อนที่ 411 คืนส่งท้ายปี (2)
……………………………………………………………………..
ฟางผิงไม่ได้เปิดโปงเธอ ฟางหยวนก็ไม่อยากอวดเช่นกัน อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้รวยกว่าพี่ชาย จะถูกโจมตีได้
เล่นตุ๊กตาในมืออยู่พักหนึ่ง ฟางหยวนยิ่งมองก็ยิ่งชอบขึ้นเรื่อยๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฟางผิง ครั้งนี้ใจถึงจริงๆ ฉันยังคิดว่าอย่างมากนายคงซื้อเสื้อใหม่ให้ฉันไม่กี่ตัวซะอีก”
ฟางผิงหัวเราะว่า “ถ้าเป็นฉันคงไม่ซื้ออะไรให้สักอย่างหรอก อยากซื้อก็ไปซื้อเอง คนอื่นเอามาให้เธอต่างหาก”
“คนอื่น?”
ฟางหยวนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างตกใจ “ผู้ชายหรือผู้หญิง?”
“ผู้หญิง”
“นายมีแฟนแล้ว?”
ฟางหยวนตกใจขึ้นมาทันที เอ่ยอย่างไม่กล้าเชื่อ “นายก็หาแฟนได้เหมือนกัน?”
ฟางผิงได้ยินคำพูดนี้ รู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง เอ่ยด้วยใบหน้าดำคล้ำ “เธอหมายความว่ายังไง ตอนนี้พี่เธอเป็นที่ชื่นชอบจะตาย มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบฉันบ้าง? ทำไมพอหลุดจากปากเธอเหมือนไม่มีใครอยากได้ฉันซะอย่างนั้น?”
เจ้าเด็กคนนี้พูดเป็นหรือเปล่า?
ฟางหยวนส่ายหน้าพัลวัน “ไม่ใช่ ฉันหมายความว่า…ฉันรู้สึกว่านายไม่ได้ชอบใครง่ายๆ…”
แม้จะพูดอย่างนั้น ฟางหยวนก็คันยุบยิบในใจอยู่บ้าง “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอ? พี่ นายหาแฟนได้แล้ว หลังจากนี้จะไม่กลับบ้านแล้วใช่หรือเปล่า? จะไม่ซื้อของขวัญให้ฉันอีกแล้ว? อีกอย่าง อีกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาขี้เหร่หรือเปล่า? นายจะรีบหาแฟนทำไม ทั้งฉันยังไม่รู้จักอีกด้วย ยังไม่สู้รอสักปีสองปี ฉันมีเพื่อนสวยๆ เยอะจะตาย เป็นแฟนกับคนที่สนิทคุ้นเคยจะดีกว่า…”
หาคนของสมาคมหยวนผิงเป็นสะใภ้ ดีจะตายไป
หลังจากนี้ตระกูลฟางก็ยังมีฉันเป็นใหญ่อยู่ดี
ฟางผิงคร้านจะสนใจเธอ หัวเราะว่า “ไม่ต้องมาไร้สาระ แฟนอะไรกัน เพื่อน เพื่อนผู้หญิงเข้าใจหรือเปล่า?”
