ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 410.2 ฟางผิงจะต้องตาย (2)

ตอนที่ 410.2 ฟางผิงจะต้องตาย (2)

ตอนที่ 410 ฟางผิงจะต้องตาย (2)

……………………………………………………………………..

เรื่องนี้ฟางผิงคาดการณ์มาก่อนแล้ว แค่นึกไม่ถึงว่าฉินเฟิ่งชิงจะเป็นฝ่ายหาเรื่องโดนอัดถึงขนาดนี้

เขาคิดว่าฉินเฟิ่งชิงน่าจะเพิ่มความยากในการทดสอบของถังเหวินแค่เล็กน้อย สร้างความลำบากให้อีกฝ่ายเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าฉินเฟิ่งชิงจะใช้กำลังออกไปตรงๆ นี่ทำให้ฟางผิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน…เจ้าหมอนี้…จิตใจคับแคบจริงๆ

หาคนไม่เจอ ฟางผิงก็ไม่คิดจะหาต่อ กลับไปค่อยลองโทรศัพท์ดูก็ได้ เจ้าหมอนี้หลบได้ไม่นานหรอก

ไม่มีทรัพยากรฝึกวิชา เขาร้อนใจยิ่งกว่าฟางผิงซะอีก ไม่ช้าก็เร็วคงโผล่หัวออกมา

ก่อนเดินทางฟางผิงยังเจอเฉินอวิ๋นซีที่ใต้ตึกหอพัก

เฉินอวิ๋นซียังไม่ได้กลับไป ตั้งใจมารอเขาที่นี่โดยเฉพาะ ทั้งยังส่งของขวัญให้เขาจริงๆ

ของมีสามชิ้น

สองชิ้นในนั้นให้พ่อกับแม่ของเขา ไม่ได้เป็นของขวัญพิเศษอะไร เป็นของที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป

ของขวัญชิ้นที่สามมอบให้ฟางหยวน ของขวัญชิ้นนี้กลับทุ่มเทไม่น้อย

เป็นตุ๊กตาคริสตัลที่น่ารักอย่างมากตัวหนึ่ง ใบหน้ากลมเกลี้ยง ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้ แต่เป็นมือของตุ๊กตากำลังกอดก้อนทองขนาดใหญ่อยู่!

ฟางผิงรับมาแล้วก็ประมาณน้ำหนักดู ผ่านไปสักพักก็เอ่ยอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่า “นี่คือทองจริงๆ?”

ทองก้อนนั้นทำมาจากทองจริงๆ

เฉินอวิ๋นซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้มว่า “นายไม่คิดว่ามันน่ารักหรือไง? ฉันว่าน้องฟางหยวนต้องชอบแน่ๆ…”

ฟางผิงยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน “ฉันก็ว่าเธอน่าจะชอบเหมือนกัน”

อาจจะไม่ได้ชอบตุ๊กตาที่น่ารักตัวนี้ ประเด็นอยู่ที่ทองก้อนทำมาจากทองจริงๆ แต่วัสดุของตัวตุ๊กตาก็ทำจากคริสตัลธรรมชาติ

ตุ๊กตาตัวนี้ราคาไม่ใช่ถูกๆ อยู่แล้ว

แน่อนว่าสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ โดยเฉพาะเฉินอวิ๋นซีที่ในบ้านมีปรมาจารย์ที่ใกล้เข้าสู่ขั้นแปด นี่คงเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

ไม่พูดถึงตระกูล ตัวเฉินอวิ๋นซีเองครั้งนี้ก็ได้รับอะไรกลับมาจากถ้ำใต้ดินหนานเจียงไม่น้อยเหมือนกัน

ฟางผิงยัดตุ๊กตาใส่หีบสัมภาระแล้วก็ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ฟางหยวนได้รับต้องดีใจมากสินะ?

