ตอนที่ 412 ใครก็ไม่ยอมให้ใครฉลองปีใหม่ (1)
……………………………………………………………………..
วันที่ 13 กุมภาพันธ์
วันส่งท้ายปี
ตั้งแต่เช้าตรู่หยางเฉิงก็มีเสียงประทัดดังทั่วเมืองแล้ว
ย่านกวนหูหยวน
วันส่งท้ายปีตระกูลฟางก็คึกคักเป็นพิเศษเช่นกัน
คนที่สร้างความครึกครื้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นฟางหยวน
เย็นวันที่สิบสอง ฟางผิงที่ใช้หินพลังงานกระตุ้นฟางหยวน ทำให้ทะลวงด่านได้ในทีเดียว หลอมกระดูกสองครั้งสำเร็จ
เด็กสาวไม่มีความสามารถในการควบคุมพลังเท่าไหร่
เพิ่งหลอมกระดูกสองครั้งสำเร็จ เวลานี้จึงเกิดเรื่องบันเทิงขึ้นจริงๆ แล้ว
เวลารุ่งสางหลี่อวี้อิงก็ยุ่งอยู่ในครัวแล้ว ฟางหยวนจะช่วย ผลปรากฏว่าหยิบจับอะไรกลับพังซะหมด ทำเอาหลี่อวี้อิงโมโหผลักออกไปหลายครั้ง สุดท้ายจึงไล่ลูกสาวที่ช่วยก่อเรื่องยุ่งออกไปได้
ออกมาจากห้องครัว เด็กสาวก็ยังทำข้าวของพังไปตลอดทาง
คนธรรมดาที่หลอมกระดูกสองครั้ง พลังไม่นับว่าแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนต้นทั่วไปเท่าไหร่ เครื่องใช้ภายในบ้านยังคงถูกเธอทำพังไปไม่น้อย
ฟางผิงเห็นเธอเดินอย่างระมัดระวังก็กลั้นขำอยู่พักใหญ่
ฝีมือฟางหยวนไม่ได้แข็งแกร่งจริงๆ นี่หากเป็นฟางผิง วันนี้เดินลงบันไดคงไม่ได้ฉลองปีใหม่อีกแล้ว พื้นน่าจะถูกเหยียบเป็นหลุมไปหมด
ฟางหยวนกลายเป็นตัวทำลายล้าง ตอนนี้ตระกูลฟางก็ไม่ได้สนใจของเล็กน้อยพวกนี้ พังแล้วก็แค่เปลี่ยนใหม่
แต่ฟางหยวนรับไม่ได้ แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
เธอเพิ่งจะเสียเงินซื้อมือถือใหม่กลับถูกตัวเองบีบจนแตกแล้ว!
ตุ๊กตาหมีที่มักกอดตอนนอน เมื่อวานก็ถูกเธอทำขาด ตอนเช้าเพิ่งค้นพบว่าแทบจะกระจัดกระจายเป็นชิ้นๆ แล้ว
ตอนนี้ทำเอาเธอไม่กล้ากลับห้องตัวเองด้วยซ้ำ ทำได้แค่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างสงบเสงี่ยมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน แม้ฟางผิงจะเดินมาบีบแก้มเธอแรงๆ อย่างประสงค์ร้าย เธอก็ยังไม่คิดขยับตัว
เธอควบคุมพลังตัวเองไม่ได้ เมื่อครู่เพิ่งจะโต้กลับ ชกฟางผิงไปหนึ่งหมัด ปรากฏว่าใช้แรงมากเกินไป ฟางผิงไม่เป็นไร แต่มือเธอเกือบจะบวมเป่งขึ้นมาแล้ว
ตอนนี้ฟางผิงมารังแกเธออีก ฟางหยวนรู้สึกไม่เป็นธรรม ตะโกนว่า “พ่อคะ ฟางผิงรังแกหนูอีกแล้ว!”
ฟางหมิงหรงที่กำลังติดกลอนคู่ปีใหม่เอาแต่ยิ้มไม่พูดอะไร บรรยากาศในบ้านเป็นแบบนี้ถึงจะนับว่าคึกคักพอ
ฟางผิงสุขล้นอย่างยิ่ง บีบแก้มเธอก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มไปพลาง “เด็กน้อยจะเข้าใจอะไร นี่ฉันกำลังช่วยเธอทำความคุ้นชินกับพลัง”
“หลอกใครกัน!”
