ตอนที่ 571 : ถอดหน้ากาก
“ เพราะคนของดาวนิบิรุในโลกมนุษย์, เขตเทพทั้งสามและเขตดาวโบไลด์เชื่อมต่อกัน ดังนั้นทั้งสามโลกจึงได้สร้างรูหนอนพิเศษขึ้นมา คนของเขตดาวโบไลด์สามารถเดินทางผ่านรูหนอนเหล่านั้นไปยังอีกสองที่นี้ได้อย่างอิสระ เพราะเหตผลนี้ดาวของนายจึงสามารถเข้าไปในเขตเทพและขโมยไข่ของสัตว์อสูรมิติไปได้ สุดท้ายไข่นั่นก็ตกอยู่ในมือของนาย”
“เป้าหมายของนายคือ เสี่ยวซวีงั้นหรือ ? ”
ตงเหลิ่งพยักหน้า “ฉันมาเพื่อประมูลไข่นั่นแต่เพราะบางเหตุผลฉันจึงต้องกลับไปก่อน ฉันได้ไปที่ดาวของนายเป็นครั้งที่สอง แต่ทว่าดาวนั้นก็โดนทำลายไปแล้วและนาย…”
“ นายโง่ที่ทำให้อสูรมิติต้องตาย นายไม่รู้เลยว่ามันมีความหมายต่อทั้งจักรวาลแค่ไหน แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”
“ทำไมถึงไม่สำคัญ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
ตงเหลิ่งยิ้มออกมา “เพราะอสูรมิติไม่ได้ตาย เธอกลับไปคืนชีพที่เขตเทพแต่ตอนนี้…นายน่ะไม่มีโอกาสนั้นแล้ว ! ”
หอกของตงเหลิ่งชี้มาที่หวังเย่า แฟนธอมมองไปที่ตงเหลิ่ง แล้วใช้สกิลตรึงใส่เท้าของตงเหลิ่งเอาไว้
ตอนนั้นก็ได้มีพลังงานเข้ามาผลักหวังเย่าออกไป
ตงเหลิ่งคำรามออกมาและพยายามจะทำลายการตรึงนี้ และหอกก็ได้เล็งไปที่แฟนธอมแทน
แฟนธอมไม่กล้ารีรอ เขาได้ใช้สกิลดาบเทพเพื่อเข้าโจมตีตงเหลิ่งทันที
ภายใต้แสงจันทร์นั้น ลมได้รวมตัวกันเป็นใบมีดพุ่งตัดเข้าใส่หอกของตงเหลิ่ง
หิมะและน้ำแข็งที่พื้นดินรวมตัวกันเป็นมือน้ำแข็งจับขาของตงเหลิ่งตรึงเอาไว้ มันจึงทำให้เขายากที่จะขยับตัวได้
“ ดีมาก ในฐานะสัตว์อสูรเลเวล 90 แล้ว การที่นายรับมือฉันได้แบบนี้ก็ถือว่ามีค่าอยู่บ้าง !”