เขาไม่อาจพูดปฏิเสธเช่นกัน เก็บของไปแล้วก็เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “ฉันคงไม่ส่งอะไรให้เธอแล้ว ส่วนอธิการเฉินกับพ่อแม่ของเธอ ฝากทักทายแทนฉันด้วยละกัน…”

“อื้ม เดินทางปลอดภัยล่ะ”

เฉินอวิ๋นซีไม่สนใจเรื่องนั้นเช่นกัน โบกมือแล้วก็ทอดสายตาส่งฟางผิงขึ้นรถ

ฟางผิงขึ้นรถแล้ว ไม่นานก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว

ระหว่างที่ฟางผิงขับรถออกจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้ไม่นาน

สถานที่บางแห่งในหนานเจียง

ห้องพักไม่ใหญ่ในอาคารธรรมดาแห่งหนึ่ง ตอนนี้มีทั้งชายและหญิงมารวมตัวกัน

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งในนั้นตัดสายโทรศัพท์ เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ฟางผิงออกจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้ว”

“นายท่าน ต้องลงมือกับฟางผิงจริงๆ เหรอ?”

สิ้นเสียงของชายวัยกลางคน ชายชราด้านข้างก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นชายวัยกลางคนมองมาก็ค้อมกายว่า “ฟางผิงเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมมากมาย พวกเราเสี่ยงลงมือกับเขา หากดึงดูดความสนใจของปรมาจารย์ยอดฝีมือของเซี่ยงไฮ้ ผมคิดว่าจะเป็นเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสีย”

ชายวัยกลางคนเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ฟางผิงไม่ใช่สิ่งที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ เป็นเพราะเขาทำให้ผู้ธรรมบาลลัทธิศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกฆ่าไปหลายคน! บัญชีแค้นนี้ฉันไม่ลืมเด็ดขาด! ทั้งฟางผิงเอง ครั้งนี้ก็ทำประโยชน์และก่อผลกระทบในถ้ำใต้ดินหนานเจียงไม่น้อยเช่นกัน หลี่ฉางเซิงและหลิวพั่วหลู่ต่างเป็นคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ถ้าไม่มีการชักนำจากฟางผิง สองคนนั้นอาจไม่ออกแรงช่วยหนานเจียงเสมอไป ผลปรากฏว่าหลี่ฉางเซิงสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดไปหนึ่งคน ทำให้สถานการณ์ของถ้ำใต้ดินหนานเจียงพลิกเปลี่ยน…”

ชายชราลังเลอยู่บ้าง แต่ผ่านไปสักพักก็เอ่ยว่า “ผมกังวลว่าสังหารฟางผิงจะทำให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเราโดยตรง ตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ให้ความสนใจแต่เซี่ยงไฮ้ ปรมาจารย์ยอดฝีมือภายในมหาวิทยาลัยก็ไม่เคยใส่ใจเรื่องภายนอกมาโดยตลอด อีกอย่าง…นายท่าน…พวกเรา…เป้าหมายของพวกเราไม่ได้จะให้ยอดฝีมือมนุษย์บาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก แต่เป็น…”

ชายชราพูดไม่ทันขาดคำ ชายวัยกลางคนก็สีหน้าเยียบเย็นขึ้นมาชั่วพริบตา “นายกำลังสงสัยอะไร? ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ไม่ไช่พวกเดียวกับถ้ำใต้ดิน เป้าหมายของลัทธิศักดิ์สิทธิ์คือป้องกันการรุกรานจากถ้ำใต้ดิน! แต่ตอนนี้พวกหัวรั้นขัดขวางในการกำจัดภัยคุกคามของพวกเรา! เป็นเพราะพวกนั้นทั้งหมดทำให้ทางเดินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขตแดนเชื่อมต่อกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ ถ้าใช้กลยุทธ์ของลัทธิให้เร็วหน่อย ใช้เขตแดนหนึ่งในนั้นเป็นเป้าหมาย เชื่อมต่อโลกและเขตแดนอีกโลกหนึ่งได้ คงไม่อาจมีการควบคุมกฏได้อีก! พวกเราสามารถผ่านเขตแดนหนึ่งเพื่อเข้าไปถ้ำใต้ดินสังหารยอดฝีมือถ้ำพวกนั้น กำราบพวกเขาให้ราบคาบได้โดยตรง ไม่ใช่เหมือนตอนนี้ ถูกรุกรานไม่ขาดสาย…”