ฟางผิงไม่พูดมากเช่นกัน ไม่นานก็เปลี่ยนไปประเด็นอื่น “หลายวันนี้ถือโอกาสที่ฉันอยู่บ้านตั้งใจฝึกวิชาหน่อย ดูว่าจะหลอมกระดูกครั้งที่สองสำเร็จหรือเปล่า”
หลอมกระดูกสองครั้ง ครั้งที่สามน่าจะไม่มีหวังแล้ว
เด็กคนนี้ไม่นานก็จะสามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์อย่างเป็นทางการ
แต่ฟางผิงมองรูปร่างเตี้ยเล็กของเธอก็เอ่ยต่อว่า “หลอมกระดูกสองครั้งแล้ว อย่าเพิ่งรีบทะลวงด่าน รออีกสักพักก่อน”
ทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์เร็วเกินไป นั่นจะทำให้การสร้างกระดูกหยุดชะงักได้จริงๆ
ตอนนี้เด็กแสบสูงแค่นี้ แม้ฟางผิงจะรู้สึกว่าน่ารัก แต่หากตัวเตี้ยขึ้นมาจริงๆ ก็น่าเกลียดแล้ว
เด็กผู้หญิงอายุเท่านี้ เจริญเติบโตเร็วเหมือนกัน เติบโตพอประมาณแล้ว กระดูกจะหยุดชะงักก็ไม่เป็นไร
ส่วนเรื่องหน้าตา ตัวจ้ำม้ำ หน้ากลมดิ๊ก เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับกระดูก ปล่อยให้เด็กแสบหน้าตาแบบนี้ไปละกัน
—
พี่น้องสองคนพูดคุยกันไม่นานหลี่อวี้อิงก็กลับมาจากการซื้อของ ยังถือของมาอีกหลายถุง
ตอนเย็นฟางหมิงหรงก็กลับมาเร็วเช่นกัน
ถามเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่มหาวิทยาลัยกับฟางผิงง่ายๆ แล้ว ฟางหมิงหรงก็ไม่พูดมากอีก
แม้จะไม่ได้ถามลงลึกก็ไม่ได้หมายความว่าฟางหมิงหรงไม่รู้อะไรเลย
อย่างน้อยบางเรื่องเขายังคงรู้ ไม่กี่วันก่อนลูกชายกลายเป็นเลขาธิการคณะกรรมการมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องกึ่งทางการ
คนในพื้นที่อื่นๆ อาจไม่รู้เสมอไป
แต่ทางหยางเฉิง ตอนนี้มีคนที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับฟางผิงอยู่ไม่น้อย
ข่าวที่ฟางผิงกลายเป็นเลขาธิการคณะกรรมการมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ถูกเผยแพร่ออกมา ทั่วทั้งศาลาว่าการต่างถกประเด็นเรื่องนี้
ไป๋จิ่นซานผู้บัญชาการเมืองหยางเฉิงเจอกับฟางหมิงหรงยังพูดทีเล่นทีจริงว่าหลังจากนี้เจอฟางผิงอาจต้องเรียกว่าหัวหน้าแล้ว
คำพูดนี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องล้อเล่นเช่นกัน
หากยึดตามระดับการบริหาร มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีระดับเท่ากับทำเนียบผู้ว่าจริงๆ
คณะกรรมการมหาวิทยาลัยก็เป็นองค์กรสำคัญของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ นอกจากอธิการบดีแล้ว สมาชิกคนอื่นๆ แทบมีตำแหน่งไม่ต่างจากรองผู้ว่าคนอื่นๆ
หากคำนวณตามลำดับการบริหาร ฟางผิงยังสูงกว่าไป๋จิ่นซานอยู่หลายขั้น
ฟางผิงอาจจะเปรียบเทียบยาก แต่อีกตำแหน่ง นั่นนับว่าอยู่สูงกว่าไป๋จิ่นซานจริงๆ หวังจินหยาง เขาเป็นรองผู้ว่าอย่างแท้จริง
