ตอนที่ 541 : คิเมร่า
แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บ แต่หวังเย่าก็ไม่คิดจะเสียเวลาอยู่ที่นี่ นอกซะจากว่าเขาจะเอาชนะเจฟได้ ไม่งั้นแล้วเขาก็จะไม่มาที่นี่ให้ตัวเองโดนดูถูกอย่างเด็ดขาด
“ตอนนี้ฟอเนอร์คงรู้แล้วว่าฉันถูกเลื่อนมาระดับ A เขาต้องหาทางในการยับยั้งซิดดี้เอาไว้แน่”
หวังเย่าคิดว่ามันคงยากที่จะเอาตัวรอดจากคนพวกนี้
หากไม่รีบแก้ไข งั้นอนาคตของเขาบนดาวดวงนี้ก็คงต้องลำบากมากอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นหวังเย่ากลับลงมาที่ห้องพัก นักโทษรอบ ๆ ก็พากันหยุดทำงานและมองไปที่เขา
“เขาคือคนที่เลื่อนมาจากระดับ K รึเปล่า ? ”
“ใช่ เขานี่แหละ”
“แต่ตอนนี้เขากลายเป็นคนของผู้คุมแล้ว แต่ผู้คุมก็ไม่ให้โอกาสเด็กนี่ได้พัฒนาตัวเองเต็มที่เลย การที่ต้องมามีเรื่องกับ เจฟไม่ใช่ว่าเขาต้องตายรึไง ? ”
“บางทีผู้คุมอาจจะพยายามกระตุ้นศักยภาพของหวังเย่าอยู่รึเปล่า ? ”
“ความแข็งแกร่งของเด็กนี่ตอนนี้อยู่แค่ระดับ C แม้ว่าจะมีสัตว์อสูร แต่แน่นอนว่าไม่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ของเจฟได้”
“ผู้คุมคงแค่อยากจะเล่นเกม เราไม่ควรไปออกความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“แม้ว่าเราจะอยากได้ผลประโยชน์จากเขาก็คงต้องรอเวลาที่เหมาะสม”
พวกนักโทษต่างก็พากันใจเย็นลง ไม่มีใครกล้าเข้าไปคุยกับหวังเย่าก่อน
ตอนที่หวังเย่าเดินออกมาด้านนอก พวกนักโทษด้านนอกเองก็แสดงท่าทีเคารพให้กับเขา
บรรยากาศแปลก ๆ นี้ หวังเย่าไม่ได้แปลกใจกับมันนัก นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขา สุดท้ายก็ไม่มีใครตามเขาแล้ว !
หวังเย่าถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและเดินทางไปที่ที่ฟอเนอร์ทำงานอยู่
ตอนนี้เขาต้องแก้ปัญหาเรื่องยาที่ฉีดเข้าตัวของเขาก่อน รวมถึงการที่เขาต้องเข้าตรวจร่างกายทุกวัน เขาต้องฉีดยานี่ทุกวัน ผลของยานี่จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเขาก็จะได้ฉีดยาบ่อยขึ้นกว่าเดิมเรื่อย ๆ ซึ่งมันจะเป็นปัญหามากขึ้น
ความแข็งแกร่งของฟอเนอร์นั้นสูงกว่าระดับ F แน่นอน ฟอเนอร์ต้องรู้เกี่ยวกับยาควบคุม บวกกับการที่เขาไม่อาจจะทำตัวโดดเด่นได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ขึ้นมาอยู่ระดับ A
คนของเขาเป็นคนที่มีความสามารถ มันต้องมีคนที่เก่งในด้านนี้อยู่เป็นแน่ !
