ตอนที่ 764 : เขตดาวโบไลด์ – แผนอันน่ากลัว
กูเฉิงจุนเห็นว่าอสูรสูบเลือดรีบพากันเข้าไปหลบฝนอยู่ในตึก ก็รู้ว่าพวกมันกลัวฝน แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าสิ่งที่หวังเย่าพูดถึงอสูรสูบเลือดก่อนหน้านี้จะเป็นความจริง
พวกเขาพากันมองหวังเย่าที่ยืนสะบัดนิ้วไปมาก่อนจะมีเส้นแสงลึกลับที่พวกเขาไม่เคยเห็นได้ปรากฏขึ้น สัญลักษณ์เหล่านี้ส่องแสงออกมาก่อนจะรวมตัวเข้ากับเมฆ
ตอนที่สัญลักษณ์เหล่านี้รวมตัวเข้ากับเมฆ เมฆก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไป ทุกคนก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเมฆเหล่านี้เหมือนจะอยู่ภายใต้การควบคุมของหวังเย่า และตอนนั้นเมฆทั้งหมดได้เคลื่อนที่มายังเรือของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“น้องเย่า นายคิดจะทำอะไร ? ” เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังงานรอบตัวที่เพิ่มมากขึ้น โม่ฟูก็สีหน้าเปลี่ยนไป
พลังสายฟ้าอันน่ากลัวนี้เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งพอตัว แต่ก็ยังต้องหวั่นใจกับสายฟ้าที่มารวมตัวกันรอบเรือแบบนี้
การใช้สายฟ้ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะในหมู่นักสู้ที่พวกเขารู้จัก ก็มีหลายคนที่ใช้พลังสายฟ้าได้
แต่สายฟ้าที่อยู่รอบตัวพวกเขาตอนนี้ต่างออกไป หวังเย่าได้ใช้พลังตามธรรมชาติของมันเอง
พลังของโลกกับพลังที่คนควบคุมมันจะเทียบกันได้ยังไง ?
เมื่อเห็นหวังเย่าใช้วิธีที่แปลกประหลาด ยู่เหมยก็รู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นดูลึกลับมากขึ้น ดูเหมือนว่าหวังเย่าจะมีความลับมากมายจนเธออดไม่ได้ที่จะสงสัย
หวังเย่าไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอะไรอยู่ เพราะตอนนี้เขาสนใจแค่การทำระเบิด เขาส่งระเบิดให้กับทุกคนแล้วพูดขึ้น “ทำเหมือนครั้งที่แล้ว โยนระเบิดลงไปในเมือง”
“รอฟังคำสั่งของฉัน แล้วลงมือพร้อมกัน” หวังเย่าพูดขึ้นมา
“1…” ทันทีที่เขาเริ่มนับทุกคนต่างก็พากันโยนระเบิดลงไป หวังเย่าชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะโยนระเบิดลงไปตามเช่นกัน
“ฉันบอกให้ลงมือพร้อมกันไม่ใช่รึไง ? ” หวังเย่ามองไปรอบ ๆ แล้วถามขึ้นมา
โม่ฟูลูบจมูกแล้วพูดขึ้นมา “ครั้งที่แล้วใครบอกให้นายนับเร็วล่ะ ครั้งนี้เราเลยประหม่าไปหน่อย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็ไม่ได้คิดอะไร ครั้งที่แล้วเขารีบจริง ๆ จนคนอื่นตั้งตัวไม่ทัน ทำให้ครั้งนี้พวกเขาประหม่าไป แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขาก้มลงไปมองระเบิดที่ไม่นานก็หายไปจากหมู่เมฆ เมื่อมองลอดผ่านก้อนเมฆไปก็พบกับเมืองซีบูที่อยู่ด้านล่าง
“ไม่รู้ว่านายพลเมจ มีเรื่องอะไรสำคัญถึงได้มาที่เมืองนี้รึ ” นายพลของเมืองซีบูถามกับนายพลคนอื่น ๆ
ในฐานะนายพลที่ดูแลเมืองแล้ว เมนแฮนด้าถือว่านี่เป็นอาณาเขตของตัวเอง แม้ว่านายพลอสูรสูบเลือดจะฉลาดไม่น้อยไปกว่ามนุษย์ แต่นิสัยนั้นก็ต่างจากพวกมนุษย์อย่างมาก
เพราะปกติ นายพลเหล่านี้ไม่คิดจะไปยังพื้นที่ของนายพลคนอื่น นอกซะจากว่าจะมีเรื่องสำคัญ ไม่งั้นแล้วในสายตาของนายพลเหล่านั้นจะเหมือนกับเป็นการหาเรื่องและสั่นคลอนตำแหน่งของพวกเขา