ทุกคนไม่พูดอะไรอีก ชายชราที่สงสัยเมื่อครู่ เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “นายท่าน เจ้าลัทธิเคยพูดว่าพลังชีวิตของมนุษย์และปราณถูกทางเดินดูดกลืนเป็นจำนวนมากถึงสามารถทะลวงขยายทางเดินพวกนี้ ดำเนินการหลอมรวมขึ้นมา…”

ชายชรายังไม่ทันพูดสิ่งที่สงสัย กลับเผยความหมายทั้งหมดออกมาแล้ว

ชายวัยกลางคนเผยแววตาเยียบเย็นมองเขา เอ่ยว่า “จริงอยู่แล้ว สละชีพคนบางส่วนจะสามารถทะลวงปราการของโลกได้ นายกำลังสงสัยในคำพูดของเจ้าลัทธิอย่างนั้นเหรอ? นายรู้หรือเปล่าว่าทำไมสถานที่ที่มีคนเยอะก็ยิ่งมีโอกาสที่ทางเดินจะปรากฏขึ้น?”

“เพราะขอแค่มนุษย์มีชีวิตอยู่ ก็พรั่งพรูพลังปราณได้ไม่ขาดสาย นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ทางเดินปรากฏขึ้น ทางเดินของโลกไม่ได้มีก่อนอยู่แล้ว แต่คนมากขึ้น เกิดพลังปราณที่แข็งแกร่งเกินไป กระจัดกระจายในอากาศ นี่จึงก่อให้เกิดทางเดินขึ้นมา ดังนั้นจำเป็นต้องสละชีวิตคนบางส่วน นอกจากเพื่อทะลวงปราการของโลกแล้ว ยังลดโอกาสการเกิดทางเดินน้อยลง บางทีนายอาจคิดว่าเป็นเรื่องโหดร้าย แต่เทียบกับความอยู่รอดของมนุษย์ชาติ เสียคนไปส่วนหนึ่งถึงจะทำให้คนอื่นๆ ใช้ชีวิตได้ดีกว่า เปิดอีกเขตแดนขึ้นมา ให้ผู้ฝึกยุทธ์และคนทั่วไปต่อสู้ในเขตแดนนี้ หากตายก็จะกระทบแค่พื้นที่เดียว ไม่ได้ส่งผลกระทบไปทั้งโลก! เรื่องทั้งหมดนี้ คนหัวรั้นพวกนั้นไม่เข้าใจ แต่พวกเขายังเลือกวิธีที่โง่ที่สุด ทำให้โลกถูกรุกรานขึ้นเรื่อยๆ! หากเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วมนุษย์ชาติต้องล่มสลายในมือพวกเขาแน่!”

“พวกหลี่ฉางเซิงถูกขนานนามว่าเป็นวีรบุรุษของมนุษย์ชาติ กลับไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนโง่อย่างพวกเขาถึงทำให้มนุษย์ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากขึ้นเรื่อยๆ! คนโง่พวกนี้ ในเมื่อยินดีจะสละชีวิตเพื่อมนุษย์ งั้นตายในถ้ำใต้ดินก็ดีแล้ว! ส่วนฟางผิง ช่วยเหลือพวกโจรทำความชั่ว นอกจากร่วมมือกับพวกจางติ้งหนานแล้ว ยังล่อสังหารผู้ธรรมบาลลัทธิศักดิ์สิทธิ์ของเรา เดิมทีเขาเองก็เป็นพวกหัวรั้นอยู่แล้ว! ไม่สิ นักศึกษาและอาจารย์ของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ล้วนเป็นพวกหัวรั้นกันทั้งหมด!”

