ตอนที่ 667 : ทางเข้า
ฝนหยุดตกแล้ว แต่เมืองยังไม่ได้กลับคืนสู่ความสงบ ท้องฟ้ายังเต็มไปด้วยเมฆ เสียงฟ้าร้องยังดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ลมพัดกระโชกแรงพร้อมกับหิมะที่ตกลงมา
ในโรงแรม หวังเย่าได้ทำการเอาวิญญาณทั้งสองออกมาและผนึกมันให้กับอันตงจ๋าและเฟิงอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้โจวอวิ๋นและลัวจ้าวฮวาพอพึ่งพาได้แล้ว ดังนั้นหวังเย่าจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนแอบเข้ามาในตอนที่ผนึกวิญญาณให้กับอันตงจ๋าและเฟิง ดังนั้นมันจึงกินเวลาไม่มากนัก
สุดท้ายการผนึกวิญญาณก็เสร็จสิ้น หลังจากที่ใช้ระบบและใช้งานผลสมองราชาภูติและแม่เหล็กเลือดไป วิญญาณสัตว์อสูรของอันตงจ๋าและเฟิงก็ขึ้นไปที่เลเวล 119 ทั้งสองแผ่พลังที่แกร่งกว่าเดิมออกมาจากตัว
เฟิงนั้นดูดีกว่าคนอื่น ตอนแรกเขาอยู่ระดับเดียวกันกับหวังเย่าในอดีต เมื่อมีวิญญาณสัตว์อสูรในตัวแล้ว ตอนนี้ร่างกายของเฟิงก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าหวังเย่าเลย
เมื่อพลังของทั้งสองเพิ่มมากขึ้น พลังอันแข็งแกร่งทั้งสองก็ปะทุออกมาจากห้องราวกับจะทำให้โรงแรมนั้นพังลง
กรร….
เงาของเสือได้โผล่ขึ้นมาจากที่ด้านหลังของอันตงจ๋าและกระโจนขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะกระพือปีกของมัน
แกร๊…
ส่วนอีกด้าน เงาของอีแร้งก็ปรากฏขึ้นมาที่ด้านหลังของเฟิง มันกางปีกออกแล้วใช้กรงเล็บสะบัดออกไปราวกับจะตัดท้องฟ้าออกจากกันได้
พายุสองอันก่อตัวขึ้นในห้องและทำให้กองไฟกระจายไปโดยรอบ
ลัวจ้าวฮวาได้คุยกับโจวอวิ๋น “เป็นวิญญาณสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งจริง ๆ โดยเฉพาะของพี่เฟิง ความแข็งแกร่งของเขาเหมือนจะก้าวกระโดดขึ้นมาอย่างมาก”
หวังเย่าดึงมือกลับมาจากแผ่นหลังของทั้งคู่ พร้อมกับข้อมูลของวิญญาณสัตว์อสูรทั้งสองคนที่โผล่มาในหัวของเขา
ชื่อ : เสือบิน
เลเวล : 119 ระดับ : ศักดิ์สิทธิ์สกิล : ปีกบังเหิน กางปีกออกบินขึ้นสูง แต่ไม่เหมาะในการบินระยะยาว ใช้ในการต่อสู้, ไล่ล่าและหนีได้, คลั่ง หลังจากที่ใช้สกิลแล้วจะมีโอกาส 30 เปอร์เซ็นต์ ที่จะโจมตีรุนแรงกว่า 200 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างที่ใช้สกิลมีโอกาส 20 เปอร์เซ็นต์ ที่จะป้องกันการโจมตีกายภาพทั้งหมด, คำราม ทำให้ศัตรูหมดสติในระยะเวลาสั้น ๆ มีโอกาส 20 เปอร์เซ็นต์ ที่จะทำให้พลังของศัตรูลดลง 30 เปอร์เซ็นต์
ชื่อ : อีแร้งเก้ากรงเล็บเลเวล : 119ระดับ : ศักดิ์สิทธิ์ สกิล : ตาร้อยลี้ ตราบใดที่ไม่มีที่กำบัง แม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปหลายแสนไมล์ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้ชัดเจน, เร่งความเร็ว อีแร้งสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในระยะ 1 กิโลเมตรได้ เมื่อศัตรูเคลื่อนไหวมาในทิศทางของมัน อีแร้งจะเร่งความเร็วขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ มันสามารถดึงความเร็วจากอีกฝ่ายครึ่งหนึ่งได้, กรงเล็บอีแร้ง กรงเล็บของมันสามารถปัดการโจมตีให้กระเด็นกลับคืนได้ การโจมตีที่กระเด็นกลับไปจะเพิ่มพลังขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อได้ยินเสียงอุทานของลัวจ้าวฮวาและโจวอวิ๋น หวังเย่าก็ยิ้มออกมาและพูดขึ้น “พี่เฟิง อันตงจ๋า พวกนายลองใช้ความสามารถที่ตัวเองมีดู ! ”