“นายพลเมนแฮนด้า ข้าไม่ได้คิดจะมาหาเรื่องเจ้า แต่ไม่นานมานี้มีกลุ่มนักสู้บุกเข้ามาในอาณาเขตของข้า ข้าได้รับคำสั่งจากแม่ทัพเพื่อมาหาร่องรอยที่อยู่ของมนุษย์เหล่านี้” นายพลเมจพูดขึ้นมา
“มนุษย์งั้นหรือ ? ” นายพลเมนแฮนด้าหรี่ตาลงก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา “เจ้าคิดว่าเรื่องตลกแบบนี้ข้าจะเชื่อรึไง ? ”
“มนุษย์พวกนี้มีความสามารถแค่พอตัว แต่กลับกล้าเข้ามาในอาณาเขตของเราเลยรึ ? ถึงพวกมันจะกล้า แต่ก็ไม่อาจจะเอาชนะเราได้ พวกมันคงถอยกลับเมืองไปแล้ว” เมนแฮนด้าพูดขึ้นมา
“อย่าดูถูกคนพวกนี้ไป อย่าลืมว่าตอนที่เรายึดพื้นที่ของมนุษย์มา ก็ต้องเสียคนไปจำนวนมากเช่นกัน” เมจพูดขึ้นมา
ตอนนั้นพวกเขาถึงกับเสียหัวหน้ากองไป
เมจไม่เห็นด้วยกับเมนแฮนด้าและพูดขึ้นต่อ “นี่คือคำสั่งของแม่ทัพ เจ้าสงสัยในการตัดสินใจของแม่ทัพรึไง ? ”
เมนแฮนด้าฮึดฮัดออกมาแต่ไม่ได้เถียงอะไร เขาเหมือนจะกลัวแม่ทัพอย่างมาก
“ข้าไม่เชื่อว่าพวกนั้นจะกล้าพอ สุดท้ายพวกมันก็จะมาเป็นอาหารให้กับเรา” เมนแฮนด้าพูดขึ้น
ในตอนที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นมา เสียงนี้เบาจนอสูรสูบเลือดทั่วไปไม่อาจจะได้ยินโดยเฉพาะท่ามกลางพายุฝนแบบนี้ พวกอสูรสูบเลือดจึงไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย แต่นายพลทั้งสองนั้นรับรู้เสียงนี้ได้เป็นอย่างดี
“เสียงนี้ดังขึ้นมาจากท้องฟ้าและดูเหมือนว่าจะใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ” เมจจึงพูดขึ้น “ ที่นี่ยังมีนกอยู่อีกรึไง ? ”
“เป็นไปไม่ได้ ! นอกจากอาหารแล้ว ในระยะหลายพันไมล์จากเมืองนั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย นกมันจะมาจากไหนกัน ? ” เมนแฮนด้าพูดขึ้นมา “นี่น่าจะเป็นพลังงานผันผวน จึงทำให้เกิดเสียงแบบนี้ขึ้น”
ทั้งสองคนยังคิดกันอยู่ว่านี่เป็นเสียงอะไร แต่สุดท้ายก็เห็นหินก้อนเล็ก ๆ ส่องแสงสีแดงหล่นลงมาจากหลังคาเข้ามาในห้องโถง
เมื่อเห็นหินนั้น ทั้งสองก็มองหน้ากันแต่เมนแฮนด้ากลับพูดขึ้น “เจ้าคิดว่ามันดูคุ้น ๆ รึเปล่า ? ”
จากนั้นไฟก็ปะทุออกมาจากหินก่อนจะกลืนกินทั้งห้องโถงไป มันเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นมา ทั้งห้องโถงกลายเป็นซากในพริบตา นายพลทั้งสองกระเด็นออกมาเพราะแรงระเบิดจนทะลุกำแพงออกมา
หวังเย่าเห็นระเบิดนั้นก็ปรบมือด้วยความพอใจ “ระเบิดนี่สุดยอดไปเลย ! มันราวกับพลุ และหวังว่านายพลด้านล่างคงจะพอใจกับพลุนี่นะ”
เพราะการระเบิดนี้จึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา อสูรสูบเลือดส่วนมากได้ไปรวมตัวกันที่บ้านของเจ้าเมืองทันที ทหารลาดตระเวนเองก็คอยสอดส่องอยู่ที่รอบ ๆ บ้านเจ้าเมืองด้วย
“ไปที่คลังอาหารต่อ !” หวังเย่าพูดขึ้นมา
แต่ตอนที่พวกเขากำลังจะทำตามแผนเดิมเพื่อจะไปทำลายคลังอาหารอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เกิดบางอย่างขึ้น
คลื่นพลังอันแข็งแกร่งแผ่ออกมาครอบคลุมไปทั่วทั้งเมืองและได้พุ่งเข้ามาที่เรืออย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว ! ” หวังเย่ารู้สึกว่าเรือโดนล็อคเป้าโดยพลังที่แข็งแกร่ง เขาได้เปิดใช้งานค่ายกลในเมฆที่เตรียมไว้ทันที
ครืน !