ตงเหลิ่งดึงหอกกลับมาและยิ้มให้กับแฟนธอม “ นายสบายใจได้ ฉันจะไม่ฆ่านาย ฉันจะพานายกลับไปที่เขตดาวโบไลด์”
เมื่อพูดจบเขาก็ผายมือซ้ายออก อยู่ ๆ ท้องฟ้าก็มืดลง ในพื้นที่นั้นได้มีหิมะตกหนักขึ้น จากนั้นเมื่อตงเหลิ่งกำมือเข้าหากัน ที่มือของแฟนธอมก็มีมือน้ำแข็งขนาดใหญ่เพื่อจับมือเขาเอาไว้ แฟนธอมได้ลอยตัวขึ้นเพื่อที่จะหนีทันทีแต่ ตงเหลิ่งเหมือนจะคาดการณ์เอาไว้แล้ว เขาได้พัดเอาอากาศเย็นเข้ามาดักทางที่แฟนธอมจะหนี
ฟรืบ…
เมื่อลมเย็นพัดผ่าน แฟนธอมก็โดนแช่แข็งกลายเป็นรูปปั้นก่อนจะตกลงมาที่พื้น
“คุณตงเหลิ่งนี่เก่งจริง ๆ แกร่งได้ถึงขนาดนี้ ! ”
แฟนธอมที่แข็งแกร่งกลับโดนตงเหลิ่งเอาชนะได้อย่างง่ายดาย ซิดดี้เมื่อเห็นฉากนี้ถึงกับตกตะลึง เขาพูดกับผู้หญิงลึกลับที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็รีบกินดินพลังงานเข้าไปอีก เขาได้ทำการเปลี่ยนร่างเป็นยักษ์แล้วฟันดาบเข้าใส่ตงเหลิ่งทันที
ตงเหลิ่งพลิกตัวหลบและมองหวังเย่าด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะดีดนิ้ว จากนั้นก็มีมือน้ำแข็งก่อตัวขึ้นมาจับขาของหวังเย่าเอาไว้
ตงเหลิ่งยิ้มออกมาก่อนจะเป่าลมเย็นเข้าใส่หวังเย่า เมื่อลมเย็นพัดผ่าน หวังเหยก็ได้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งทันที
“ดีมาก ! ” ซิดดี้อดไม่ได้ที่จะปรบมือ
ตงเหลิ่งค่อย ๆ เดินเข้าไปหาหวังเย่า ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้นายอ่อนแอเกินไป นายไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้…”
เขายกหอกขึ้นมา ตั้งใจที่จะแทงเข้าใส่ที่หัวใจของหวังเย่า !
ตอนนั้นเองกลับมีผู้หญิงโผล่มาตรงหน้าหวังเย่าและกางมือเพื่อปกป้องหวังเย่าเอาไว้
“ตงเหลิ่ง ถ้านายอยากจะฆ่าหวังเย่า นายก็ต้องฆ่าฉันและเด็กในท้องนี้ด้วย ! ”
“เธอ…”
ตงเหลิ่งชะงักไปเขาจับหอกไว้แน่นและถามขึ้นมา “เธอบอกว่าลืมเขาแล้วไม่ใช่รึไงก่อนที่จะมาแต่งงานกับฉัน ? ”
เธอมองไปที่ตงเหลิ่งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา “ตั้งแต่ที่ฉันเลือกแต่งงานกับนาย มันก็ไม่มีคนอื่นในใจฉันอีก แต่…ชายคนนี้ยังไงซะเขาก็คือคนที่ฉันเคยรัก นายฆ่าเขาไม่ได้ ! ”
ตงเหลิ่งกัดฟันแน่นแต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ เขาได้แต่ดึงเธอออกมา
จากนั้นโล่ที่ปิดเหมืองมาหลายพันปีก็เปิดออกก่อนที่จะมีเครื่องบินลำหนึ่งบินเข้ามา
ปืนที่ติดตั้งอยู่ที่ปีกโผล่ออกมา มันเล็งเป้าลงมา ไม่ว่าใครที่ขยับตัวก็จะโดนยิงทันที
กรึก…
เสียงเท้าดังขึ้นจากทุกทิศทาง กองกำลังพิเศษที่ดักซุ่มอยู่รอบ ๆ พร้อมอาวุธพิเศษในมือต่างก็พากันเข้ามาล้อมทั้งสามคนเอาไว้
ซิดดี้มองดูเวลาและพบว่าตอนนี้คือเวลา 00.00 นาฬิกาแล้ว
“กองกำลังพิเศษของฝ่ายต่อต้าน ! ” ซิดดี้มองไปรอบ ๆ ด้วยความแปลกใจ เขาไม่คิดเลยว่าพวกนี้จะมากันเร็วแบบนี้
“คุณตงเหลิ่ง รีบไปเถอะไม่งั้นแล้วมันจะสายเกินไป”
ตอนนี้ซิดดี้กลัวแทบตายแล้ว เขาไม่ได้ดูยิ่งใหญ่เหมือนหัวหน้าผู้คุมคนเดิมอีกต่อไป
“ฟังนะ ฉัน ฟอเนอร์ นายพลของฝ่ายต่อต้าน เราล้อมพวกแกเอาไว้แล้ว วางอาวุธแล้วยกมือขึ้นเหนือหัว ฉันจะนับถึง 3 ถ้าไม่ทำเราจะยิงทันที ! ”
ฟอเนอร์ที่อยู่บนเครื่องบินได้ตะโกนออกมาผ่านไมค์
1..
