ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) 645 : ชายชุดแดง

ตอนที่ 645 : ชายชุดแดง

ตอนที่ 645 : ชายชุดแดง

เสียงหึ่งดังขึ้นมาบนท้องฟ้าพร้อมกับลูกธนูไฟที่หมุนวนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งตัดอากาศออกมาพร้อมกับทิ้งเส้นไฟลากยาวเอาไว้ มันราวกับฟินิกส์ที่กางปีกออกแล้วบินเข้าใส่หยุนเหวินชาน

คลื่นความร้อนกระจายไปโดยรอบ จนมันทำให้หยุนเหวินชานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมา

เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว ลูกธนูก็พุ่งอัดเข้าที่อกของเขาก่อนจะทะลุไปถึงด้านหลังพร้อมกับเลือดที่กระจายออกมา

ในร่างวิญญาณนี้มันไม่ใช่เลือดที่กระจายออกมาจากตัว แต่เป็นพลังที่เขาดึงมาจากคนอื่นและเก็บสะสมมานานหลายปี

เลือดนี้คือชีวิตของเขา หากเสียเลือดมากเกินไป พลังของเขาก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย

“ธนูนี่…แรงจริง ๆ ! ” หยุนเหวินชานจับลูกธนูที่อกเอาไว้และพยายามดึงมันออกมาจากตัว แต่ไฟมันยังไม่ดับลง มันยังลากเขาออกไปอีกหลายร้อยเมตร

ไฟเผาไหม้ตัวของเขาอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่ามันจะไม่ได้ทำให้เขาเจ็บ แต่ก็ยังสร้างความเสียหายให้กับเขาได้อยู่

“บัดซบ ! ”

หยุนเหวินชานโดนลูกธนูนี่ลากไปอยู่นาน

แม้ว่าหวังเย่าจะไม่ได้ดูแข็งแกร่งสักเท่าไหร่ในสายตาของเขา แต่หากหยุนเหวินชานมีร่างกายจริง ๆ งั้นเขาคงโดน หวังเย่าฆ่าตายไปแล้วแน่ ๆ ขนาดอยู่ในร่างวิญญาณเขายังไม่อาจจะทำอะไรหวังเย่าได้ นี่แค่โจมตีระยะไกล หากเข้าใกล้วิญญาณของเขาอาจจะอยู่ในสภาพที่แย่กว่านี้ก็ได้

“มันใช้พลังไฟ ข้าเดาว่ามันคงกลั่นหลอมหินกฎไฟระดับสูงเข้าไปเป็นแน่” หยุนเหวินชานวิเคราะห์ ถ้าเป็นคนทั่วไปแล้ว ในร่างวิญญาณเช่นนี้ เขาก็คงสามารถเข้าไปในร่างอีกฝ่ายได้อย่างง่าย ๆ ซึ่งไม่มีทางตกอยู่ในสภาพนี้อย่างแน่นอน

ลูกธนูไฟนี้ยังคงไหม้อยู่ หยุนเหวินชานกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด เพราะตอนนี้เขายังพยายามดับไฟที่อกของเขาอยู่

แผลบนอกนั้นราวกับโดนตัดเนื้อออก แต่เมื่อไฟที่ตรงหน้าอกดับไป ไฟก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมาที่มือของเขาแทน

หน้าผากตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขารวบรวมพลังวิญญาณไปที่ฝ่ามือก่อนที่จะทำการดับไฟในฝ่ามือลง

เหอเจียที่รักษาตัวเสร็จได้ลุกขึ้นและเริ่มทำการเขียนค่ายกลต่อ

ใช้เวลาไม่นานค่ายกลที่พังนั้นก็ได้รับการซ่อมแซม

“อย่าลืมเป้าหมายในการเดินทางมาของเรา..” เม่นทะเลที่ตัวเต็มไปด้วยหนามปรากฏตัวขึ้นมาที่ไหล่ของหยุนเหวินชานและกระซิบบอก

หยุนเหวินชานพยักหน้าก่อนจะมองไปที่เหอเจียแล้วหันไปหาหวังเย่า

“ข้ายังต้องรับมือกับเด็กนี่ เจ้าไปจัดการเหอเจีย” หยุนเหวินชานบอกกับเม่นทะเลที่อยู่บนไหล่ของเขา

