ตอนที่ 521 : ลูกปัด
หวังเย่าได้ตัดเรื่องที่ไม่อาจจะเป็นไปได้ออกไปก่อนจะเริ่มทำการทดสอบ
ใช่ ! ตอนนี้หวังเย่าได้แต่ทดสอบ เขาต้องใช้หอกมิติโจมตีอย่างต่อเนื่องในทุกจุดที่คาดว่าอาจจะมีค่ายกลอยู่ หวังเย่าเองก็ไม่อยากจะทำแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะเขารู้ว่ามันเสียเวลา แต่เขาอยากที่จะไปช่วยชูหยุน และมันก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว !
หอกมิติที่แผ่แรงกดดันอันหนักหน่วงถูกสร้างขึ้นมา
สำหรับความแข็งแกร่งที่หวังเย่ามีแล้ว การสร้างหอกมิติขึ้นมานั้นกินพลังอย่างมาก หวังเย่าไม่อาจจะใช้มันออกมาได้มากนัก
เขาต้องรีบจบการต่อสู้นี้ ! และก็ต้องทำให้ได้ !
หอกมิตินับไม่ถ้วนได้พุ่งเข้าหางูปีกเงินราวกับห่าลูกธนู แต่เมื่อหอกปะทะกับตัวงูแล้วมันกลับทำให้เกิดสะเก็ดไฟสีเงินกระเด็นออกมา แต่ทว่ามันกลับไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ เลย
งูคิดว่านี่คือการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของหวังเย่าแล้ว ดังนั้นมันจึงเผยสีหน้าเยาะเย้ยออกมา หัวของมันส่ายไปมาพร้อมเกล็ดที่สะท้อนแสง
หวังเย่าผิดหวังอยู่เล็กน้อย เขาคิดผิดไปงั้นหรือ ? นี่มันไม่มีจุดอ่อนเลยรึไง ?
ไม่มีทาง ! ทุกอย่างต้องมีจุดอ่อน ตราบใดที่มีค่ายกลก็ต้องมีจุดศูนย์กลางของค่ายกลอยู่เป็นแน่ !
และตอนนั้นเอง หวังเย่าก็เห็นแสงสีทองส่องประกายออกมา !
แสงนั้นมาจากใต้เกล็ดอันหนึ่งของมัน
แสงนี้มันต่างจากแสงอื่น ๆ ! แม้แต่คนโง่ก็เดาออกได้ว่าแสงนี้มันดูพิเศษ !
หวังเย่าลังเลอยู่สักครู่ ตอนที่งูกำลังรู้สึกมั่นใจในการป้องกันของมัน และกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่นั้น เขาก็ได้สร้างหอกมิติขึ้นมาหลายเล่ม
ในเวลาเดียวกันโซ่มิติก็ถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้ง
“เตรียมตัวตายได้เลย ! ”
หอกหลายสิบเล่มพุ่งเข้าไปตรงระหว่างตาของงู พร้อมกันนั้นโซ่มิติก็ได้ดึงปีกของมันเอาไว้
เมื่อเห็นว่าหวังเย่าเลือกที่จะโจมตีตาของตน งูก็เผยสีหน้าดูถูกออกมาแต่เมื่อโซ่ตรึงปีกของมันไว้ งูก็เหมือนจะเข้าใจได้ถึงบางอย่าง แต่ตอนที่มันรู้ตัวนั้นมันก็สายเกินไปแล้ว
จุดศูนย์กลางของค่ายกลตรงใต้ปีกของมันนั้นเป็นแค่จุดเล็ก ๆสองจุดที่เชื่อมต่อกัน หากไม่ใช่เพราะงูมันส่ายตัวไปมา งั้นหวังเย่าก็อาจจะไม่สังเกตเห็น
ต้องบอกว่าฉิงจีซ่อนตำแหน่งค่ายกลไว้ในตำแหน่งที่ดีมาก
สายตาเยาะเย้ยของงูได้หายไปทันที ตอนนั้นมันกลับเหมือนเป็นแค่งูธรรมดา
เมื่อการป้องกันแบบเดิมไม่อาจจะใช้อะไรได้อีกต่อไป ความหยิ่งทะนงของมันก็หมดไปเช่นกัน !
หวังเย่าได้กระโดดขึ้นไปบนตัวงู ครั้งนี้เขาใช้หมัดซึ่งแน่นอนว่าเพียงพอที่จะสร้างความเสียหายให้กับงูได้ !
