TB:บทที่ 148 ผู้ก่อตั้ง
ในที่สุด ตอนนี้ฮัวหมิงเหรินได้จดจำเคล็ดลับฝังเข็มฟื้นคืนชีพได้แล้ว
หลังจากที่ทำการจดจำเคล็ดลับฝังเข็มฟื้นคืนชีพได้ทั้งหมด ฮัวหมิงเหรินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ การศึกษาและท่องจำเคล็ดลับนี้ทำให้เขาถึงกับเหงื่อไหลท่วมหน้าผาก เพราะมันเหนื่อยมากกว่าตอนที่เขาศึกษาตำราการฝังเข็มเล่มอื่นเสียอีก
“ถ้าคุณกลับไปแล้ว ก็อย่าลืมศึกษามันเยอะๆนะครับ” เมื่อเห็นฮัวหมิงเหรินจดจำเคล็ดลับได้แล้ว เฉินหลงเองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเช่นกัน เพราะถ้าอีกฝ่ายจำไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ มีหวังเขาต้องอัดคลิปเสียงให้อีกฝ่ายเอากลับบ้านไปนั่งฟังนั่งท่องจนกว่าเขาจะจำได้แหงๆ
ฮัวหมิงเหรินรีบพยักหน้าตอบว่า “เข้าใจแล้วครับ ผมจะฝึกมันแยอะๆ ผมจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังเป็นอันขาด”
“ดีมาก ถ้าอย่างนั้น พวกเรากลับกันเถอะครับ” เฉินหลงกล่าว
พิธีเคารพครูก็เสร็จแล้วและอาจารย์ได้รับการเคารพแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลากลับบ้านแล้ว เป็นเพราะเฉินหลงไม่ได้อยากนั่งเฝ้าชายชราอยู่อย่างนี้สักหน่อย ระดับเขาถ้าเป็นสาวสวยล่ะก็พอว่าไปอย่าง
“ได้เลยครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะไปส่งคุณที่บ้านนะครับ”
ตอนที่พวกเขามาที่นี่ ฮัวหมิงเหรินเป็นคนขับรถพาเฉินหลงมา และตอนนี้ก็ได้เวลาพาเฉินหลงกลับ
จากนั้น เฉินหลงกับฮัวหมิงเหรินก็เดินออกไปจากห้องพร้อมกัน
“พวกเขาออกไปแล้ว ฉันจะตามพวกเขาไป” เหลยเฟิงซิงเอ่ยขึ้น ขอรอเวลาสักครู่ จากนั้นก็ออกจากห้องและเดินตามทั้งสองคนไป
เหลยเฟิงซิงเป็นถึงจอมยุทธ์ ประสาทหูและประสาทตาของเขานั้นดีกว่าคนธรรมดาทั่วไป ในตอนที่เขากำลังพูดอยู่ แม้ว่าเขาจะพูด แต่เพราะเสียงเปิดปิดประตูของเฉินหลง ทำให้เขายืนยันได้ว่าพวกเขาทั้งสองคนได้ออกไปจากห้องแล้ว
ในตอนที่เหลยเฟิงซิงเดินออกไปจากห้องแล้ว ลู่เฟิงก็ได้พูดคุยกับเตหลี “คุณเตหลี พวกเราเองก็ตามเข้าไปกันเถอะ ผมอยากเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องของผมจะสั่งสอนเขายังไง”
เตหลีทำเพียงแค่พยักหน้าตอบ
กับคนอย่างเฉินหลง ในใจของเตหลีไม่ได้รู้สึกดีกับอีกฝ่ายเลยสักนิด แน่นอนว่าเรื่องนี้เธอจะไม่พลาด