“ได้…”

หยุนเหวินชานมองไปที่หวังเย่าที่อยู่บนหลังคา เขายื่นมือขวาออกพร้อมกับกรงเล็บที่กลายเป็นเหล็ก

ก่อนหน้านี้หยุนเหวินชานยังไม่ได้ใช้กรงเล็บเหล็กของเขา

“เจ้าต้องตาย ! ” หยุนเหวินชานใช้กงเล็บเหล็กฟาดเข้าใส่หวังเย่า ครั้งนี้เขาตัดสินใจจะฆ่าอีกฝ่ายให้ได้

หยุนเหวินชานพุ่งออกมารวดเร็วราวกับแสง หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็หมุนตัวหลบแล้วถีบตัวออกไปจนหลบการโจมตีนี้ได้อย่างฉิวเฉียด

ในเวลาเดียวกัน ที่ถนนด้านล่างก็มีเสียงร้องดังขึ้นมา เม่นทะเลหลายร้อยตัวปรากฏตัวขึ้นและพุ่งเข้าใส่เหอเจีย

หวังเย่าหรี่ตาลง เขาอยากจะไปช่วย แต่ตอนนั้นกงเล็บของหยุนเหวินชานก็ยังพุ่งเข้ามาที่หน้าของเขาไม่หยุด

เมื่อเห็นเหอเจียตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายก็รู้ว่าคงยากที่เธอจะรับมือได้

“ท่าไม่ดีแล้ว” แฟนธอมพึมพำออกมา

ในฐานะสัตว์อสูรที่เลเวลไม่ถึง 100 เขาไม่อาจจะรับมือกับสถานการณ์นี้ได้เลย

เมื่อเขาออกจากโรงแรมไป งั้นสิ่งเดียวที่รอเขาอยู่ก็คือความตาย แทนที่จะได้ขึ้นเลเวล 100 เขาอาจจะตายที่นี่แทน

หากอีกฝ่ายมีร่างกายจริง ๆ แฟนธอมก็อาจจะรับมือไหว แต่ในร่างวิญญาณนี้ แฟนธอมไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไง

เมืองนี้มีคนอย่างน้อยหลายหมื่นคนแต่ไม่มีใครกล้าออกมาจากห้องของตัวเองง่าย ๆ หากไม่จำเป็น

ขนาดนักรบที่แข็งแกร่งก็ยังกลัวผีพวกนี้ที่เข้ามายุ่งกับจิตใจของพวกเขา บางทีแค่เหม่อไปไม่กี่วินาทีก็เพียงพอจะปลิดชีวิตพวกเขาได้

ในตอนที่แฟนธอมและหลินฉีกังวลเรื่องความปลอดภัยของเหอเจียอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเงาสีแดงพุ่งออกมาจากหน้าต่างห้องข้าง ๆ

ผมของเขาสะบัดไปมาตามลม ผมและชุดชองชายคนนี้เป็นสีแดงราวกับไฟ ตัวของเขาเหมือนกับไฟที่แผ่ความร้อนออกมาจากตัว

เมื่อมองจากไกล ๆ ก็พบว่ารอบตัวของเขามีไฟลุกไหม้อยู่

ที่ชุดของเขามีตราประทับที่ทำขึ้นจากไฟซึ่งบ่งบอกถึงนิกายที่เขาอยู่

เขายกมือซ้ายขึ้นก่อนจะชูสองนิ้วชี้ขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นก็มีไฟพุ่งออกมาจากนิ้วของเขาสูงขึ้นไปหลายร้อยเมตร

หวังเย่าและหยุนเหวินชานที่กำลังสู้กันอยู่ต่างก็ต้องอึ้งและแปลกใจเมื่อเห็นไฟนี่

หือ !