สายฟ้าได้ผ่าออกมาและพุ่งตัดท้องฟ้าพร้อมกับเกิดแสงที่สว่างจ้าขึ้น ทุกคนเห็นร่างสีแดงที่กำลังพุ่งขึ้นมาบนท้องฟ้าได้โดนสายฟ้าอัดเข้า ร่างนั้นได้ร่วงลงไปก่อนจะหล่นกระแทกพื้นอย่างแรง
เมื่อเห็นแบบนั้นทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ สายฟ้านี้รุนแรงอย่างมาก หากเป็นพวกเขาที่โดนผ่า พวกเขาคงบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอนรึไม่ก็อาจจะตายเลยก็ได้
ร่างสีแดงแผ่คลื่นพลังอันแข็งแกร่งออกมา มันแกร่งกว่าคลื่นพลังที่แกร่งที่สุดที่พวกเขาเคยเจอมาเสียอีก เมื่อโดนฟ้าผ่าเข้าไปก็คงต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นฟูตัวเองกลับมาได้
หวังเย่าไม่ได้แปลกใจกับฉากตรงหน้านี้ เขารู้กฎของโลกอยู่แล้ว เขารู้ว่ากฎโลกนี้ทรงพลังกว่าโลกไหน ๆ ที่เขาเคยไปมา มันยากที่คนรึสัตว์อสูรจะทนพลังของโลกได้ แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่หากโดนสายฟ้านี้ผ่าเข้า งั้นเดาว่าเขาคงบาดเจ็บหนัก
หากเขาเดาไม่ผิด ร่างสีแดงนี้คงเป็นนายพลที่ดูแลเมืองนี้อยู่ หลังจากที่จัดการกับอีกฝ่ายได้ หวังเย่าก็คิดว่าเขาคงได้ทำลายคลังอาหารโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นแล้ว แต่วินาทีต่อมาสีหน้าของหวังเย่ากลับเปลี่ยนไป เขารีบตะโกนบอกโม่ฟูที่บังคับเรืออยู่ทันที “รีบหนี ! ”
เสียงระเบิดดังขึ้น เรือได้กระเด็นออกไปข้าง ๆ จนพวกเขาหลุดกระเด็นออกจากเรือไป
หลังจากนั้น หวังเย่าก็ได้พบกับร่างที่ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ ทั่วทั้งตัวนั้นใส่เกราะไฟเอาไว้
คลื่นพลังของนายพลคนนี้แกร่งกว่าคนเมื่อตะกี้อย่างมาก และมันทำให้พวกเขากดดัน
แรงกดดันนี้ทำให้หวังเย่าแทบหายใจไม่ออก มันราวกับว่ามีภูเขามากดทับเขาเอาไว้
หวังเย่าถึงกับกระอักเลือดออกมา เขามองไปที่อสูรสูบเลือดตรงหน้า นี่คืออสูรสูบเลือดที่แกร่งที่สุดที่เขาเคยเจอมา มันแกร่งเพียงพอที่จะเป็นภัยต่อชีวิตเขาได้
หวังเย่าไม่ลังเลที่จะเรียกแมวออกมา ในเวลาแบบนี้เขาเพียงลำพังไม่อาจจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้ มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดนักหากจะทำแบบนั้น
ตอนที่แมวปรากฏตัวขึ้นมา หวังเย่ายังไม่ทันได้สั่งการอะไร แมวก็ได้ไปเผชิญหน้ากับอสูรสูบเลือดทันที
แม้แต่แมวเองก็ยังรู้สึกกดดันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้
“เจ้าชอบหาเรื่องคนที่แข็งแกร่งสินะ ? ” แมวมองไปที่นายพลตรงหน้าและพูดขึ้น
“นายคิดว่าฉันอยากมีปัญหารึไง ถ้าไม่ใช่เพราะการทดสอบ ฉันคงไม่หาเรื่องใส่ตัว” หวังเย่าปาดเลือดที่มุมปากแล้วพูดขึ้นมา
“น้องเย่า เราจะช่วยนายเอง ! ” โม่ฟูบินเข้ามาหวังจะช่วยหวังเย่า
“ระวัง ! มันมีนายพลมากกว่าหนึ่งตัวในเมืองนี้ ตัวตะกี้อาจจะยังไม่ตาย พวกนายระวังตัวไว้ด้วย ฉันจะจัดการตัวนี้เอง” หวังเย่าหันกลับไปบอกกับคนอื่น ๆ
เขารู้ว่าเขาคำนวณพลาดไป มันไม่ได้มีนายพลตัวเดียวในเมืองนี้ แต่มีถึง 2 ตัว
สายฟ้าตะกี้อาจจะทำให้นายพลตัวหนึ่งไม่อาจจะสู้ได้ไปชั่วคราว แต่มันไม่อาจจะฆ่านายพลได้
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเย่า โม่ฟูและคนอื่น ๆ ก็รู้แล้วว่าเรื่องมันเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ ความแข็งแกร่งของศัตรูนั้นมากกว่าที่พวกเขาคาดคิดอย่างมาก
นายพล 2 ตัวกับกองทัพอสูรสูบเลือดที่ประจำอยู่ที่นี่ มันเพียงพอที่จะฆ่าพวกเขาได้ !