ตอนที่ 380 ถ้ำใต้ดินที่ยุ่งเหยิง (1)
นอกเมืองจู้หลิว
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยเสียงเบา “เธอจะเข้าไปตอนนี้จริงๆ เหรอ?”
“นี่เรียกว่าที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเขาน่าจะคาดไม่ถึงว่าเวลานี้ผมยังจะกล้ากลับมาอีก ขนาดคุณยังไม่เชื่อเลย พวกเขาจะกล้าเชื่อได้ยังไง?”
“อันตรายเกินไปอยู่ดี!”
ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัวเล็กน้อย คิดว่าเมืองจู้หลิวเป็นบ้านเธอจริงๆ หรือไง?
หากครั้งนี้ถูกพบตัวเข้า จะรุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อนอีก
เรื่องก่อนหน้านี้เขาได้ฟังจากฟางผิงแล้วเหมือนกัน
อันที่จริงต้นหลิวปีศาจถูกรั้งไว้ด้วยเรื่องบางอย่างถึงเปิดโอกาสให้เขาได้
รวมกับครั้งแรกคนของเมืองจู้หลิวไม่ได้เตรียมการป้องกันไว้ ตอนนี้ฟางผิงหนีเข้าไปในใต้ดินอีกครั้ง ไม่นานจะถูกค้นพบแน่
เขาขุดดิน เคลื่อนไหวแค่เล็กน้อยเกรงว่าต้นหลิวปีศาจคงจะรับรู้ได้แล้ว
“ดังนั้นคุณถึงต้องร่วมมือกับผมยังไงล่ะ”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผมไม่ได้คิดจะเคลื่อนไหวตอนนี้ ยังไม่รู้ว่าขั้นเก้าคนนั้นจะกลับมาหรือเปล่า ผมวางแผนจะรอทีมสนับสนุนมาก่อน มีกองหนุนมาล่อขั้นเก้าไปแล้ว ถึงเวลานั้นคุณต้องออกแรงสร้างความเคลื่อนไหวหน่อย ล่อยอดฝีมือที่เหลือภายในเมืองไปอีกครั้ง ส่วนต้นหลิวปีศาจ อย่างมากผมก็แค่ไม่เข้าไปเมืองชั้นใน ผมเก็บงำลมหายใจได้ หาที่ซ่อนตัวสักแห่งก็ไม่เป็นไรแล้ว”
ตาเฒ่าหลี่ยังคงลังเลอยู่บ้าง ฟางผิงเอ่ยเสียงเบาว่า “ถ้าคุณใจกล้าพอ งั้นก็ล่อต้นหลิวปีศาจออกไปด้วยเลย ผมจะหาวิธีระเบิดแหล่งแร่ของพวกเขา!”
ตาเฒ่าหลี่หน้าซีดเผือด!
แม่งเหอะ นี่จะรนหาที่ตายจริงๆ แล้ว
ระเบิดแหล่งแร่ แม้ขั้นเก้าสองคนจะตายก็คงจะลุกมาไล่ฆ่าให้ฟางผิงตกตายตามกัน ไม่ตายไม่เลิกรา
ประเด็นอยู่ที่เขาล่อต้นหลิวปีศาจออกไป มีโอกาสสูงที่จะถูกต้นหลิวปีศาจที่โมโหฉีกเป็นชิ้นๆ ได้ เจ้าฟางผิงช่วยชีวิตเขาไว้ ไม่ใช่ว่าจะให้คนอื่นมาฉีกทึ้งอีกครั้งหรอกนะ?
“แน่นอนว่าคุณอาจไม่สามารถล่อมันออกไปได้เหมือนกัน อ่อนแอเกินไป…”
ตาเฒ่าหลี่ใบหน้าดำคล้ำ จงใจยั่วยุฉัน?
ฟางผิงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “อย่าอวดเก่งขนาดนั้นเลย ตอนนี้คุณจะว่าขั้นแปดก็ไม่ใช่ขั้นแปด จะว่าขั้นเจ็ดก็ไม่ใช่ขั้นเจ็ด ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า เอาแบบนี้เถอะ คุณมีเวลาว่างก็ทำลายล้างหมู่บ้านพวกนี้สักหน่อย ล่อผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดขั้นแปดของเมืองจู้หลิวพวกนั้นออกไป เปิดโอกาสให้ผมเล็กน้อย”
“ตกลงเธอคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยใบหน้าสงสัย เจ้าเด็กนี้คิดจะทำลายเมืองจู้หลิวจริงๆ?