ชายคนนั้นสะบัดนิ้วทั้งสองลงมาก่อนที่ตรงหน้าของค่ายกลของโรงแรมจะมีกำแพงไฟก่อตัวขึ้นมาสูงหลายสิบฟุต

กำแพงไฟนี้ไม่ได้สั่นไหว มันหนักแน่นราวกับกำแพงหิน ดูแล้วเหมือนกับน้ำตกที่ไหลไปมาราวกับมีชีวิต

พวกผีที่พุ่งเข้ามาที่กำแพงไฟต่างก็โดนเผากลายเป็นเถ้าไปในทันที

อ๊า…

เสียงกรีดร้องของพวกผีดังก้องทั่วทั้งเมือง

“ถอย ถอยก่อน…”

พวกผีต่างก็พากันลนลานและรีบถอยกลับมา

“เขาดูเท่ห์จริง ๆ ! ”

เสียงผู้หญิงดังขึ้นมา จากนั้นหลินฉีและแฟนธอมก็มองหน้ากันก่อนจะอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

ใบหน้านี้ราวกับทำขึ้นมาจากหยกแกะสลัก ผมสีแดง มือที่สร้างกำแพงไฟขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้นมองหวังเย่าก่อนจะยิ้มออกมา

แต่สายตานี้กลับทำให้หวังเย่าขนลุก

เมื่อเห็นหวังเย่าเหม่ออยู่ หยุนเหวินชานก็ไม่ลังเลที่จะหนี แต่หวังเย่ารู้ความคิดของหยุนเหวินชานเป็นอย่างดี เขาจะยอมให้หยุนเหวินชานหนีง่าย ๆ ได้อย่างไร

เป้าหมายของหยุนเหวินชานคือปลิดชีวิตเหอเจีย อีกไม่กี่วันหยุนเหวินชานก็ต้องกลับมาที่นี่อีกแน่หากปล่อยเขาไป

เพื่อที่จะจัดการปัญหาทุกอย่าง หวังเย่าก็ต้องจัดการหยุนเหวินชานให้ได้ในวันนี้

ตอนนั้นชายผมแดงก็ได้ยักคิ้วให้กับเขา นั่นมันหมายความว่าจะบอกให้เขาลงมือได้เลย

ทั้งสองเป็นลูกค้าของโรงแรมนี้ พวกเขาเข้าใจกันเป็นอย่างดี

แม้ว่าหวังเย่าจะไม่อยากร่วมมือกับคนที่ไม่รู้จัก แต่เมื่อชายคนนั้นไล่ฝูงสัตว์อสูรออกไปแล้วก็ถือว่าทำงานครึ่งหนึ่งเสร็จแล้ว ตอนนี้งานอีกครึ่งก็เป็นหวังเย่าที่ต้องเป็นคนจัดการ

เมื่อเห็นว่าหยุนเหวินชานคิดที่จะหนี หวังเย่าก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาได้เปิดใช้งานค่ายกล 12 รูปแบบทันที

ค่ายกลนี้ทรงพลังเพียงพอที่จะทำลายกฎโลกของดาวเฟนเซอร์ได้

เมื่ออยู่ในดินแดนนรก แม้ว่ามันจะไม่เพียงพอที่จะทำลายกฎโลกที่นี่ แต่ก็มีพลังเพียงพอที่จะทำลายทั้งเมืองนี้ได้ แต่หวังเย่าไม่อาจจะทำแบบนั้นได้ ยังไงซะเจ้าของเขตดาวโบไลด์ก็เป็นคนที่หวังเย่าไม่อาจจะหาเรื่องได้

หากจะฆ่าหยุนเหวินชาน หวังเย่าเดาว่าคงใช้มังกรแค่ 3 ตัวก็เพียงพอแล้ว !

การวิเคราะห์จุดอ่อนของร่างวิญญาณผ่านระบบใช้เวลานานเกินไป หวังเย่าไม่มีเวลารอให้ระบบวิเคราะห์เสร็จ เขาต้องลงมือโจมตีโดยตรง ตราบใดที่เผาหยุนเหวินชานจนกลายเป็นเถ้าได้ งั้นก็ไม่ต้องคิดหาว่าจุดอ่อนของหยุนเหวินชานจะอยู่ที่ไหน แน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องตายอยู่ดี

ในตอนที่หยุนเหวินชานกำลังจะหนีนั้น ใต้เท้าของเขาก็มีค่ายกลปรากฏขึ้นมา

ค่ายกลโบราณนี้ส่องแสงสีเงินออกมาราวกับค่ายกลที่ซับซ้อน รูปแบบของค่ายกลเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ พลังอันแข็งแกร่งได้จำกัดการเคลื่อนไหวของหยุนเหวินชานเอาไว้

