อนอยู่ในตาของหลินหยู่
“วิถีปีศาจ”
เฉินหลงนึกได้อย่างฉับพลัน
จากนั้นด้วยการใช้เครื่องทดสอบ เขาแน่ใจพอตัวว่าผู้หญิงที่ยืนตรงหน้านี้ต้องไม่มีข้อมูลใดแสดงให้เห็นแน่