ในไม่ช้า ภายในห้องของฟางเต๋าหลินก็ไม่มีใครเหลืออยู่ในนั้นแม้แต่คนเดียว เพราะตอนนี้ทุกคนต่างเดินตามเหลยเฟิงซิงไปยังลานจอดรถ
ฟางเต๋าหลินกับฮัวเทียนเดินตามมาเป็นกลุ่มสุดท้าย
คนสองคนรวมถึงเฉินหลงเดินมาที่ลานจอดรถ โดยมีเหลยเฟิงซิงเดินตามมาติดๆ
ในตอนนี้ เหลยเฟิงซิงรีบเร่งฝีเท้าของตัวเอง เดินนำเฉินหลงไป เขาเดินไปขวางทางเฉินหลง จากนั้นก็จ้องหน้าเฉินหลงด้วยสายตาเยือกเย็น
“ไม่ทราบว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ครับ?” เห็นเหลยเฟิงซิงเดินมาขวางเฉินหลง ทันใดนั้นฮัวหมิงเหรินได้ขมวดคิ้วขึ้นและเอ่ยปากถาม
ฮัวหมิงเหรินสัมผัสได้ว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นกับเขาแน่นอน ในตอนที่เขาเห็นเหลยเฟิงซิงเดินมาขวางทางเฉินหลง เขาจึงรีบเอ่ยปากถามอีกฝ่ายทันที
“ตาแก่ ไม่ใช่เรื่องของแก ถอยออกไปก่อนที่จะถูกลูกหลง” เหลยเฟิงซิงอวดเก่งไม่น้อย
เมื่อได้ยินคำพูดคำจาของเหลยเฟิงซิงแล้ว ฮัวหมิงเหรินกลับไม่ได้รู้สึกโกรธเลยสักนิด เขาเป็นถึงหมอเทวดาแห่งสวรรค์ ถึงจะเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสหรือนักธุรกิจที่ร่ำรวย ที่ไม่ได้เรียกเขาว่า ‘หมอเทวดา’ ตั้งแต่แรกเห็น เขาก็ไม่ได้ถือสาอะไร แต่กับไอ้เด็กนี่มันเป็นใครกัน ถึงกล้าเรียกเขาว่าตาแก่ ดี อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกเป็นใคร ฉันจะฟ้องแกให้ได้เลย เหอะ ไอ้เด็กบ้า คำว่า มารยาท น่ะรู้จักไหม
การที่เหลยเฟิงซงเยาะเย้ยฮัวหมิงเหรินแบบนี้ไม่ได้ทำให้เขาดูน่าชื่นชมเลยสักนิด กลับกัน มันทำให้เขาต้องกลับบ้านไปพิจารณาตัวเองว่าทำอะไรลงไป เรียกได้ว่ากลับบ้านไปสำนึกผิดซะ ไอ้เด็กปากดี
“ศิษย์เอ๋ย ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ฉันรับมือได้ สบายมาก นายถอยไปเถอะ” เฉินหลงหันมาพูดกับเขา
เฉินหลงได้รับข้อมูลของเหลยเฟิงซิงมาจากเครื่องดักจับ เขาเป็นแค่ชายที่แข็งแกร่งพอที่จะท้าทายเขา ฉันไม่รู้หรอกว่าท้องฟ้ากับพื้นดินหนาเท่าไหร่ แต่ถ้านายอยากจะจัดการฉัน ก็ลงมือเลย จัดมาอย่าให้เสีย ยังไงซะฉันก็ไม่มีทางตายเพราะเงื้อมมือของเขาอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินเฉินหลงเรียกฮัวหมิงเหรินว่า ‘ศิษย์’ และฮัวหมิงเหรินก็ได้ทำหน้าที่ของ ‘ศิษย์’ เป็นอย่างดี เรื่องนี้ทำเอาเหลยเฟิงซิงอึ้งไปชั่วขณะ แต่เขาก็ยังตอบโต้เฉินหลงได้ในทันทีว่า “ฉันได้ยินมาว่านายพูดจาหยาบคายกับผู้หญิงสองคน นายรู้ไหมว่าทำแบบนั้นมันไม่สมกับที่เป็นผู้ชายเลยนะ ฉันคิดว่านายควรไปขอโทษพวกเธอซะ”