มีมือคู่หนึ่งได้มาจับขาของหยุนเหวินชานเอาไว้ ทำให้เขาไม่อาจจะขยับได้

สกิลตรึงของแฟนธอมถูกใช้ไปกับค่ายกลนี้ด้วย ตอนนี้พลังของมันทรงพลังยิ่งกว่าเก่า

ด้านบนค่ายกล หวังเย่าได้กลายเป็นก้อนไฟ ตัวของเขาบิดเบี้ยวก่อนจะมีลาวาไหลออกมาจากตัวให้พลังกับค่ายกล

ค่ายกลหมุนวนและส่งเสียงร้องออกมาก่อนที่จะมีมังกร 3 ตัวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

กรร…

เสียงคำรามดังก้องไปทั่ว มันทำให้หยุนเหวินชานหน้าถอดสีไปทันที

มังกรทั้งสามตัวก้มลงมามองที่หยุนเหวินชาน ก่อนจะคำรามออกมาพร้อมกัน

กรร…

เสื้อผ้าของหยุนเหวินชานฉีกขาดออก พร้อมกับโดนเผาจนกลายเป็นเถ้ากระจายไปทั่วทุกที่

กรร กรร กรร….

มังกรไฟทั้งสามได้พ่นไฟเข้ากลืนกินหยุนเหวินชานไปในทันที

อ๊า…..

หยุนเหวินชานกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “ ฉันกับแกไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน…ทำไมแกถึงต้องฆ่าฉัน ! ”

อ๊า….

หิมะโดยรอบกระจายไปทั่ว

หิมะเหล่านั้นโดนกลืนเข้าไปในเปลวไฟจนทำให้นักเดินทางมากมายต่างก็พากันตัวสั่น

“ความแข็งแกร่งของเขามากกว่าเลเวล 100 แม้ว่าฉันจะเลเวล 120 แต่ก็ไม่กล้าบอกว่าจะเอาชนะเขาได้” นักเดินทางผมขาวคนหนึ่งในโรงแรมได้พูดขึ้นมา

หยุนเหวินชานโดนเผาจนมีควันลอยออกมา เศษวิญญาณสีเทานับไม่ถ้วนกระจายออกมา เมื่อโดนแบบนี้เขาก็ไม่มีทางจะกลับมาเกิดใหม่ได้อีก

ชายผมแดงหัวเราะออกมา ภายใต้สายตาของทุกคน เขากลับพุ่งเข้าไปในเปลวไฟนั้นแล้วยืนอยู่บนค่ายกลของ หวังเย่า

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统)

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统)

Score 10
Status: Completed

นี่คือโลกของสัตว์อสูร !

หายนะบังเกิดขึ้น เมื่อโลกได้เชื่อมต่อกับมิติอื่น ส่งผลให้สัตว์และพืชทุกชนิดเกิดการวิวัฒนาการอย่างบ้าคลั่ง จนเกิดสัตว์อสูรไม่รู้จบขึ้นมา !

เหล่าผู้ใช้อสูรได้นำสัตว์อสูรของตนฟาดฟันกับเหล่าสัตว์อสูรอยู่ในแนวหน้า แย่งชิงพื้นที่และบุกเบิกอารยธรรมของมนุษย์ขึ้นมาใหม่

ด้วยการนำทางของ “ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ” ทำให้หวังเย่าได้ทะลุมิติมายังโลกนี้

ในขณะที่ผู้ใช้สัตว์อสูรคนอื่น ๆ ฝันอยากจะมีสัตว์อสูรระดับสวรรค์สักตัว แต่หวังเย่ากลับกังวลว่าตัวเองมีสัตว์อสูรระดับสวรรค์มากเกินไป…

หือ ? สัตว์อสูรวิ่งมากอดขาฉันและอ้อนวอนให้ฉันรับเลี้ยงงั้นหรือ ?

โทษทีนะพวก !

มีหลายตัวจองคิวไว้แล้ว นายต้องต่อคิวนะรู้ไหม


นี่คือเรื่องราวของระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ ที่จะนำกองทัพสัตว์อสูรบุกถล่มโลกสัตว์อสูรให้เหี้ยน

Options

not work with dark mode
Reset