“เป็นเพราะพวกเขามองการอุทิศเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ใช้วิธีการผิดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียง ทำให้มนุษย์ตกอยู่ในอันตรายและลำบากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ฉวยโอกาสที่ยังไม่ปะทุสงครามเต็มรูปแบบ ต้องเปิดทางเดินจำนวนหนึ่งขึ้นมาให้เขตแดนเชื่อมต่อถึงกัน ให้มนุษย์พื้นที่อื่นๆ อพยพมาอยู่ในเขตแดนพวกนี้ ไม่มีการคงอยู่ของมนุษย์แล้ว…บางทีทางเดินอาจจะปิดลงเองก็ได้!”

“บางที?”

ชายชราพึมพำ คำพูดนี้แสดงถึงความไม่แน่นอนอย่างเห็นได้ชัด

นี่จะใช้พนันกับอนาคตของมนุษย์ชาติ!

เสียงพึมพำของชายชราทำให้ชายวัยกลางคนเผยแววตาเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ

กระทั่งพวกนายยังเริ่มสงสัย ไม่มั่นใจแล้วอย่างนั้นเหรอ?

ไม่ช้าก็เร็วต้องมีวันหนึ่ง พวกนายจะเข้าใจว่าลัทธิศักดิ์สิทธิ์ต่างหากที่จะเป็นผู้ช่วยเหลือมนุษย์ชาติ

เสียสละคนส่วนหนึ่งเพื่อมนุษย์ชาติทั้งหมด ทำไมจะไม่ได้?

ตอนนี้คนหัวรั้นพวกนั้นก็วางแผนจะสละชีวิตคนบางส่วนเพื่อช่วงชิงเวลาให้มนุษย์ชาติไม่ใช่หรือไง?

แต่เจ้าโง่พวกนั้นจนถึงตอนนี้ยังไม่ดูดซับคำสอนไปอีก คนทั่วไปถึงจะเหมาะสมในการเสียสละที่สุด หากมนุษย์ตายไปเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ อัจฉริยะแนวหน้าเหลือสิบเปอร์เซ็นต์ นั่นจะยิ่งดีกว่าตอนนี้ซะอีก!

ไม่ใช่เหมือนตอนนี้ ให้ผู้ฝึกยุทธ์แนวหน้าสละชีวิต นี่เป็นนโยบายที่โง่ที่สุดในหลายร้อยปีมานี้!

ความหวังของมนุษย์ชาติจำนวนมากต้องมาถูกพวกโง่งมส่งไปตายในถ้ำใต้ดินเสียเปล่า

แต่คนที่เลี้ยงดูเอาไว้ กลับเป็นพวกคนยังไง?

คนธรรมดาที่เอาแต่กินนอนอย่างเดียว เสวยความสุขและความสบาย ทั้งยังบ่นพร่ำต่อความไม่ยุติธรรมในสังคม หากจะตายก็ควรเป็นคนพวกนี้ที่ตายก่อน ไม่ใช่พวกเขา!

ในหัวชายวัยกลางคนผุดความคิดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ท้ายที่สุดก็คลายความเยือกเย็นลง เอ่ยเบาๆ “ไม่ว่ายังไงก็ต้องฆ่าฟางผิง! ในเซี่ยงไฮ้พวกเราไม่สะดวกลงมือ แต่พอถึงหนานเจียง ตอนนี้หนานเจียงไม่ได้มียอดฝีมือเท่าไหร่ แน่นอนว่าพวกท่านผู้ธรรมบาลลัทธิ ครั้งนี้ไม่สะดวกลงมือ จะถูกคนจับตามองได้ง่าย ภารกิจสังหารฟางผิงจึงมอบให้พวกเราทำ ฝีมือของฟางผิงแข็งแกร่ง จุดนี้เห็นได้จากการแข่งขันแลกเปลี่ยน หลังจากเขาทะลวงขั้นห้า บางทีอาจจะเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าตอนปลายแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ฉันจะเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง เจิ้ง เหมย ผู้คุมกฎทั้งสองเคลื่อนไหวพร้อมกับฉัน”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนในห้องต่างก็ตกตะลึงอยู่บ้าง