2…
ตงเหลิ่งมองไปยังทหารรอบตัวก่อนที่จะยกหอกขึ้น จากนั้นก็เกิดพายุหิมะขึ้นมา
พายุนี้บดบังสายตาของทุกคนเอาไว้และซ่อนตัวพวกเขาไว้ในพายุ
ผ่านไปสักพักพายุก็หยุดตัวลงก่อนที่จะมีโล่น้ำแข็งขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาแทนปกคลุมตัวซิดดิ้และคนอื่น ๆ เอาไว้
3 !
ปัง !
กระสุนถูกยิงเข้าใส่โล่น้ำแข็งแต่กลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนใด ๆ เกิดขึ้นเลย
ปืนเลเซอร์ยังคงถูกยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็สะท้อนกลับไปยังทิศทางเดิม
“ หยุด หยุด…หยุดยิงก่อน ! ”
ตูม…
เครื่องบินได้ตกลงมาก่อนจะเกิดการระเบิดขึ้นแต่คนในโล่น้ำแข็งนั้นกลับไม่เป็นอะไรเลย
ผู้หญิงคนนั้นหันกลับและยกผ้าคลุมหน้าขึ้นมองมาที่หวังเย่าด้วยน้ำตา
“หวังเย่า นายจำฉันได้ไหม ? ”
หวังเย่าลืมตาขึ้นมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความตะลึง “ฟางอี้ เธอนี่เอง ! ”
ฟางอี้ ลูกสาวของฟางฉิงฮัว เจ้าเมืองของหัวเซี่ย เด็กสาวที่เคยตามติดเขา แต่ตอนนี้เธอได้กลายเป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้ว
เธอ…เธอกลับแต่งงานกับตงเหลิ่ง นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน ?
หวังเย่าไม่อาจจะใจเย็นอยู่ได้ ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว ไกลขนาดนี้แต่เขายังได้เจอกับคนที่เขารู้จัก นี่มันเรื่องอะไรกัน !
ในใจของหวังเย่ามีแต่ความรู้สึกสับสน เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี เขาอยากเข้าไปกอดกับคนคุ้นเคยแต่ก็ไม่อาจจะทำได้
“ที่รัก รีบไปกันเถอะ ! ”
ตงเหลิ่งจับมือของฟางอี้เอาไว้ ฟางอี้ยกมือขึ้นมาลูบที่หน้าหวังเย่า ก่อนจะโบกมือให้กับเขา
ตงเหลิ่งไม่ได้สนใจที่จะหันกลับไปมองหวังเย่าเลยแม้แต่น้อย เขาแค่ดึงฟางอี้ให้เดินกลับไปที่ประตูมิติ
ซิดดี้กำหมัดแน่นและหันกลับมามองหวังเย่าด้วยสีหน้าโกรธแค้นก่อนจะรีบตามทั้งสองคนไป
ประตูมิติหายไปในพริบตา ตงเหลิ่งได้คลายมือออกแล้วชี้นิ้วออกมาก่อนจะพูดขึ้น “ลงนรกไปซะ !”
เพล้ง ! มือที่ไขว้หลังของตงเหลิ่งนั้นได้ทำการดีดแหวนออกมา
จากนั้นรูปปั้นน้ำแข็งทั้งสองก็ส่งเสียงดังขึ้นมา มันราวกับเสียงแก้วแตก…