ตอนที่ 592 : ระดับตำนาน
“โง่เง่า ! ” ดิ๊คตะโกนออกมา
“ขอบคุณที่เชื่อใจฉัน ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวัง” หวังเย่าพูดขึ้นมา
เจนกิ้นจัดการกับอารมณ์ตัวเองแล้วพูดขึ้น “นายอยากเอาพวกเขาไปเลยไหม ? นายต้องการอะไรอย่างอื่นรึเปล่า ? ”
หวังเย่ายิ้มออกมา “ไม่ต้องหรอก ฉันจะรักษาพวกเขาตอนนี้เลย ! ”
เมื่อได้ยินที่หวังเย่าพูด ทุกคนต่างก็อึ้ง “นายล้อเล่นรึไงหวังเย่า นี่คิดจะแสดงเวทมนตร์รึไง ? ”
เจนกิ้นมองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้าจริงจัง เรื่องแบบนี้ไม่อาจจะเอามาล้อเล่นได้ “นายอยากให้ฉันช่วยเตรียมสมุนไพรอะไรรึเปล่า ? ”
หวังเย่ายิ้มออกมาและส่ายหน้า “ที่ฉันต้องการก็แค่เลือดของนาย นอกจากนี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีก”
“พระเจ้า ! มีคนเชื่อเขาด้วยหรือ ! ”
ดิ๊คกัดฟันแน่และมองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้าโกรธแค้น “ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าคนที่เรียกตัวเองว่าผู้ดูแลที่เก่งกาจจะรักษาพวกมันยังไง ถ้านายไม่ตัดจิตแฝดของพวกมันออก งั้นนายก็ไม่มีทางรักษาพวกมันได้ ! ”
ท่าทีของดิ๊คยิ่งทำให้ผู้คนคาดหวังกับหวังเย่ามากขึ้นกว่าเดิม แม้แต่พวกระดับสูงก็ยังจับตาดูสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องประชุมด้วย
“หวังเย่าเก่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? เขาถึงกับบอกว่าจะไม่ทำให้จิตแฝดเสียหาย”
คนอื่น ๆ ก็แปลกใจเช่นกัน “ถ้าเขาทำได้ งั้นผู้ดูแลที่เรามีคงต้องเคารพเขาแล้ว”
“ฮ่าฮ่า…นอกจากว่าเขาจะเป็นเทพที่เปลี่ยนทุกอย่างได้ตามใจต้องการด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์”
อัลเฟรดหรี่ตามองไปที่หวังเย่า เอาจริง ๆ แล้ว เขาก็ไม่เชื่อว่าหวังเย่าจะทำได้ แต่เขาก็ภาวนาให้หวังเย่าทำได้ ยังไงซะนี่ก็คือคนที่เขาคาดหวังจะให้เป็นแม่ทัพคนต่อไป
…
“นายพลเจนกิ้น นั่งลงก่อน”
เจนกิ้นและสัตว์อสูรนั่งลงบนม้านั่ง
หวังเย่าไปยืนอยู่ด้านหลังของเจนกิ้น ก่อนจะกดไปที่แหวนของตัวเองเพื่อเรียกเอไนน์ออกมา เธอน่ะเหมือนกับเอลฟ์สาว เธอลอยอยู่ในอากาศและสร้างพลังเวทย์ที่ประกอบไปด้วยอักขระโบราณขึ้นมา
หลังจากที่เก็บตัวอยู่นาน ในที่สุดเอไนน์ก็หายดี เธอไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในตัวของหวังเย่าอีกต่อไป
“สัตว์อสูรสายซัพพอร์ต ? ” นายพลคนอื่น ๆ ต่างก็พากันมองไปที่เอลฟ์สาวด้วยความแปลกใจ
หวังเย่ากดไปที่ไหล่ของเจนกิ้น แล้วค่อย ๆ หลับตาลง
“เปิดระบบเทพอสูร ใช้เลือดปิดกั้นจิตแฝดของสัตว์อสูรทั้งคู่ ! ”
แสงสีแดงส่องสว่างออกมาพร้อมกับเจนกิ้นที่เริ่มคิ้วขมวด แผ่นพลังของเขาเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นมา เขารู้สึกอ่อนแอลงไป เขารู้สึกว่ามันยากที่จะลุกขึ้นยืนได้
สัตว์อสูรทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็คิ้วขมวดเหมือนกัน พวกมันตัวสั่น มันมีเส้นบาง ๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างทั้งสองปรากฏขึ้น ก่อนที่จะสั่นไหวและขาดออกจากกันในที่สุด
ความเจ็บของร่างกายไม่ได้ถูกเชื่อมต่อกันอีกต่อไป ความรู้สึกนี้เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วต่างกันอย่างมาก !