ฟางหยวนแค่นเสียง ใครทำความคุ้นชินกับพลังด้วยการบีบแก้มบ้าง
“จริงๆ นะ พลังของเธอไปรวมอยู่ที่หน้าหมดแล้ว ฉันช่วยบีบให้กระจายขึ้น แบบนี้ถึงจะสามารถหายได้เร็วขึ้น”
“ไม่เชื่อนายหรอก!”
“ไม่เชื่อก็แล้วแต่ อีกอย่างเธอเพิ่งจะทะลวงด่าน พลังจะไปสะสมที่ใบหน้าเยอะเกินไป ฉันไม่ใช้ปราณสลายให้ หลังจากนี้เธอต้องหน้าใหญ่ไปชั่วชีวิตแน่ ถึงฉันจะคิดว่าดูดี แต่เธอจะชอบหรือไง?”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ฟางหยวนก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง รู้สึกว่าใบหน้ามีปราณพรั่งพรูขึ้นมาอยู่บ้างจริงๆ
แต่ความรู้สึกนี้ค่อนข้างคุ้นเคย เมื่อก่อนถูกฟางผิงบีบแก้ม ก็เป็นความรู้สึกประมาณนี้เหมือนกัน
ฟางหยวนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ฟางผิงกลับเอ่ยสีหน้าจริงจังว่า “เชื่อพี่ เป็นเรื่องจริง แน่นอนว่าถ้าเธออยากจะหน้ากลมไปตลอดก็ไม่จำเป็นต้องให้ฉันช่วยแล้ว”
โอบกอดความคิดที่ว่าเชื่อไปก่อน แม้ตอนนี้ยังไม่เป็นจริงก็ตาม ฟางหยวนทำได้แค่ยอมรับชะตากรรม ปล่อยให้ฟางผิงบีบแก้มไป
หยอกล้อน้องสาวอยู่สักพัก ฟางผิงไม่ได้คิดจะรังแกเธออยู่ตลอด หัวเราะลั่นแล้วก็ไปทำเรื่องของตัวเอง
ถึงวันส่งท้ายปีเก่า อย่างอื่นไม่พูดถึง แต่สายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาต้องไม่ใช่น้อยๆ แน่
คนอื่นสวัสดีปีใหม่เขา เขาก็ต้องอวยพรคนอื่นเช่นกัน
แต่ตาเฒ่าหลี่ หลู่เฟิ่งโหรวคนพวกนี้ต่างกำลังเข้าด่านอยู่ ไม่จำเป็นต้องโทรไปรบกวน
สองคนนี้กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อกลายเป็นปรมาจารย์อย่างแท้จริง ก่อนที่ฟางผิงจะออกมาจากมหาวิทยาลัย พวกเขาก็เข้าด่าน ไม่โผล่หน้าออกมาให้เห็นแล้ว
—
ระหว่างที่ครอบครัวของฟางผิงมีความสุขสำราญใจ
นอกย่านกวนหูหยวน ข้างถนนมีรถเล็กๆ จอดอยู่คันหนึ่ง
ในรถมีคนโดยสารอยู่สามคน
ชายกลางคนนั่งอยู่เบาะหลัง ใช้สายตากวาดมองตึกสูงแห่งหนึ่งภายในเขตชุมชน กดเสียงว่า “ฟ้ามืดก็เคลื่อนไหวได้!”
เบาะข้างหน้ามีผู้คุมกฎแซ่เหมย หรือก็คือชายชราก่อนหน้านี้ ฟังจบก็เอ่ยว่า “จู่โจมตรงๆ หรือจะล่อให้เขาออกมา?”
ชายกลางคนครุ่นคิดเล็กน้อย “จู่โจมตรงๆ แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องฆ่าครอบครัวของเขา หากไม่ตายก็ไม่จำเป็นต้องฆ่า!”