ฟางผิงขำแห้งๆ “ไม่ได้คิดทำอะไร”
ระหว่างที่พูดฟางผิงก็เอ่ยเสียงเบา “คุณว่าหินพลังงานฝึกวิชาหนึ่งตันจะเป็นมูลค่าเท่าไหร่?”
“หนึ่งตัน!”
“หนึ่งล้านกรัม เก้าแสนต่อหนึ่งกรัมคือราคามาตรฐาน เก้าแสนล้าน!”
ฟางผิงตาเป็นประกาย กัดฟันว่า “ผมจะเอากลับไปสักหนึ่งตัน!”
“เธอไม่ได้เสียสติไปแล้วหรอกนะ?”
“คุณสิเสียสติ! เอาเถอะ ถึงจะไม่ใช่หินพลังงานฝึกวิชา เป็นหินทั่วไปที่คุณภาพแย่ที่สุดก็มีมูลค่าสามหมื่นต่อหนึ่งกรัมอยู่ดี หนึ่งตันก็สามหมื่นล้านแล้ว!”
อันที่จริงหินพลังงานฝึกวิชามีน้อยมาก ทั้งแหล่งแร่ใต้ดินยังมีระดับสูงเฝ้าอยู่ที่จุดศูนย์กลาง
แต่หินพลังานทั่วไป นั่นมีอยู่ทุกหนทุกแห่งจริงๆ
เก็บกลับไปสักหนึ่งตัน ไม่ได้ยากอะไรอยู่แล้ว?
ระหว่างที่ฟางผิงพูดก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมา “เอาหินพลังงานกลับไปเยอะขนาดนี้ ห้องแหล่งพลังงานมหาวิทยาลัยของพวกเราเปิดให้พวกนักศึกษาใช้งาน คุณลองคิดดูจะฝึกวิชาก้าวหน้าเร็วขนาดไหน? นักศึกษาของพวกเราไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนพวกเราที่จะฝึกวิชาที่ไหนก็ได้ ต่อให้มียาบำรุงดีขนาดไหนก็ต้องใช้หลายครั้ง เปิดห้องแหล่งพลังงาน การฝึกวิชาก็จะเร็วมากขึ้นแล้ว…”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างตกใจ “เธอจะเอาให้พวกนักศึกษาใช้งาน?”
ฟางผิงเห็นแก่ส่วนรวมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ช้าก็เร็วมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะกลายเป็นบ้านของผม พวกนักศึกษาแข็งแกร่งแล้ว มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็จะแข็งแกร่งด้วย ทั้งผมคิดดีแล้ว ไม่ได้จะให้ฟรีๆ แต่ทำสัญญากู้ยืม ฝีมือแข็งแกร่ง เรียนจบแล้วต้องรั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยใช้หนี้คืน ใช้หมดเมื่อไหร่ก็ออกไปได้เมื่อนั้น คนแข็งแกร่งแล้วก็ปล่อยออกไปฟรีๆ ผมไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก ทำให้เป็นหนี้ก่อน รอพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น คืนไหวแล้วผมค่อยทำให้พวกเขาติดหนี้ในเรื่องที่ดีกว่านั้น จุๆ ชั่วชีวิตนี้อยู่ใช้หนี้คืนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไปละกัน!”
ส่วนถ้ามีคนกล้าเบี้ยวหนี้ ฟางผิงจะทำให้พวกเขารู้ว่าจุดจบของคนอกตัญญูน่าอนาถขนาดไหน
กินของฉันไปแล้ว งั้นก็ต้องทำงานให้ฉันถึงจะถูก
เอาหินพลังงานกลับไปหนึ่งตัน เผาไหม้ใช้งาน บ่มเพาะขั้นสามขั้นสี่หลายร้อยคนไม่ใช่เรื่องยาก
บางครั้งหินพลังงานยังไม่ใช่สิ่งที่เงินจะสามารถซื้อได้ ถึงจะซื้อได้ก็ไม่มีมากมายขนาดนั้น
ส่วนฟางผิงเอง ตอนนี้เขาไม่ได้ต้องการมากมาย หลักๆ จะต้องการค่าทรัพย์สินมากกว่า
ตอนนี้อยู่ในถ้ำใต้ดิน มีพลังงานอุดมสมบูรณ์ รอกลับไปบนพื้นโลก เขาฝึกวิชาก็ต้องผลาญค่าทรัพย์สินแล้ว
ขั้นห้า การหลอมอวัยวะภายใน เลือดเนื้อและเส้นเลือดต่างเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองพลังงาน ขั้นหกยากยิ่งกว่า ปิดผนึกประตูซานเจียวต้องสิ้นเปลืองพลังงานเป็นจำนวนมาก หลายคนอยู่ระดับกลางกว่าจะทะลวงด่านต้องฝึกวิชาไปหลายสิบปีก็เพราะพลังงานบนโลกมีน้อยเกินไปเช่นกัน
ครั้งนี้ตาเฒ่าหลี่เข้าใจแล้ว เอ่ยสรุปว่า “หมายความว่าเป้าหมายของเธอคือปล้นหินพลังงานกองโตไปงั้นสินะ?”