หวังเย่ารีบเดินไปทันที
อากาศในวันนี้ค่อนข้างดี แม้ว่าจะมีฝนตกลงมาอยู่บ้างแต่ก็ถือว่าไม่ได้แย่อะไร มันไม่เหมือนวันก่อนหน้านี้
หวังเย่าได้ไปที่ถ้ำแห่งหนึ่ง
เสียงเหล็กกระทบพื้นดังขึ้นไม่หยุด พวกนักโทษไม่ได้สนใจหวังเย่าที่เดินเข้ามาแม้แต่น้อยและเอาแต่ขุดแร่
นักโทษคนหนึ่งเดินเข้ามาและกระซิบกับหวังเย่า “ไปรอฉันอยู่ที่นั่น ! ”
เขาพูดจบก็ได้เดินเข้าไปทำงานต่อ
หวังเย่ามองเข้าไปในป่าที่นักโทษคนนั้นชี้ไป สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขาเอามือล้วงกระเป๋าก่อนจะเดินไปที่ป่า
หลังจากที่รออยู่ในป่าสักพัก นักโทษคนเมื่อกี้ก็เดินตามเข้ามา
“น้องหวังเย่า ฉันบิลลี่” บิลลี่เนื้อตัวสกปรก เขาใส่หมวกฟางดูไม่ต่างอะไรกับชาวนาทั่วไปเลย
ขาของเขาเล็กแต่มันก็เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ
หวังเย่ามองไปที่อีกฝ่ายแล้วถามขึ้นมา “การเปลี่ยนแปลงที่เหมือนเดิม”
บิลลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะตอบมาว่า “เครื่องหมายวงกลม ”
เมื่อพูดจบทั้งสองก็จับมือกัน
“หัวหน้ารู้ว่านายมีปัญหา เขาจึงฝากฉันให้เอาสิ่งนี้มาให้กับนาย” เขาล้วงเอายาเม็ดเล็ก ๆ ออกมาก่อนจะส่งให้กับ หวังเย่า
“มันมียา 3 เม็ด ตอนนี้เราหาได้แค่นี้ ถ้าโดนยาควบคุมให้นายกินไปทีละ 1 เม็ด”
“มันยังไม่มียาต้านอื่นหรือ ?”
บิลลี่ส่ายหน้า “ไม่ เพราะยาควบคุมไม่มียาต้าน”
“ถ้าไม่ได้ฉีดยาควบคุมเกิน 3 วัน ผลของยาจะหายเอง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมซิดดี้ถึงได้ให้นักโทษระดับ A ตรวจร่างกายทุกวัน ”
หวังเย่าพยักหน้า “จากสถานการณ์ของฉันตอนนี้แล้ว ฉันต้องกินยาบ่อยแค่ไหน ? ”
“นายน่ะอยู่ในช่วงแรก นายควรกิน 5 วันต่อ 1 เม็ด แล้วค่อยลดเวลาลงมาเรื่อย ๆ ก่อนที่สุดท้ายค่อยกินวันละเม็ด ”
บิลลี่พูดต่อ “เหมืองนี้น่ะมีทรัพยากรจำกัดและมีสมุนไพรไม่มาก เราต้องหาสมุนไพรมาเพิ่มในการทำยาแต่ละครั้ง ดังนั้นฉันจึงอยากแนะนำว่านายควรอดทนเอาไว้ นอกซะจากว่านายจะทนไม่ไหวแล้วค่อยกินยานี่”
“แล้วเรื่องบึงล่ะ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“ตามที่นักวิจัยของเราบอกมาแล้ว ในอีกเจ็ดวันอากาศจะดี ตอนนั้นเพื่อนของเราจะไปติดต่อนายและพานายไปพบกับคนอื่น ๆ ”
หลังจากที่พูดจบ บิลลี่ก็เดินออกมาทันที
หวังเย่ามองไปทางที่บิลลี่เดินออกไป ก่อนจะเห็นแสงส่องประกายขึ้นมา เขาคิ้วขมวดเล็กน้อย “มันไม่ได้มีบ่อน้ำที่นี่ไม่ใช่รึไง แล้วมันมีแสงสะท้อนออกมาจากอะไร ? ”
“ไม่ดีแล้ว นี่แสดงว่าฉันโดนตาม ! ” หวังเย่ารีบพุ่งออกไปทันที
ไกลออกไปบนต้นไม้สูงต้นหนึ่ง
บิลลี่วิ่งออกไปยังฐานเพื่อรวมตัวกับคนอื่น ๆ
“บิลลี่ ! ” หวังเย่าโผล่มาตรงหน้าหินก้อนหนึ่งขวางหน้าบิลลี่เอาไว้
หวังเย่ามองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักและพูดออกมาว่า “ฉันไม่ได้ตามนายมา แต่มีคนอื่นตามเรามา”
เมื่อได้ยินแบบนั้นบิลลี่ก็ตกตะลึงทันที เขาหันกลับไปมองที่กำแพงหินทางซ้ายและขวาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า และถามออกมาว่า “มันอยู่ไหน ? ”