พูดจบ ชายกลางคนก็เอ่ยว่า “เพื่อป้องกันเขาหลบหนี ผู้คุมกฎเหมยลงมือก่อน ให้เขารู้สึกว่ายังมีโอกาสเอาตัวรอด!”
“ฟางผิงเป็นคนที่มีความมั่นใจสูง ผู้คุมกฎเหมยอยู่ขั้นหกตอนต้น รวมถึงครอบครัวเขายังอยู่ที่นี่ เขาอาจจะไม่ตัดใจหนีไปตรงๆ ขอแค่ประมือกับเขา นั่นก็จะสกัดฟางผิงได้แล้ว เขาหนีไม่ได้หรอก!”
ชายกลางคนร่ายแผนการออกมา ขั้นห้าเจอกับขั้นหก หากยังไม่ทันลงมือก็วิ่งก่อน นั่นอาจไม่สามารถฆ่าฟางผิงได้เสมอไป
แต่ขอแค่ฟางผิงลงมือต่อสู้ นั่นต้องถูกสกัดไว้ คงหนีไม่รอดแล้ว
ส่วนจับครอบครัวฟางผิงไว้เป็นตัวประกัน จุดนี้ผู้ฝึกยุทธ์ไม่ค่อยทำกัน ไม่มีประโยชน์อะไร
ละครก็คือละคร จับครอบครัวฟางผิงเป็นตัวประกัน ให้ฟางผิงทำลายวรยุทธ์ตัวเอง นั่นเป็นการกระทำที่ปัญญาอ่อน
ขอแค่ไม่โง่ถึงขั้นนั้น ไม่มีใครทำเรื่องแบบนี้หรอก
รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการฆ่าตัวเอง ยังจะทำลายวรยุทธ์ตัวเองอีกหรือไง นอกจากช่วยเหลือคนอื่นไม่ได้แล้ว ตัวเองก็ต้องตายเหมือนกัน คนปัญญาอ่อนแบบนี้ตายไปก็ตายเสียเปล่า
ผู้คุมกฎเหมยเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกตอนต้น ฟางผิงอาจไม่หนีการต่อสู้เสมอไป
แน่นอน ไม่ตัดข้อสันนิษฐานที่ว่าฟางผิงเป็นคนเลือดเย็นออกไปเช่นกัน หากรับรู้ได้ถึงลมหายใจของผู้คุมกฎเหมยก็ละทิ้งครอบครัวหนีเอาตัวรอดไป
เจอกับสถานการณ์แบบนี้ ชายกลางคนก็คิดเผื่อแล้วเหมือนกัน
ผู้คุมกฎอีกคน ร่วมมือประสานนอกและใน ป้องกันฟางผิงไม่ให้หลบหนี
ส่วนเขาจะตามผู้คุมกฎเหมย ขอแค่ฟางผิงไม่เลือกหนี เขาก็จะหาโอกาสโจมตีสังหารอีกฝ่าย ไม่ปล่อยให้ฟางผิงมีโอกาสรอดได้
พูดจบ ชายกลางคนก็มองไปนอกหน้าต่างรถอีกครั้ง
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว
ชายกลางคนประกายสายตาเย็นเยียบ ดูท่าฟางผิงคงไม่มีโอกาสได้กินข้าวในคืนส่งท้ายปีอีกแล้ว
—
ภายในย่านกวนหูหยวน
ฟางผิงยังคุยกับสายในโทรศัพท์
ปลายสายเป็นเฉินอวิ๋นซีโทรมา
ฟางผิงไม่ได้พูดอะไรมาก จากปลายสายเขายังได้รับรู้ได้ถึงไอเย็นบางอย่างแผ่กระจายออกมาด้วยซ้ำ
ต้องมีตาเฒ่าสักคนแอบฟังหลานสาวคุยโทรศัพท์อยู่แน่
สำหรับชายชราที่ชอบแอบฟังคนอื่นอย่างเฉินเย่าถิง ฟางผิงจนใจเช่นกัน ผมไม่ได้พูดอะไรเลยเถอะ มีแต่หลานสาวคุณคุยอยู่คนเดียว คุณแค่นเสียงเป็นพักๆ มีประโยชน์หรือไง?
