ตอนที่ 568 : พัฒนาสัตว์อสูร !
นกฟินิกซ์ได้บินตามซิดดี้ไปทันที จนสุดท้ายก็ไปถึงถ้ำแห่งหนึ่ง
“หวังเย่าแกไม่น่ามาที่นี่เลย” ซิดดี้หันกลับมามองหวังเย่าและยิ้มออกมา
“หือ ? ทำไมฉันถึงไม่ควรมา ? ” หวังเย่าที่ยืนอยู่บนหลังนกฟินิกซ์ได้มองไปที่ซิดดี้แล้วถามขึ้นมา
“แกอาจจะหนีรอดได้ แต่เมื่อแกมาที่นี่แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแกต้องตาย ! ” ซิดดี้พูดขึ้น
“หมายความว่าแกมั่นใจสินะว่าจะฆ่าฉันได้ ? ”
ซิดดี้ส่ายหน้า “ประเมินดูแล้วตอนนี้แกน่ะเพียงพอที่จะปกครองทั้งเหมืองได้ แต่ฉันก็มั่นใจ 70 เปอร์เซ็นต์ว่าจะเอาชนะแกได้..ถ้าแกอยากหนี ฉันจะไม่ไล่ตามแก”
หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดขึ้น “เมื่อฉันจะหนีจริง ๆ แกมั่นใจรึว่าจะตามฉันทัน ? ”
“ถ้าแกยื้อฉันอยู่ที่นี่ ตอนที่คนของฉันมาถึง แกต้องตายแน่ ๆ เชื่อฉันเถอะ บนดาวนี้ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้” ซิดดี้ยิ้มออกมา
หวังเย่ากระโดดลงจากหลังนกฟินิกซ์แล้วพูดขึ้น “งั้นหรือ ? ฉันล่ะอยากเจอไอ้นั่นจริง ๆ ”
“งั้นแกก็ตัดสินใจแล้วสินะว่าจะสู้กับฉัน ? ” ซิดดี้ยกไม้เท้าขึ้นมาก่อนจะกดปุ่มบนไม้เท้า จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นดาบ
หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดขึ้น “ตอนนี้ฉันเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะชนะหรือแพ้ ”
ตอนนี้เขาไม่มีบัฟจากเอไนน์ สายเลือดของเขาเสียเปรียบอย่างมาก เมื่อซิดดี้ใช้แรงกดดันทางสายเลือดออกมา งั้นเขาก็ไม่อาจจะสู้กับอีกฝ่ายได้
ดังนั้นตอนที่ซิดดี้ยกดาบในมือขึ้นมา หวังเย่าก็ได้ทำการกินดินพลังงานเข้าไปทันที
“เปลี่ยนร่าง ! ” หวังเย่าไม่มัวไร้รีรอและได้ทำการเปลี่ยนร่าง
พลังของเขาเพิ่มขึ้นในพริบตา มันมีลมหมุนวนรอบดาบก่อนที่หวังเย่าจะพุ่งเข้าใส่ซิดดี้
ซิดดี้ใช้ดาบเข้ารับการโจมตีของหวังเย่าเอาไว้จนมีประกายไฟกระเด็นออกมา
แม้ว่าจะเหลือแค่ขาซ้าย แต่ขาปลอมของซิดดี้ก็ถือว่าใช้งานได้ มันไม่ได้ส่งผลต่อความเร็วในการหลบของเขานัก
ซิดดี้และหวังเย่าไล่ล่ากันไปเรื่อย ๆ
ดาบที่พวกเขาฟันออกมาราวกับสายลมที่รวดเร็ว
เงาของทั้งสองสลับไปมาและเดินทางไปทั่วทุกที่
“มีดพายุมังกร ! ”
แทบทั้งเหมืองมีหินและดินกระจายไปทั่ว พายุนั้นกระจายไปทั่วทุกที่รอบตัวของทั้งสองคน
พายุได้รวมตัวกันก่อนที่จะกลืนซิดดี้เข้าไป เขาราวกับเรือในทะเลอันเชี่ยวกรากที่ไม่อาจจะออกมาได้
หวังเย่าจับดาบในมือเอาไว้แน่นและพุ่งเข้าใส่ซิดดี้
ดาบได้มีพายุก่อตัวขึ้นมา แต่ซิดดี้กลับหายตัวไปในพายุอย่างรวดเร็ว
กลับกันแล้ว กลับมีร่างของตั๊กแตนโผล่ขึ้นมาแทน
ฟรืบ….