หวังเย่าหรี่ตาลง “นายลองมองไปที่นั่นอีกรอบสิ ! ”
เมื่อมองตามที่หวังเย่าชี้ไปก็พบว่าที่กำแพงเนินหินนั้นมีนักโทษระดับ A คนหนึ่งได้โผล่ออกมา เขาหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ “ฮ่าฮ่า…” เสียงนี้ดังไปทั่วหุบเขา
“หวังเย่า นายนี่สมควรเป็นหมาของผู้คุมจริง ๆ ฉันตามมาตั้งไกลกว่าจะรู้ความจริง ! ” นักโทษคนนั้นโดดขึ้นไปที่เนินเขาก่อนจะมองมาที่ทั้งสอง
“แกก็ไม่เลวนี่ แกตามคนมาทั้ง ๆ ที่รักษาระยะไกลแบบนี้ เป็นฉัน ฉันคงทำไม่ได้” หวังเย่าพูดออกมาตามจริง
บิลลี่มองไปที่อีกฝ่าย “เป็นมันนี่เอง ! เรามีปัญหาแล้ว ! ”
นักโทษระดับ A คนนี้มีตัวผอมบางราวกับลิง ใบหน้าของเขาดูน่าเกลียดอย่างมาก
นักโทษคนนั้นจับผมตัวเองแล้วยิ้มออกมา “ทำไม ? แกรู้จักฉันรึไง ? ”
บิลลี่มองไปที่อีกฝ่ายแล้วตอบกลับ “ฉันไม่เคยเจอแกมาก่อน แต่ฉันเคยเห็นข้อมูลของแก”
“แกคืออันดับ 8 ไมรอนผู้เลือดเย็น ! ”
“โอ้ ฉันไม่เคยโผล่หน้าออกมามากว่าสิบปีแล้ว แต่กลับมีคนรู้จักฉัน”
“แน่นอนว่าฉันรู้จักแก แกน่ะเก่งเรื่องการแกะรอย ไม่มีใครหนีจากการไล่ล่าของแกได้”
“งั้นหรือ ? ” ไมรอนยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ
ไมรอนมองไปที่หวังเย่าด้วยรอยยิ้มแล้วพูดขึ้นมา “หวังเย่า ผู้คุมน่ะชื่นชมแกมาก เพื่อที่จะสนับสนุนให้แกเป็นหัวหน้านักโทษคนใหม่แล้ว เขาถึงได้ให้คนมาติดตามแก ฉันรับปากว่าจะไม่แตะต้องแกแม้แต่น้อย ! ”
หวังเย่ายักไหล่ “ใครคอยหนุนหลังฉัน ? ทำไมฉันไม่รู้ตัว ? ”
“ช่วงหลัง ๆ มานี้ เหมืองมีกองกำลังที่คอยจัดการเรื่องต่างๆให้กับผู้คุม เมื่อ 15 วันก่อน เผ่าจิ้งจอกได้สั่งซิดดี้ให้จับตาดูบึงเอาไว้”
“แกอยากช่วยพวกนี้ขโมยศพของฟาโรห์สินะ แกคิดว่าผู้คุมจะไม่รู้รึไง ? ” ไมรอนมองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ผู้คุมชื่นชมแกอย่างมากและไม่อยากจะฆ่าแก…ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถของแกแล้ว แกคงไม่รอดอยู่แบบนี้ ดังนั้นตราบใดที่แกยังทำตัวเชื่อฟัง แกก็จะได้รับการสนับสนุนให้เป็นหัวหน้านักโทษคนใหม่ แกกับฉันต่างก็เป็นคนฉลาด ฉันคงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากสินะ ? ” ไมรอนยิ้มออกมา
“หวังเย่าอย่าไปสนใจเขา รีบหนีไป ฉันเองก็จะกลับไปด้วย”
บิลลี่เอาปืนออกมาจากแหวนมิติและเล็งไปที่ไมรอน
แกร๊ก …
ไมรอนกระโดดหนีไปอย่างรวดเร็ว จนเหลือไว้แต่เงาติดตา
กระสุนพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วแต่ก่อนที่บิลลี่จะได้ใส่กระสุนลงไปใหม่ ก็มีร่างหนึ่งโผล่มาที่ด้านหลังและกำคอบิลลี่ เอาไว้
“ท่าไม่ดีแล้ว ! ” หวังเย่าแปลกใจ ชัดแล้วว่าเขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายโผล่มาตอนไหน
หมอกดำแผ่ออกมาจากมือของหวังเย่าก่อนที่จะมีค้างคาวบินออกมาพุ่งเข้าใส่ที่อกของอีกฝ่าย
แต่ทว่าร่างของผู้หญิงคนนั้นก็เซไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น เมื่อเห็นแบบนั้นหวังเย่าก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นอะไรเลย
ไม่นานมีดก็โผล่ขึ้นมาในมือของเธอ ก่อนที่จะปาดเข้าที่คอของบิลลี่อย่างจัง
ฉัวะ !