เฉินอวิ๋นซีมีเรื่องให้พูดไม่น้อย โดยเฉพาะถามถึงพ่อแม่และน้องสาวของฟางผิงว่าชอบของขวัญที่เธอซื้อให้หรือเปล่า เวลานี้เสียงลมหายใจจากปลายสายแทบจะหนักหน่วงขึ้นมา
ผู้เฒ่าเฉินมีแนวโน้มใกล้จะระเบิดแล้ว
นี่หลานสาวเป็นฝ่ายทุ่มเงินให้คนอื่นก่อนแล้ว!
ฟางผิงเด็กเวรนั่น เขาไม่เห็นซื้อของขวัญอะไรให้เลย
ฟางผิงไม่แทงใจผู้เฒ่าเช่นกัน เขากลัวว่าผู้เฒ่าจะฝ่าวันปีใหม่มาคิดบัญชีกับเขา
คุยเล่นกับเฉินอวิ๋นซีไม่กี่ประโยคแล้ว ฟางผิงก็วางสายไป
เขาวางสายแล้ว ฟางหยวนที่อยู่ด้านข้างค่อยๆ เดินย่องเท้าจะออกไป ปรากฏใช้แรงมากเกินไป แทบจะชนต้นบอนไซที่ระเบียงคว่ำแล้ว
ฟางผิงหมดคำจะพูดอยู่บ้าง หิ้วคอเธอขึ้นมาตรงๆ มองเด็กสาวดิ้นรนด้วยใบหน้ายิ้มอย่างพอใจ
เยี่ยม ฉันหาโอกาสได้สักที!
อยากจะมีประสบการณ์ทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว!
ทุกครั้งถูกคนอื่นหิ้วคอตลอด ตอนนี้หิ้วคอคนอื่นบ้าง ยกอีกฝ่ายขึ้นแล้ว รู้สึกฟินไม่น้อยจริงๆ
ฟางหยวนทำหน้าโมโห นับวันฟางผิงก็รังแกคนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!
ขายหน้าจะตายไม่รู้หรือไง!
สองพี่น้องเย้าแหย่กันสักพัก ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้ว ในห้องครัว หลี่อวี้อิงเตรียมอาหารฉลองคืนส่งท้ายปีเรียบร้อยแล้ว กำลังจะเอาขึ้นโต๊ะ
“กินข้าวได้แล้ว!”
คล้อยจากเสียงเรียกของแม่ ฟางผิงก็วางฟางหยวนลง เตรียมจะไปกินข้าว
เวลานี้ท้องฟ้ามืดแล้ว
ฟางผิงเพิ่งจะสาวเท้าไม่กี่ก้าว จู่ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา หันออกไปมองนอกหน้าต่าง
ฟางหยวนนวดคอตัวเองเล็กน้อย เอ่ยอย่างแปลกใจว่า “มีอะไร?”
“ไม่มีอะไร…”
ฟางผิงพูดอย่างขอไปที คิ้วยังคงขมวดมุ่น ความรู้สึกเมื่อครู่…คลื่นพลังงานอย่างนั้นเหรอ?
ตอนนี้พลังจิตใจของเขาแตะถึงแปดร้อยเฮิรตซ์แล้ว ความรู้สึกฉับไวเป็นพิเศษ
ยอดฝีมือถ้ำใต้ดินและยอดฝีมือมนุษย์ ห่างกันพันลี้ยังสามารถสัมผัสกันและกันได้ก็เพราะความแข็งแกร่งของพลังจิตใจ
การรับรู้ของพลังจิตใจและขอบเขตในการโจมตีไม่เหมือนกัน
ยอดฝีมือขั้นเจ็ดบางทีพลังจิตใจอาจโจมตีครอบคลุมในหนึ่งร้อยเมตร แต่ความสามารถในการรับรู้ กลับไม่ใช่ระยะเล็กน้อยแค่นี้ มีโอกาสขยายถึงสิบเท่าด้วยซ้ำ
แต่นอกชุมชนเล็กๆ ระยะห่างจากตึกกว่าร้อยเมตร ฟางผิงรับรู้ได้แค่เล็กน้อย ไม่ได้ชัดเจนเท่าไหร่