ชายกลางคนเป็นยอดฝีมือขั้นหกสูงสุด

ยังเรียกชื่อผู้คุมกฎทั้งสองไปด้วย หนึ่งในนั้นก็คือชายชราเมื่อครู่ ทั้งยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกทั้งหมด

ฆ่าเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นห้า เคลื่อนไหวขั้นหกสูงสุดหนึ่งคน ขั้นหกอีกสองคน ในสถานการณ์ที่ระดับสูงไม่ออกมา ถือว่าให้ความสำคัญไม่น้อย

ครั้งก่อนล้อมฆ่าฟางผิง เคลื่อนไหวระดับสูงออกไป ปรากฏว่าทำให้ระดับสูงตายไปหลายคน

ตอนนี้เบื้องบนของมนุษย์กำลังจับจ้องอยู่ เคลื่อนไหวระดับสูงจะดึงดูดความสนใจได้ง่าย

ภายใต้เงื่อนไขนี้ ขั้นหกสามคนสังหารขั้นห้าตอนต้นคนหนึ่งเพียงพอให้ความสำคัญกับฟางผิงแล้ว

ชายวัยกลางคนถึงกระทั่งตัดสินใจลงมือด้วยตัวเอง ชายชราจึงไม่อาจพูดมากอีก ทำได้เพียงเอ่ยอย่างลังเลว่า “จะลงมือที่หยางเฉิงอย่างนั้นเหรอครับ?”

ชายกลางคนพยักหน้าเบาๆ

ในหยางเฉิง ฟางผิงถึงจะหนีไม่ได้ อย่างน้อยหากยังไม่สิ้นหวังจริงๆ คงไม่หนี

เพราะครอบครัวของเขาอยู่ที่นั่น!

ในสถานที่อื่น หากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าคิดจะหลบหนี ขั้นหกอาจไม่สามารถสังหารได้ง่ายๆ เสมอไป

แน่นอนว่าทางที่ดีครอบครัวของฟางผิงจะตายง่ายๆ ไม่ได้

ตายไปแล้ว ฟางผิงก็ไม่มีเรื่องให้พะวง งั้นก็ฆ่าเขาได้ยากแล้ว หากเขาหนีกลับมาเซี่ยงไฮ้ ฆ่าฟางผิงในเซี่ยงไฮ้ นั่นไม่ใช่เป้าหมายของพวกเขา

ครุ่นคิดแล้วชายกลางคนก็เอ่ยว่า “เคลื่อนไหวในคืนส่งท้ายปี!”

วันนั้นยอดฝีมือจำนวนมากจะหลั่งไหลเข้าไปเฝ้าระวังในถ้ำใต้ดิน หลังจากพวกเขาฆ่าฟางผิงแล้วก็จะสามารถหลบหนีอย่างปลอดภัยได้

ครั้งนี้ฟางผิงจะต้องตาย

สังหารผู้ธรรมบาลไปเยอะขนาดนั้น กระทั่งเจ้าลัทธิยังเกลียดฟางผิงเข้ากระดูกดำ ฆ่าฟางผิงแล้วกลับไปหาลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ลัทธิศักดิ์สิทธิ์คงไม่หวงรางวัลอยู่แล้ว…บางทีเขาอาจใช้โอกาสนี้เข้าสู่ขั้นเจ็ดได้เหมือนกัน!

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Score 10
Status: Completed
ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์

Options

not work with dark mode
Reset