เลือดสาดออกมาก่อนที่บิลลี่จะล้มลงไปกองกับพื้น
ผู้หญิงคนนั้นหันกลับมามองที่หวังเย่าด้วยสายตาเย็นชา
ผมสีม่วง ปากสีแดงและคิ้วที่คมกริบของเธอ
เมื่อเห็นแบบนั้น หวังเย่าก็หรี่ตาลงและรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาทันที “นี่มันสัตว์อสูร ! ”
หวังเย่าได้ใช้ระบบตรวจสอบเธอทันที ก่อนที่จะมีข้อมูลปรากฏขึ้นมาในหัว
ชนิด : คิเมร่าเลเวล : 83ระดับ : ศักดิ์สิทธิ์สกิล : แกะรอย หลังจากที่ล็อคเป้าหมายแล้ว แม้ว่าศัตรูจะหายไปจากสายตาแต่ก็ยังหาตำแหน่งของเป้าหมายได้, ใบมีดคิเมร่า การโจมตีทุกครั้งจะทำให้เป้าหมายช้าลงไป เมื่อโจมตีเป้าหมายเดิมใน 10 วินาทีผลของมันจะสั่งสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ศัตรูจะไม่อาจจะเอาชนะมันได้ เพิ่มเติม : ด้วยบุคลิกที่เย็นชาจึงทำให้ยากที่จะได้รับผลกระทบจากความรู้สึกใด ๆ จุดอ่อน : หากคิเมร่าไม่อาจจะโจมตีเป้าหมายได้เป็นเวลานาน ร่างกายอันเปราะบางของมันจะตกอยู่ในอันตราย“นี่สินะที่ทำให้ไมรอนไล่ล่าคนได้เก่ง ! ” เมื่ออ่านสถานะของคิเมร่าแล้ว หวังเย่าก็เข้าใจทันที
“ค้างคาวของฉันใช้ไม่ได้ผลกับเธอ เพราะความเย็นชาของเธอ ส่วนที่น่ากลัวที่สุดคือหลังจากที่โจมตีเป้าหมายได้สำเร็จจะทำให้คิเมร่านั้นแกร่งขึ้นกว่าเดิม เธอจะเร็วกว่าเดิม สกิลแบบนี้น่ะทำให้เธอเร็วพอ ๆ กับสัตว์อสูรระดับเทพได้เลย ! ”
หวังเย่าใจเต้นรัว การเผชิญหน้ากับศัตรูและสัตว์อสูรแบบนี้นั้น หวังเย่าไม่มีโอกาสที่จะชนะได้เลย !
ในตอนที่เห็นสถานะของคิเมร่า หวังเย่าก็อยากเรียกแฟนธอมออกมา
เขาไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่แฟนธอมจะมาถึงที่นี่ แต่เขาต้องยื้อเวลาให้ได้มากที่สุด
ในบึงที่ไกลออกไป แฟนธอมที่รู้สึกได้ถึงการเรียกของหวังเย่าก็ได้ทำการกระโดดขึ้นมาทันที
ตอนนี้ร่างของแฟนธอมนั้นอยู่ในร่างมนุษย์เหมือนกับคิเมร่า เขาใส่เสื้อคลุมสีดำพร้อมกับเคียวที่ด้านหลัง ดวงตาสีแดงก่ำที่ราวกับราชาของนรก !