ตั๊กแตนได้เข้ามาขวางเอาไว้ทำให้หวังเย่ายากที่จะเอาชนะได้
ในตอนที่หวังเย่ากระเด็นออกมานั้น ซิดดี้ก็ได้พุ่งเข้ามาพร้อมกับใช้ขาปลอมของเขาเตะเข้าที่ลำคอของหวังเย่า
หวังเย่าใช้ดาบรับมือเอาไว้ แต่ขาของซิดดี้กลับเตะเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ขาฉันขาดก็เพราะแก แกต้องชดใช้ ! ”
ซิดดี้ใช้มือตบพื้นเพื่อถีบตัวเองให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะใช้ดาบเข้าฟันที่แขนของหวังเย่า
หวังเย่ายกดาบรับมือเอาไว้ก่อนที่ดาบทั้งสองจะปะทะกันอย่างรุนแรง ซิดดี้ได้ถีบซ้ำจนทำให้หวังเย่ากระเด็นตกลงมา
ตอนที่หวังเย่ากำลังจะตกถึงพื้นนั้น แฟนธอมกลับโผล่มา เขาได้ใช้เท้าดันที่หลังของหวังเย่าเอาไว้
“ใช้มือก็ได้นี่ ทำไมต้องใช้เท้าด้วย ? ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
“เจ้าก็ผู้ชายนี่ ทำไมต้องให้ข้าทำเรื่องน่าอายเช่นนั้นด้วย” แฟนธอมยิ้มออกมา
พระอาทิตย์หายไปจากเหมือง ซิดดี้และตั๊กแตนได้ปรากฏตัวขึ้นที่บนยอดเขา พวกเขามองมาที่หวังเย่าและแฟนธอม ที่อยู่ด้านล่าง
“ฉันคิดว่าแกจะสู้กับฉันตัวต่อตัวซะอีก ไม่คิดเลยว่าแกจะเรียกสัตว์อสูรออกมา มันสนุกตรงไหนกัน ? ” หวังเย่าตะโกนบอกซิดดี้
ซิดดี้หัวเราะออกมา ก่อนจะพูดว่า “ทหารน่ะไม่กลัวการต่อสู้หรอก ใครใช้ให้สัตว์อสูรของแกดูอยู่เฉย ๆ ล่ะ ? ”
ทั้งสองคนรู้ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี พวกเขาแค่จงใจใช้คำพูดยั่วยุ
หวังเย่ารอกำลังเสริมจากฟอเนอร์อยู่ ส่วนซิดดี้ก็รอคู่ค้าของเขาอยู่เช่นกัน
แฟนธอมมองไปที่ซิดดี้ด้วยสายตาครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้นมา “หวังเย่า ข้าคิดว่าจำเป็นจะต้องรีบจบการต่อสู้ คนที่อยู่เบื้องหลังซิดดี้น่ะไม่ธรรมดา เราคงรับมือเขาไม่ได้”
“นายหมายความว่ารีบฆ่าเขาที่นี่งั้นหรือ ? ”
แฟนธอมพยักหน้า
แต่ทว่าซิดดี้นั้นก็หูดี เขาได้ยินบทสนทนาของทั้งสองอย่างชัดเจน ก่อนที่จะหัวเราะออกมา “พวกแกคิดว่าจะฆ่าฉันได้รึไง ? แกคิดว่าเป็นไปได้รึ ? ”
“ฉันจะบอกแกนะว่าหลังจากที่ตั๊กแตนบาดเจ็บมา ความสามารถในการหลบหลีกก็พัฒนาขึ้น ตอนแรกอัตราการหลบหลีกอยู่ที่ 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้อยู่ที่ 99.99 เปอร์เซ็นต์แล้ว แม้ว่าฉันจะยืนอยู่เฉย ๆ แต่ฉันก็มีอัตราการหลบหลีกมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์อยู่ดี”
“ถ้ายังสู้ต่อไปแบบนี้ สุดท้ายฝ่ายที่แพ้ก็มีแต่แกนี่แหละ”
หวังเย่าเห็นว่าซิดดี้มั่นใจ ก็ได้แต่ยิ้มออกมา “ฉันไม่มีทางฆ่าแกก็จริง แต่ฉันไม่อยากให้แฟนธอมเสียเวลากับแกแล้ว ฉันสามารถเพิ่มเลเวลให้กับแฟนธอมได้ แกเชื่อรึเปล่าล่ะ ? ”
“ ฮ่าฮ่า….แกคิดจะเพิ่มเลเวลให้สัตว์อสูรตอนนี้เนี้ยนะ ? แม้ว่าแกจะเก่งเรื่องการพัฒนาสัตว์อสูร แต่สกิลของมันก็ไม่ได้พัฒนาขึ้นมาปุบปับ โอกาสที่จะพัฒนาสกิลจนเอาชนะตั๊กแตนได้น่ะแทบจะเป็น 0”
“หวังเย่าทำไม่ได้ แต่ข้าทำได้ ! ” แฟนธอมพูดขึ้น “มาจบการต่อสู้กันเถอะ นี่มันน่าเบื่อจะตาย ! ”
หวังเย่าพยักหน้า “ให้กบในกะลามันรู้ความจริงสักที”
หวังเย่าหลับตาลงก่อนจะเลือกใช้งานระบบ
ตั้งแต่ที่แฟนธอมพัฒนาขึ้นมาเกือบถึงระดับเทพ หวังเย่าก็จงใจเหลือค่าประสบการณ์เอาไว้ เมื่อออกจากคุกไปแล้วค่อยคิดว่าจะพัฒนาสกิลไปในทิศทางไหน
เมื่อสัตว์อสูรเข้าสู่ระดับเทพแล้ว มันยากที่จะเพิ่มสกิลหลักขึ้นมาได้อีก สัตว์อสูรบางตัวอาจจะได้สกิลมาแค่สกิลเดียว สกิลอื่น ๆ ที่ได้มาภายหลังนั้นจะเป็นแค่สกิลเสริมเท่านั้น
การพัฒนานี้สำคัญ แฟนธอมจะตัดสินใจเองว่าจะพัฒนาตัวเองไปในทิศทางไหน !
ย้ำ : ใช้ผลสมองราชาภูติเพื่อเพิ่มเลเวลให้แฟนธอม เป็นเลเวล 90 ยืนยันรึไม่
“ยืนยัน ! ”
ในพริบตาก็เกิดฉากที่ไม่คาดคิดกับแฟนธอมขึ้น
ลำแสงได้สว่างจ้าขึ้นมา แม้แต่ในมิติภายนอกก็ยังเห็นลำแสงที่พุ่งออกมาจากตัวแฟนธอม
เลือดและกล้ามเนื้อของแฟนธอมราวกับก้อนโคลน มันได้ไหลไปมาอย่างรวดเร็วตามกระดูกของเขา
ร่างของแฟนธอมลอยขึ้นพร้อมกับเสื้อผ้าที่ฉีกขาดออกเผยให้เห็นผมสีเงินที่สะบัดไปมาตามลม…