ทั้งก่อนหน้านี้หวังจินหยางแพ้ให้กับฟางผิง มหาวิทยาลัยหนานเจียงยังห่างไกลจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อยู่ไม่น้อย คำนวณแบบนี้ ตำแหน่งของฟางผิงก็อยู่สูงกว่าแล้ว
เมืองเล็กๆ อย่างหยางเฉิง เกิดอัจฉริยะรุ่นใหม่ขึ้นมาสองคน ช่วงนี้ไป่จิ่นซานกลัดกลุ้มจนแทบหัวหงอก
นี่เป็นเรื่องดี ทั้งเป็นเรื่องไม่ดีในเวลาเดียวกัน
เรื่องดี นั่นเพราะเมืองหยางเฉิงมีชื่อเสียง ทั้งมีพื้นฐานที่ดีขึ้นมาแล้ว
ส่วนเรื่องไม่ดี หยางเฉิงมีชื่อเสียง ตำแหน่งสูงขึ้นแล้ว ผู้บัญชาการเมืองขั้นสามสูงสุดอย่างเขา เห็นได้ชัดว่าฝีมือด้อยเกินไป
เดิมทีผู้บัญชาเมืองระดับอำเภอ ถึงขั้นสามสูงสุดได้นับว่าไม่เลวแล้ว
แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าอ่อนแอเกินไปจริงๆ
เรื่องของไป๋จิ่นซาน ฟางผิงไม่คิดสนใจ ทั้งไม่อาจสนใจได้เช่นกัน ใครเป็นผู้บัญชาการหยางเฉิง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขามากมาย ขอแค่ไม่ใช่เจ้าปัญญาอ่อนฉินเฟิ่งชิงก็ไม่มีปัญหาแล้ว
เวลาอาหารเย็นฟางหยวนก็บอกความลับกับพ่อแม่ยกใหญ่ ของขวัญที่ฟางผิงเอากลับมาไม่ใช่เขาซื้อมาเอง แต่ผู้หญิงคนหนึ่งซื้อให้
เรื่องนี้กลับทำให้พ่อแม่เค้นถามอยู่พักใหญ่
ฟางผิงไม่คิดปิดบังเช่นกัน แน่นอนว่าไม่ได้พูดอะไรมาก เอ่ยถึงเฉินอวิ๋นซีเป็นพิธีเท่านั้น
—
ฟางผิงกลับมาหยางเฉิงกลับไม่ได้เป็นที่สะดุดตาจนเกินไป
เขากลับมาก็เพื่อวางแผนพักผ่อนเงียบๆ ไม่อยากถูกใครรบกวน
กระทั่งอู๋จื้อหาวเอ่ยถึงเรื่องเลี้ยงรุ่นเพื่อนมอปลาย ฟางผิงก็ปฏิเสธอ้อมๆ เช่นกัน หากเลี้ยงรุ่นก่อนจะกลับพอได้ แต่ตอนนี้ช่างเถอะ
อยู่บ้านไม่กี่วันนี้ พ่อแม่เตรียมพร้อมเรื่องฉลองปีใหม่ ฟางผิงก็ไม่ได้ว่าง ฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้หลอมเส้นลมปราณทั้งยังชี้แนะการฝึกวิชาให้ฟางหยวนไปพลาง
เขาไม่นับว่าหลอมช้าเลย เส้นลมปราณหลักสิบสี่เส้น หลายวันนี้ฟางผิงหลอมไปแล้วสี่เส้น นับว่าก้าวหน้าเร็วทีเดียว
ทะลวงด่านวันที่สิบห้าจนถึงตอนนี้ยังไม่ถึงยี่สิบวันเลย
หลอมเส้นลมปราณหลักยากกว่าหลอมเส้นลมปราณย่อยอยู่บ้าง ขึ้นรูปเส้นลมปราณใหม่ อันที่จริงต้องใช้เวลาอยู่เหมือนกัน
ห้าวันหลอมเส้นลมปราณหลักได้หนึ่งเส้นนับว่าเร็วแล้ว ผ่านไปสองเดือน เขาก็สามารถขึ้นรูปเส้นลมปราณสำเร็จแล้ว
เส้นลมปราณย่อยสองร้อยหกเส้น น่าจะเร็วยิ่งกว่านี้ บางทีสิบเดือนก็อาจเพียงพอแล้ว
สรุปแล้วเวลาหนึ่งปีทำให้การฝึกวิชาของฟางผิงขาดแรงขับเคลื่อนไปไม่น้อย หลายวันนี้หลักๆ กลับพุ่งเป้าไปที่ฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ รวมถึงฝึกหลอมกึ่งร่างทองด้วยเช่นกัน
หลอมกึ่งร่างทองกลับไม่ยากเท่าไหร่ ฟางผิงแค่ต้องใช้ปราณจำนวนมากวิ่งผ่านเนื้อหนังและเส้นลมปราณไม่หยุดหย่อนเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องอื่นมากมาย