แฟนธอมตรวจสอบเส้นทางที่หวังเย่าอยู่ และเก็บเคียวแล้วพุ่งออกมาจากบึงทันที ! “หวังเย่า แกไม่มีอะไรจะพูดแล้วสินะ ? ” ไมรอนยิ้มออกมา คำพูดของเขาราวกับข่มขู่หวังเย่า
หวังเย่ายิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น “แม้ว่าฉันจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไร แม้แต่ในสายตาแก ฉันคงไม่ได้ดีไปกว่ามด แต่…ฉันเองก็มีศักดิ์ศรี ฉันไม่มีทางกลัวการข่มขู่ของแก ถ้าแกคิดจะบังคับให้ฉันพูดอะไร แกฆ่าฉันจะดีกว่า ! ”
อยู่ ๆ กล้ามเนื้อของหวังเย่าก็ปูดขึ้นมาพร้อมกับพลังที่ปะทุออกมา
“ปากดีนี่ งั้นฉันจะลองตัดแขนกับขาแกดู ดูสิว่าแกจะปากดีแบบเดิมได้รึเปล่า ! ”
“คิเมร่า ลงมือ ! ”
ฟรืด !
เงานั้นได้พุ่งเข้าหาหวังเย่าพร้อมกับมีดที่ส่องแสงสีขาวออกมา
หวังเย่าถีบตัวกลับมาพร้อมกับธนูที่ถูกดึงออกมาจากแหวนมิติ เขาใส่ลูกธนูสามดอกแล้วเล็งไปที่เงานั่น
ฟรึบ !
คิเมร่าทำการหลบการโจมตีก่อนที่ธนูเหล่านั้นจะระเบิดขึ้นด้านหลังเธอ
“อย่าให้โดนมันโจมตี ไม่งั้นแล้วมันจะได้สกิลทับซ้อนที่แม้ว่าจะมีแฟนธอมอยู่ แต่ฉันก็ไม่อาจจะเอาชนะมันได้ ! ”
หวังเย่าเปลี่ยนตำแหน่งอย่างต่อเนื่องพร้อมกับยิงธนูโจมตีไปด้วย แต่กลับไม่โดนเลยสักดอก
ไมรอนที่ยืนอยู่ไกลออกไปมองมาที่หวังเย่าพร้อมกับหยิบหินข้าง ๆ ขึ้นมาก่อนจะปาเข้าใส่เข่าของหวังเย่า
ปัง !
หินนั้นอัดเข้าที่เข่าของหวังเย่าอย่างจัง จนเกิดเสียงกระดูกหักดังขึ้น และทำให้เขาต้องคุกเข่าลงกับพื้น
คิเมร่าได้ใช้มีดโจมตีเข้าที่มือซ้ายของหวังเย่า
ฟรืด !
มีดนั้นราวกับตัดกระดาษพร้อมเลือดที่ไหลออกมาจากมือของหวังเย่า ธนูได้ตกลงไปที่พื้นทันที
ตอนที่โจมตีหวังเย่าได้ ความเร็วของคิเมร่าก็เพิ่มขึ้นมาทันที
หวังเย่าไม่ทันได้รู้ตัว ขาขวาของเขาก็โดนฟันอีกรอบ เขาได้ทรุดลงไปกองกับพื้น
หน้าผากของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขากลิ้งตัวหลบก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยขาซ้าย และได้เอามีดออกมาจากแหวนมิติก่อนจะใช้มือขวาจับมีดเอาไว้
“ทักษะมีดพายุมังกร ! ” เขาไม่ได้สนใจมือซ้ายที่มีเลือดไหลออกมา หวังเย่าใช้มีดด้วยมือขวาสร้างพายุขึ้น พายุใบมีดนี้พุ่งออกไปทันทีแต่ตอนที่พลังของพายุจะเพิ่มถึงขีดสุดนั้น คิเมร่าก็ได้วิ่งเข้ามาหาหวังเย่าก่อนที่จะโจมตีเข้าที่มือขวาของหวังเย่า
พายุได้หยุดตัวลงพร้อมกับหวังเย่าที่ใจหล่นวูบ
มีดในมือหลุดออกจากมือก่อนจะตกลงไปที่พื้น
เลือดกระจายออกมา ขาซ้ายของหวังเย่าโดนเฉือน ตอนนี้เขาได้แต่นั่งอยู่กับพื้น
จบแล้ว !