เฟิงและอันตงจ๋าพากันลืมตาขึ้นมา สีหน้าของทั้งสองแสดงความมั่นใจออกมาอย่างมาก จากนั้นอันตงจ๋าก็ยิ้มออกมาก่อนจะมีปีกโผล่มาจากด้านหลังของเขา เขาได้พุ่งออกไปนอกประตูก่อนจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
“เขาบินได้ ! ” ลัวจ้าวฮวาอุทานออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้าที่อิจฉา
ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกมาอีก ก็ได้ยินเสียงร้องของนกพร้อมกับเฟิงที่เปลี่ยนร่างเป็นนกพุ่งขึ้นยืนอยู่ข้างอันตงจ๋าราวกับสายฟ้าสีดำที่พุ่งตัดผ่านออกไป
“เร็วจริง ๆ ! เร็วกว่าอันตงจ๋าถึงสองเท่า ! ” โจวอวิ๋นพูดขึ้นมา
“ฮ่าฮ่า…” หวังเย่าหัวเราะออกมา “ฉันว่าในอนาคตเราไม่ควรเรียกพี่เฟิงว่าเทพสายลมแล้ว เราควรเรียกเขาว่า อีแร้งสายลม ! ”
ลัวจ้าวฮวาและโจวอวิ๋นต่างก็พากันพยักหน้า “อีแร้งสายลม ชื่อนี้ฟังดูสมกับเขาดี ! ”
หวังเย่า, โจวอวิ๋นและลัวจ้าวฮวา ต่างก็พากันเดินออกมาจากโรงแรมไป
“หวังเย่าอย่ามัวอ้อมค้อม เรามาวางแผนกันดีกว่า ให้ฉันได้ลงมือด้วย ฉันอยากจะแค้นพวกมันมาหลายสิบปีแล้ว ฉันอยากเอาคืนพวกมันบ้าง” สุดท้ายเฟิงก็จะได้แก้แค้นสักที
“ได้ เอาตามที่พี่ต้องการ ! ” หวังเย่าหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นว่าเพื่อนแข็งแกร่งขึ้น หวังเย่าก็พอใจอย่างมาก
หวังเย่าเอาธนูออกมาจากแหวนมิติก่อนจะยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า
ซู่ ซู่ !
ลูกธนูทั้งสองดอกถูกยิงออกไปพร้อมกัน มันพุ่งเข้าใส่อันตงจ๋าและเฟิงในทันที
มันก็เป็นการยิงธนูไฟทั่วไป แต่ด้วยพลังของหวังเย่าในตอนนี้แล้ว พลังของลูกธนูนี้จึงไม่อาจจะประมาทได้
แต่เขาไม่ได้ใช้ไฟไปด้วย เพราะอันตงจ๋าและเฟิงคงไม่อาจจะรับการโจมตีไหว
แม้ว่ากรงเล็บของเฟิงจะปัดการโจมตีกลับมาได้ แต่ไฟหยินหยางนั้นไม่อาจจะสะท้อนกลับมาได้ เพราะมันคือไฟที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หากอยากใช้กรงเล็บปัดการโจมตีนี้ให้ได้ งั้นความแข็งแกร่งอย่างน้อยก็ต้องทัดเทียมกับฟู่หมิงให้ได้ก่อน
เพื่อที่จะไม่สร้างความเสียหายให้กับอันตงจ๋าและเฟิง หวังเย่าจึงต้องยั้งมือเอาไว้
เมื่อเห็นลูกธนูพุ่งเข้ามา อันตงจ๋าก็สะบัดปีกพร้อมกับกำหมัดแน่น ก่อนจะต่อยเข้าใส่ลูกธนูจนทำลายมันไปได้
ลัวจ้าวฮวาถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นลูกธนูที่ทำขึ้นจากเหล็กพิเศษโดนทำลายไปด้วยหมัดของอันตงจ๋าอย่างง่ายดาย มันได้ระเบิดแสงสีแดงออกมาก่อนจะกลายเป็นแค่เศษเหล็กที่กระจายไปทั่ว
เฟิงนั้นหรี่ตาลง เขาไม่ได้แผ่พลังอะไรออกมา เขาแค่สะบัดกรงเล็บเข้าใส่ลูกธนูที่พุ่งเข้ามาดั่งสายฟ้าก่อนจะสะท้อนมันกลับออกมา หลังจากนั้นลูกธนูก็พุ่งเข้าใส่หวังเย่าแทน
“น้องเย่า ฉันจัดการเอง ! ” โจวอวิ๋นวิ่งเข้าไปหาหวังเย่าและใช้ร่างของตัวเองเป็นกำแพงกันเอาไว้ให้
วู่ !