“โอ๊ะโอ๋ แล้วถ้าเกิดว่าฉันไม่อยากทำล่ะ?” เฉินหลงปั้นยิ้มบนใบหน้าจากนั้นก็หันไปมองเหลยเฟิงซิง
และใบหน้าของเหลยเฟิงซิงก็ผุดรอยยิ้มเช่นกัน แตกต่างกันที่ของเขาเป็นรอยยิ้มที่น่าสยดสยอง
“โทษที พอดีว่าฉันอยากให้นายขอโทษพวกเธอว่ะ”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ทันใดนั้นขาขวาของเหลยเฟิงซิงก็ไดยกขึ้นส่งลูกเตะโดยเล็งไปที่ศีรษะของเฉินหลง
เฉินหลงถอยกลับเล็กน้อยเพื่อหลบหลีกลูกเตะของเหลยเฟิงซิง แล้วหันไปบอกกับฮัวหมิงเหรินว่า “ศิษย์เอ๋ย จงจดจำและนำไปใช้ ถึงวันนี้ฉันจะไม่ค่อยได้ช่วยให้นายสำเร็จวิชาแพทย์ แต่ฉันจะแสดงให้นายเห็นว่าฉันจะจัดการคนอย่างเขาได้ยังไงแทนก็แล้วกัน”
พูดจบ ในมือของเฉินหลงก็มีเข็มเงินปรากฏอยู่
เมื่อได้ยินคำสั่งของเฉินหลง ทันใดนั้นฮัวหมิงเหรินก็จ้องเฉินหลงตาไม่กระพริบด้วยความตื่นเต้น
ในเวลาเดียวกัน ลู่เฟิงกับพรรคพวกก็ได้มาถึง
ฮัวเทียนเป็นเพียงคนเดียวที่ได้เห็นหน้าฮัวหมิงเหรินแล้วถึงกับต้องร้องอุทานว่า “คุณปู่?!”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮัวเทียนแล้ว ฟางเต๋าหลินก็ได้หันไปมองฮัวเทียนด้วยความตกใจ
ถ้าตาแก่นี่คือฮัวหมิงเหรินตัวจริง แสดงว่าเรื่องนี้ก็ยิ่งสนุกขึ้นไปอีกน่ะสิ
ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาเข้าไปในห้องเฉินหลง เขาเห็นว่าเฉินหลงกับฮัวหมิงเหรินสนิทกันพอตัว ด้วยเหตุนี้เขาเชื่อสนิทใจเลยว่าฮัวหมิงเหรินต้องอยู่ฝั่งเฉินหลงแน่นอน
เมื่อเห็นปู่ของตัวเองแล้ว ฮัวเทียนก็รีบเดินเข้าไปหาปู่ของตัวเองในทันที
“คุณปู่ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ?” ฮัวเทียนเดินเข้าไปถามฮัวหมิงเหริน
“อาจารย์ปู่ของนายกำลังสู้กับคนอื่นอยู่ยังไงล่ะ แล้วนายคิดว่าฉันมาทำอะไรที่นี่ในฐานะลูกศิษย์ล่ะ? อ้อ จริงสิ นายเดินมากับคนพวกนั้น แสดงว่านายเองก็ต้องรู้จักกับคนพวกนั้นสินะ?” ฮัวหมิงเหรินหันไปถามฮัวเทียน
เฉินหลงเป็นอาจารย์ของเขา ต่อหน้าเขา เขาก็ต้องเชื่อฟังอีกฝ่ายเท่านั้น แต่สำหรับหลานชายของเขาแล้ว เป็นฮัวหมิงเหรินต่างหากที่เป็นอาจารย์ตัวจริง!