หวังเย่าค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาและมองไปที่เอไนน์
เอไนน์เข้าใจทันทีและเปิดใช้สกิลบัฟของตัวเองออกมา !
รอบตัวสัตว์อสูรนักรบทั้งสองมีจุดแสงสีเขียวก่อตัวขึ้น จากนั้นจุดแสงเหล่านั้นก็พุ่งเข้าไปในตัวของทั้งสอง มันราวกับทั้งสองถูกห่อหุ้มด้วยสายลม
ด้วยผลของสกิลรักษานี้ หวังเย่าก็ได้หลับตาลงอีกครั้งและเปิดระบบเทพอสูรเพื่อใช้งานสมุนไพรรักษาอาการบาดเจ็บของทั้งสอง
อยู่ ๆ ก็มีคนพูดขึ้นมา “ดูนั่น แผลของสัตว์อสูรทั้งสองฟื้นฟูแล้ว ! มันเพราะ…สัตว์อสูรของหวังเย่างั้นหรือ ? พลังรักษาสูงเกินไปแล้ว ! ”
ทุกคนต่างก็คิดว่าผลการรักษาของสัตว์อสูรทั้งสองนั้นเป็นฝีมือของเอไนน์ แต่พวกนั้นไม่รู้เลยว่ามันเป็นเพราะระบบเทพอสูรของหวังเย่าต่างหาก
“สัตว์อสูรสายซัพพอร์ตนี่มันดีจริง ๆ แถมยังสวยด้วย ฉันล่ะอยากได้บ้าง ! ”
ในห้องประชุมนั้นคนระดับสูงต่างพากันลุกขึ้นยืน “นี่มันสัตว์อสูรเทพรึไง ? หวังเย่าได้มาจากไหนกัน ? ”
ดิ๊คอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก มือของเขาเริ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อ ตาของเขาถึงกับกระตุก “เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าจะมีสัตว์อสูรคอยช่วย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาได้โดยไม่ตัดขาดจิตของทั้งสองออกจากกัน ! รึว่า…หวังเย่าจะเป็นผู้ดูแลระดับสูงจริง ๆ ! ”
แผลเริ่มแห้งก่อนจะหลุดร่วงลงมา เซลล์ผิวหนังของสัตว์อสูรฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ทั้งสองได้ลืมตาขึ้นมามองหน้ากันก่อนจะพบกับความแปลกใจในสายตาของอีกฝ่าย !
เจนกิ้นเหงื่อชุ่มเต็มหน้าผาก เขาลืมตาขึ้นมามองสัตว์อสูรของตัวเองก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา
“ต่อไปฉันจะเชื่อมต่อจิตแฝดของทั้งคู่ ฉันต้องใช้เลือดพอ ๆ กับตอนแรก นายเตรียมใจไว้ด้วย” หวังเย่าเตือนขึ้นมา
ตอนนี้เจนกิ้นไม่กังวลอะไรอีกแล้ว เขารีบพยักหน้าตอบรับ “นายพลหวังเย่า ทำตามหน้าที่ได้เลย”
หวังเย่าได้กดไหล่ของเจนกิ้นอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงแล้วใช้ระบบใช้งานเลือดของเจนกิ้น
เส้นพลังได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง มันได้เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเงินแล้วเชื่อมต่อกับสัตว์อสูรทั้งคู่ พวกนั้นสามารถรับรู้ถึงกันและได้ ก่อนจะแสดงสีหน้ายินดีออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“นายพลหวังเย่า ขอบคุณ ! ” เจนกิ้นพยายามจะลุกขึ้นแต่สุดท้ายก็ทรุดจนคุกเข่าลงไป ตอนนี้เขาหน้าซีดอย่างมาก
เอไนน์ได้บินลงมาที่พื้นและใช้สกิลรักษากับเจนกิ้นต่อ
แสงได้ส่องออกมาจากตัวเจนกิ้น ปากที่แห้งและหน้าที่ซีดเซียวของเขาเริ่มหายไป เขาเริ่มฟื้นตัวขึ้นมา แม้ว่าจะหมดแรงแต่ก็ยังพอยืนไหว