ลูกธนูพุ่งปักเข้ามาที่หัวของโจวอวิ๋นแทน
เขายกมือขึ้นแล้วดึงลูกธนูออก จากนั้นแผลของเขาก็ฟื้นฟูขึ้นมา
“แค่สะบัดกรงเล็บก็สามารถเพิ่มพลังให้กับลูกธนูนี้ได้และสะท้อนมันกลับมา …รึว่าเขาจะแกร่งขึ้นกว่านี้ได้อีก ? ” โจวอวิ๋นทึ่งในสกิลที่เฟิงมี
หวังเย่าพยักหน้า “น่าจะเป็นแบบนั้น”
มันไม่ง่ายที่เขาจะเผยสกิลออกมาต่อหน้าคนอื่น เขาควรจะให้พวกนี้คุยกันเองจะดีกว่า
“พี่เย่า พี่ทำให้พี่เฟิงแกร่งซะขนาดนี้ หลังจากนี้ฉันคงไม่กล้าจะเล่นกับเขาแล้ว” ลัวจ้าวฮวายิ้มออกมา
“นายล้อเล่นรึไง น้องเย่าให้อสูรแก่นายแกร่งกว่าของฉันซะอีก” เฟิงเปลี่ยนร่างกลับเป็นคนและลงมาที่พื้น
“ใช่ พวกนายมันหน้าด้าน ใครได้อะไรก็ควรจะพอใจไม่ใช่หรือ ? ” อันตงจ๋าหุบปีกก่อนจะกลับมาที่พื้น
โจวอวิ๋นฮึดฮัดออกมา “เพราะฉันคิดว่าเขาคือคนในครอบครัว ฉันเลยกล้าที่จะหยอกเล่นกับเขาก็แค่นั้น”
“ฉันน่ะมอบชีวิตให้กับพี่เย่าแล้ว ฉันไม่สนแม้แต่ผู้หญิงด้วยซ้ำบอกเลย” ลัวจ้าวฮวาพูดขึ้น
หวังเย่าพยักหน้า “ก็ดี งั้นลัวจ้าวฮวา คืนนี้มาที่ห้องฉันด้วย”
“ไม่ พี่เย่า…ไม่ใช่แบบนั้น” ลัวจ้าวฮวารีบเอามือกุมอกและพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าตกตะลึง
เมื่อเห็นแบบนั้น ทุกคนต่างก็พากันหัวเราะออกมา
หลังจากนั้นสักพัก หวังเย่าก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและพูดขึ้น “เวลาเกือบหมดแล้ว เราต้องเตรียมพร้อมไปช่วย หลงปู้หยู๋ ! ”
“ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว ฉันมั่นใจว่าจะฆ่าพวกมันได้ ! ” ลัวจ้าวฮวากัดฟันแน่นและพูดขึ้นมา
โจวอวิ๋นเองก็กำหมัดแน่น “สุดท้ายก็ได้เวลาล้างความอับอายที่เรามีแล้ว ! ”
หวังเย่ามองไปรอบ ๆ และสั่งการออกมา “กลับไปที่โรงแรมกันก่อน เราจะวางแผน 10 นาทีหลังจากนี้เราจะไปที่รังของอีกาดำ ! ”
“ได้ ! ” ทุกคนตอบกลับเป็นเสียงเดียวกัน