หวังเย่ารู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในบ่อน้ำ ตอนนี้รอบตัวของเขามีแต่เลือด
เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดออกไป
“ต้านไม่ได้เลย ! ” หวังเย่ามองไปรอบ ๆ แต่ก็เห็นเพียงแค่เงาเท่านั้น
เขาเหมือนกับเป็นรูปปั้นที่ไม่อาจจะยกแขนยกขาได้ แม้ว่าจะโดนคิเมร่าโจมตี แต่เขาก็ไม่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด
อยู่ ๆ คิเมร่าก็หยุดก่อนจะไปยืนอยู่ข้าง ๆ ไมรอน
ผลของความเร็วที่เพิ่มขึ้นมานี้ทำให้คิเมร่ากลายเป็นภาพเบลอ ที่ภายนอกร่างกายของเธอมีชั้นแสงครอบคลุมอยู่ ความเร็วของเธออยู่ในระดับที่น่ากลัวเกินกว่าจะคาดถึง !
ไมรอนกระโดดลงมาจากเนินเขาแล้วค่อย ๆ เดินเข้ามาหาหวังเย่า เขาก้มตัวลงมามองที่หวังเย่าแล้วพูดขึ้น “บอกมา ตราบใดที่แกยอมบอก ผู้คุมไม่ใช่แค่จะรักษาแก แต่จะทำให้แกเป็นหัวหน้านักโทษเหมือนเดิม”
“พวกนั้นคงรับปากว่าจะพาแกออกไปจากเหมืองนี่สินะ ? แต่ถ้าแกไม่มีชีวิตแล้ว มันจะมีประโยชน์อะไร ? ”
เข่าของหวังเย่ายังมีเลือดไหลออกมาแต่สายตาของเขากลับดูมุ่งมั่น
“อย่าเสียเวลาเลย ถ้าฉันรับปากกับใครแล้ว ฉันไม่มีทางพูดออกมาง่าย ๆ หรอก แกฆ่าฉันจะดีกว่า”
เมื่อเห็นท่าทีของหวังเย่า ไมรอนก็ส่ายหน้า “ฉันยื่นข้อเสนอดี ๆ ให้แล้วแท้ ๆ แต่แกก็ยังไม่รับไว้ ดูเหมือนว่าฉันคงต้องฆ่าแก ! ”
“งั้นหรือ..” หวังเย่าเผยรอยยิ้มออกมา
“งั้นก็คงต้องลาก่อน ไอ้หนู ! ”
มีดได้โผล่ขึ้นมาในมือของไมรอน ก่อนที่เขาจะจับผมของหวังเย่าเอาไว้แล้วตั้งใจจะใช้มีดนั้นตัดคอของหวังเย่าออก
กรร !
เสียงคำรามดังขึ้นจนทำให้ไมรอนชะงักไป
เขาหันกลับไปก่อนที่จะได้ยินเสียงคำรามอีกครั้ง คลื่นเสียงนี้ฉีกเสื้อผ้าของเขาออกพร้อมกับทำให้เขากระเด็นออกไปด้วย
คลื่นเสียงนี้แม่นยำอย่างมาก หวังเย่าที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นไม่ได้รับผลกระทบจากมัน เขาไม่ได้รู้สึกถึงคลื่นเสียงนี้ด้วยซ้ำ
“ใครกัน ! ” คิเมร่าได้ไปยืนอยู่ตรงหน้าไมรอนแล้วตะโกนออกมา
จากนั้นก็มีร่างหนึ่งที่ค่อย ๆ ปรากฏตัวออกมา