งูโดนหวังเย่าโจมตีอย่างแรง ตอนนี้หมัดของเขาไม่ต่างอะไรจากมีดเลยก็ว่าได้
แม้ว่าหวังเย่าจะต่อยเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง แต่งูนั่นก็ไม่ตาย เพราะมันคืออสูรของฉิงจี การฆ่ามันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ดังนั้นหวังเย่าจึงต้องเสียเวลากับมันต่อ
ณ.ใจกลางเมือง
ตอนที่หวังเย่าทำลายค่ายกลของงูได้นั้น ฉิงจีก็สามารถรับรู้ได้
เขาแสดงท่าทีแปลกใจออกมาก่อนจะแสดงสีหน้าดีใจ “สุดท้ายคนหัวเซี่ยก็พัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว ”
ค่ายกลนี้คือเทคนิคเก่าแก่ของคนหัวเซี่ย
ด้วยการเข้ามาของสัตว์อสูร ค่ายกลจึงถูกลืมเลือนไป
หากไม่ใช่เพราะความเบื่อกับการอยู่ว่าง ๆ ที่นี่ ฉิงจีคงไม่คิดจะศึกษาวิธีนี้เพราะค่ายกลนั้นต้องใช้เวลานานในการศึกษา
ที่หัวเซี่ยในตอนนี้หากว่ามีการนำค่ายกลมาใช้กับอสูร มันก็คงจะช่วยให้อสูรแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างมาก
หวังเย่าเองก็เบื่อกับการอ่านหนังสือเพราะเขามีระบบอยู่กับตัว ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาไปจัดการเรื่องอื่น
หากไม่ใช่เพราะการที่เคยอ่านหนังสือมาก่อน หวังเย่าคงไม่อาจจะคิดหาวิธีรับมือกับเรื่องในวันนี้ได้แน่
ตอนที่หวังเย่ากำลังโจมตีงูอยู่นั้น อยู่ ๆ ก็มีลมก่อตัวขึ้นมาพร้อมกับงูที่หายตัวไปในพริบตา
“ เรียกอสูรของตัวเองกลับไปตอนนี้เนี่ยนะ ! ”
ในฐานะผู้ใช้อสูร หวังเย่าก็รู้ว่าทำไมงูถึงได้หายตัวไป หลังจากที่งูหายตัวไปแล้ว ผึ้งพิษก็หายตัวไปเช่นกัน
หวังเย่าไม่อยากที่จะเสียเวลาต่อ เขาเรียกเสี่ยวซวีและพากันเดินหน้าเข้าไปในเมืองทันที
ตอนนั้นชูหยุนก็ยืนอยู่ที่ตรงหน้าลานหินด้านหลังประตู
“คุณพาฉันมาที่นี่ เพื่อที่จะให้ฉันมาเอาลูกปัดน่ะหรือ ? ” ชูหยุนถามขึ้นมา
“อาจจะใช่ แต่ก็ไม่” คำตอบของฉิงจีนั้นดูกำกวมอย่างมาก
“คุณหมายความว่ายังไง ? ”
ฉิงจีมองไปที่ชูหยุนก่อนจะมองไปที่ลูกปัด “ลูกปัดนี้เป็นของเธอ ฉันจะให้เธอเข้าไปเอามันมา แต่เธออาจจะเอามันมาครอบครองไม่ได้ ! ”
พูดโดยทั่วไปแล้วสมบัติแบบนี้ควรจะมีสัตว์อสูรที่เป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งคอยเฝ้าอยู่ แต่ชูหยุนมองไปรอบ ๆ แล้วแต่ก็ไม่พบกับสัตว์อสูรแม้แต่ตัวเดียว
“เธอคงคิดว่าน่าจะมีอะไรที่ปกป้องลูกปัดนี้อยู่ใช่ไหม”
ชูหยุนพยักหน้าตอบรับ
“ฉันจะบอกว่า มันไม่ใช่สัตว์อสูรที่คอยปกป้อง แต่มันเป็นอย่างอื่น”
ชูหยุนมองไปที่ฉิงจีและถามขึ้นมา “ แล้วมันคืออะไร ? ”
ฉิงจีส่ายหน้าและพูดขึ้น “ฉันเองก็ไม่รู้ ถึงแม้ว่าฉันจะดูแลที่นี่ แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
อันที่จริงฉิงจีไม่เคยเข้ามาทีนี่ ตั้งแต่ที่เธอตายไป เธอก็ได้ทำการปิดที่นี่เอาไว้
“แล้วฉันจะเอาลูกปัดมาได้ยังไง ? ” ชูหยุนอยากได้ลูกปัดนั้นมา เธอรู้สึกว่าลูกปัดนั้นกำลังเรียกหาเธออยู่
“ลองเข้าไปดู” ฉิงจีตอบกลับ
“มันง่ายแบบนั้นเลยหรือ ? ”
ฉิงจีไม่ได้ตอบอะไรออกมา แต่การเดินเข้าไปเอามันมานั้นยากเกินกว่าจะคาดถึง
หวังเย่ากับเสี่ยวซวีกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ ภายใต้การนำทางของเสี่ยวซวี สุดท้ายหวังเย่าก็มาถึงใจกลางเมืองได้
เมื่อเห็นรูปปั้นที่ยังสะอาดภายใต้สภาพแวดล้อมแบบนี้แล้ว หวังเย่าก็เดาว่ามันน่าจะเป็นที่นี่
ตอนที่หวังเย่ามองไปที่ทางเข้านั้น เขาก็พบกับประตูที่อยู่ตรงฐานของรูปปั้น
มันถูกเปิดออกโดยฉิงจี
“เพื่อนเธอมาถึงแล้ว เธอจะรออยู่ที่นี่รึเข้าไปเอามัน ? ” ฉิงจียิ้มออกมา แต่เขาดูไม่ได้มีท่าทีเป็นมิตรเลย
ชูหยุนคิดสักพักก่อนจะก้าวออกไป
เมื่อเดินมาได้สักพัก ชูหยุนก็เห็นเด็กสาวที่ดูอายุน้อยกว่าเธอปรากฏตัวขึ้นมา แต่ชูหยุนมั่นใจว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่เธอตอนเด็กอย่างแน่นอน
ที่ตาของเด็กผู้หญิงคนนั้นมีแต่ทรายเกาะเต็มไปหมด แต่ชูหยุนกลับรู้สึกคุ้นเคยกับอีกฝ่ายราวกับว่านี่คือผู้หญิงที่เป็นรูปปั้น
ชูหยุนหยุดเดินทันที ก่อนที่จะมองไปด้วยความแปลกใจ