“อาจารย์ปู่?” เมื่อได้ยินว่าเฉินหลงเป็นบรรพบุรุษของตัวเองจริงๆแล้ว ฮัวเทียนก็หันไปมองเฉินหลงด้วยควาสับสนและไม่เข้าใจ ในตอนี้ท่าทางที่สงบนิ่งของเขาก่อนหน้านี้ได้หายไปเรียบร้อยแล้ว
“นายลองตั้งใจดูดีๆสิ อาจารย์ของฉันจะโชว์การฝังเข็มที่สุดยอดให้เราได้ประจักษ์ นับว่าเป็นโชคของนายเลยนะ” ฮัวหมิงเหรินเองก็ได้จ้องมองเฉินหลงตาไม่กระพริบ เพราะกลัวว่าตัวเองจะพลาดฉากเด็ดไป
ในเวลานี้ เฉินหลงหลบหลีกการจู่โจมของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย ส่วนเหลยเฟิงซิงก็เริ่มเอาจริงมากขึ้น
แต่ไม่ว่ายังไง ท่าทางของเฉินหลงก็ยังคงดูผ่อนคลาย และไม่ได้ทำท่าป้องกันใดๆ
เมื่อเห็นว่าเฉินหลงไม่ได้ทำท่าป้องกันตัวเลยแม้แต่น้อย เหลยเฟิงซิงใช้ขาทั้งซ้ายและขวาเตะเข้าไปที่ช่วงเอวของเฉินหลง ขาของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรง ถ้าเขาถูกอีกฝ่ายเตะขึ้นมา มันคงไม่ดีแหงๆ
เมื่อเท้าขวาของเหลยเฟิงซิงพุ่งออกไปข้างหน้า เฉินหลงก็ถอยกลับมาหนึ่งก้าวแล้วหันกลับไปหาเขาอีกรอบ เข็มที่ถืออยู่ในมือได้ทิ่มเข้าไปที่จุดหวนเที่ยวที่ขาขวาของเหลยเฟิงซิง
เฉินหลงได้โอกาสใช้เข็มเงินฝังเข้าไปที่จุดหวนเที่ยวที่ขาขวาของเหลยเฟิงซิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังเป็นอัมพาตเพราะเข็มพิษ
ในตอนที่ส่งขาขวาออกไป เหลยเฟิงซิงพยายามควบคุมขาขวาของตนให้ก้าวต่อไปและทรงตัวอยู่ได้ ส่วนขาซ้ายของเขายังคงพุ่งตรงไปทางเฉินหลงอย่างต่อเนื่อง
เฉินหลงหมุนกลับแล้วหลบขาของอีกฝ่าย เข็มเงินในมือของเขาก็ได้จิ้มเข้าไปที่จุดหวนเที่ยวตรงขาซ้ายของเหลยเฟิงซิง ทำให้ขาซ้ายของเขาเป็นอัมพาตไปอีกข้าง
เมื่อถูกเข็มทิ่มขาซ้าย ใบหน้าของเหลยเฟิงซิงบิดเบี้ยวจนดูไม่ได้เพราะขาทั้งสองข้างของตัวเองได้เป็นอัมพาตไปโดยสมบูรณ์ เขาไม่สามารถขยับขาของตัวเองได้เลย
“สุดยอด วิธีฝังเข็มของอาจารย์นั้นยอดเยี่ยมมากจริงๆ” ถึงการฝังเข็มของฮัวหมิงเหรินนั้นไม่ได้ด้วยไปกว่าเฉินหลงแค่แค่หนึ่งหรือสองจุด แต่มันก็ค่อนข้างดีทีเดียว เขาเห็นว่าเฉินหลงเล็งตรงจุดที่ถูกต้องและใช้มือทิ่มเข้าไปที่จุดนั้นได้อย่างแม่นยำ สำหรับเขาแล้ว การที่จะทำแบบนั้นได้นั้นยากมาก
ในตอนนี้ ดวงตาของฮัวเทียนมีดาวดวงดวงเล็กๆเป็นประกายอยู่ข้างใน อาจารย์ปู่คนนี้เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก มือที่ใช้เข็มทิ่มเข้าไปตรงจุดทำให้เขาดูหล่อมากจริงๆ หากเขาได้รับคำแนะนำสักสองประโยคจากอีกฝ่ายคงเป็นเรื่องดีไม่น้อย
ในตอนนี้ การเคลื่อนไหวของเฉินหลง ทำให้ฮัวเทียนนับถือเฉินหลงในฐานะบรรพบุรุษของตัวเองไปเสียแล้ว
หลังจากควบคุมขาทั้งสองข้างของเหลยเฟิงซิงได้แล้ว เฉินหลงจึงเดินเข้าไปหาเขา
“ก่อนหน้านี้ นายได้เป็นคนบอกฉันเองหรอว่าจะทำให้ฉันไปขอโทษเพื่อนของนายให้ได้ เอาเลย เข้ามาจัดการฉันเลยสิ ฉันรออยู่ ฮ่าฮ่าฮ่า”