“นายพลหวังเย่ารับทรายนี่ไว้ด้วย ! ” เจนกิ้นคุกเข่าลงไปข้างหนึ่งแล้วล้วงเอาทรายนีออนออกมา
“ลุกขึ้นเถอะ ! ” หวังเย่ารีบเข้าไปประคองและพูดขึ้น “ฉันทำก็เพื่อทรายนี่ นายไม่ต้องสุภาพแบบนั้นกับฉันก็ได้”
“ฮ่าฮ่า…ฉันไม่คิดมากหรอก นายรับทรายนี่ไว้เถอะ”
หวังเย่ายิ้มออกมาก่อนจะเก็บทรายเข้าไปในแหวนมิติ
“บุญคุณครั้งนี้ฉันไม่มีทางลืม ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วย นายบอกฉันได้เลย ! ”
หวังเย่ายิ้มรับ “นายสบายใจได้ ถ้าฉันมีอะไรให้ช่วย ฉันจะบอกนายแน่ แต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันจะช่วยนายก่อน”
ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว หวังเย่าก็หลับตาลง ก่อนจะสร้างค่ายกลขึ้นมาที่ใต้เท้าของเขา
ตอนนั้นได้เกิดลมก่อตัวขึ้นมาพร้อมกับที่ใต้เท้าของสัตว์อสูรแฝดมีค่ายกลก่อตัวขึ้น ไม่นานก็มีเถาวัลย์ห่อหุ้มตัวพวกเขาเอาไว้
— เร่งการเติบโต เร่งการเติบโตของสัตว์อสูร 30 เปอร์เซ็นต์
หวังเย่าเปิดใช้งานระบบเทพอสูรแล้วใช้งานสกิล เขาได้ใช้ผลสมองราชาภูติไป 2 ผล จากนั้นก็มีแสงสว่างส่องออกมาจากตัวของอสูรทั้งสอง
เสียงของบางอย่างที่แตกออกดังขึ้น
แกร๊ก
จากนั้นเถาวัลย์ก็หายไป นักรบแฝดทั้งสอง ตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับกล้ามเนื้อที่แน่นกว่าเดิม
เลเวล 87!
เขากลับเพิ่มเลเวลให้กับสัตว์อสูรได้ในทันที !
ทุกคนต่างก็เบิกตากว้าง แม้แต่คนในห้องประชุมเองก็ยังขนลุก นี่หวังเย่า …ยังเป็นคนอยู่รึเปล่า !
ดิ๊คยืนตัวแข็งทื่อราวกับรูปปั้น เขาไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนี้ได้ยังไง อีกฝ่ายไม่ใช่แค่ผู้ดูแลระดับสูง แต่ยังถือว่าเป็นผู้ดูแลระดับตำนาน บางทีอาจจะเรียกได้ว่าเทพอสูรก็ได้ คนแบบนี้มีแค่ในดาวนิบิรุเท่านั้นที่จะทำได้ !
ดิ๊คเหงื่อตก เขารีบก้มหน้าแล้ววิ่งหนีออกไปทันที
“หวังเย่าต้องตาย ฉันต้องหาทางฆ่าเขาให้ได้ ไม่งั้นฉันนี่แหละที่จะโดนจัดการเอง ! ”
ด้วยการที่ได้ทรายมาโดยไม่เสียอะไรไป หวังเย่ารู้สึกว่าเขาเอาเปรียบเจนกิ้นอยู่ ดังั้นเขาจึงใช้ผลสมองราชาภูติเพื่อเพิ่มค่าประสบการณ์ให้สัตว์อสูรทั้งสอง
เมื่อเป็นลูกผู้ชายก็ควรต้องใจกว้าง !
“หวังเย่า นายเป็นเทพอสูรรึไง ? ”
เจนกิ้นยังไม่ทันได้สติ นายพลคนอื่น ๆ ก็แห่กันเข้ามาถามหวังเย่า
“นายเป็นผู้ดูแลระดับเทพรึไง ? ”
“นายช่วยเพิ่มเลเวลให้สัตว์อสูรฉันได้รึเปล่า มันไม่พัฒนามานานแล้ว”
ทุกคนแห่เข้าไปรุมหวังเย่า
“ที่รัก ฉันคิดว่าเราควรจะมองหวังเย่าใหม่ คนที่มีพรสวรรค์แบบนี้น่ะ เราควรจะให้เขาอยู่ที่ดาวทมิฬ” ที่มุมหนึ่งของยาน โอพีเลียได้ส่งข้อความหาฟอเนอร์
หวังเย่าได้เดินแหวกผู้คนออกมาและพบกับชายแก่ที่เดินเข้ามาหาเขา
“หวังเย่า เราไปคุยกันได้รึเปล่า ? ” อัลเฟรดยิ้มออกมา
“ขอโทษทีผมรีบ” หวังเย่าวิ่งไปที่ห้องน้ำแล้วหายตัวไปทันที