วันที่ 6 กุมภาพันธ์
วันที่ยี่สิบตามปฏิทินจีน
หวังจินหยางที่ปีก่อนไม่ได้กลับมาฉลองปีใหม่ ปีนี้เลือกกลับมาที่หยางเฉิง
เหมือนกับฟางผิง หวังจินหยางกลับมาอย่างเงียบๆ เช่นกัน
ฟางผิงรู้เหมือนกันว่าเขากลับมา แต่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกัน คืนส่งท้ายปีกำลังจะมาถึง ฉลองปีใหม่แล้วค่อยนัดพูดคุยกันก็ไม่สาย
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ช่วงเวลาเฉลิมฉลองปีใหม่ของหยางเฉิงก็คึกคักขึ้นเรื่อยๆ
ตระกูลฟางอยู่ในบรรยากาศเฉลิมฉลองเช่นกัน
มีฟางหยวนอยู่ที่บ้านคงไม่อาจสงบสุขได้ เด็กแสบคนนี้ทำตัวยุ่งตลอดเวลา ฟางผิงมาถึงบ้าน แทบจะถูกเธอบงการจนหัวหมุน
อย่างเช่นเรื่องทำความสะอาด นั่นเป็นหน้าที่ของฟางผิงทั้งหมด
ไม่ใช่อะไรหรอก ฟางผิงสามารถบินได้
เช็ดกระจกเอยอะไรเอย ฟางผิงเหมาะสมที่สุดแล้ว ฟางหยวนถึงกระทั่งแนะนำให้ฟางผิงฉวยโอกาสช่วงปีใหม่เปิดบริษัทรับทำความสะอาด ช่วยคนทำความสะอาดโดยเฉพาะ ฟางผิงแทบจะหยิกแก้มนั่นของเธอจนกลายเป็นหมั่นโถวแล้ว
ให้ยอดฝีมือขั้นห้าไปรับจ้างทำความสะอาด เจ้าเด็กแสบกล้าพูดออกมาจริงๆ
—
มีเรื่องให้ทำเต็มไปหมด ฟางผิงแทบจะทิ้งเรื่องถ้ำใต้ดินและมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไว้ข้างหลังทั้งหมด
ตอนที่ไม่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ เขาเอาแต่มุ่งจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ อยากจะอยู่เหนือคนธรรมดา
รอจนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์จริงๆ รู้เรื่องถ้ำใต้ดิน ความกดดันก็มากขึ้นตาม
อย่ามองว่าปกติฟางผิงวางท่าสบายๆ ในความเป็นจริงกลับมีแรงกดดันอยู่ตลอด
เขาไม่ได้กังวลอนาคตของมนุษย์ชาติ นั่นไม่ใช่ความรับผิดชอบของเขา อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ใช่ เขายังไม่มีคุณสมบัตินั้น
เขากังวลเรื่องของตัวเอง ครอบครัวและเพื่อนพ้องต่างหาก…
ทางเดินถ้ำใต้ดินอุบัติอย่างไม่ขาดสาย ภัยคุกคามนับวันก็มากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนที่สองฝ่ายจะเข้าสู่สงครามใหญ่อย่างเต็มรูปแบบ หากเขาไม่มีความสามารถ อย่าพูดว่าคนอื่นเลย ตัวเองยังจะเอาไม่รอด
แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นทำให้เขาคิดอยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา
นี่ถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ติดต่อกัน ไม่งั้นฟางผิงอาจไม่คิดทำอะไรเสมอไปหรอก
หลายวันนี้ฟางผิงอยู่บ้านด้วยความรู้สึกผ่อนคลายปล่อยวางแรงกดดัน นับว่ามีความสุขไม่น้อยเช่นกัน
ทั้งคืนส่งท้ายปีก็กำลังมาถึงแล้ว