ส่วนสิ่งที่เรียกว่าก่อกวนกองหลัง ทำลายเมืองจู้หลิว นั่นเป็นคำพูดอย่างเป็นทางการเท่านั้น
เจ้าเด็กนี่พูดมาตรงๆ ก็จบแล้วเถอะ!
ฟางผิงหัวเราะว่า “ก็ทำคุณูปการเพื่อมนุษยชาตินั่นแหละ”
พอรู้ว่าเขาไม่ได้จะเอาตัวเองไปตาย ตาเฒ่าหลี่กลับสบายใจไม่น้อย เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “ตอนนี้อยากเจาะเข้าไปใต้ดินเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก…”
“ไม่เป็นไร เมืองชั้นในมีจุดแลกเปลี่ยนหินพลังงานไม่น้อย”
ฟางผิงหัวแล่นขึ้นมาทันที กระซิบว่า “ผมรอจังหวะอยู่ เกิดสงครามขั้นเก้า คนที่รั้งอยู่ในเมืองจะไม่เยอะเท่าไหร่แล้ว คุณหาโอกาสให้ดี หากขั้นเก้าเปิดฉากสงคราม คุณก็ลงมือล่อคนออกไปเลย ส่วนผมจะฉวยโอกาสช่วงที่วุ่นวายปล้นร้านค้าพวกนั้นแล้วค่อยว่ากัน ส่วนต้นหลิวปีศาจ ครั้งนี้นับว่ามันดวงแข็ง ครั้งหน้าผมจะไปขโมยมันมาให้ได้!”
อย่างอื่นไม่พูดถึง น้ำแร่พลังงานเยอะขนาดนั้น ฟางผิงยังอิจฉาตาร้อนอย่างยิ่ง
ครั้งนี้ตาเฒ่าหลี่ไม่พูดมากอีก พยักหน้าว่า “ได้ เธอก็หาจังหวะให้ดีด้วย อย่าทำอะไรส่งเดช!”
“วางใจเถอะครับ!”
ระหว่างที่พูด ผู้ฝึกยุทธ์ชุดเกราะกลุ่มหนึ่งก็วิ่งมาทางพวกเขาอย่างเร่งรีบ ฟางผิงกวาดตามอง เอ่ยอย่างแปลกใจ “ทหารองครักษ์เทพจู้หลิว? นี่จะไปทำอะไรกัน?”
พูดจบฟางผิงก็ไม่คิดมากมาย มองไปทางตาเฒ่าหลี่ “ผมจะไปก่อน เดี๋ยวคุณถือโอกาสจัดการพวกเขาไปเลย รอผมเข้าใกล้ประตูเมืองก็จะเป็นจุดสนใจน้อยลง”
ฟางผิงหมุนตัวไปอีกทาง มุ่งหน้าไปทางเมืองจู้หลิวทันที ส่วนเรื่องที่อาจจะถูกคนจำได้ คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก
ก่อนหน้านี้หน้าเขาอยู่ในสภาพมีรอยแผลเป็นตลอด หลังจากทะลวงขั้นห้า ฟางผิงก็ไม่ได้ทำแบบนั้นอีก ปล่อยให้บาดแผลสมานตัว น้ำแร่แห่งชีวิตเป็นยาวิเศษที่รักษาบาดแผล ใบหน้าจึงหายเป็นปลิดทิ้ง
ฟางผิงออกไปได้ไม่นาน ตาเฒ่าหลี่เห็นเขาเข้าใกล้ประตูเมืองแล้วก็ไม่มองต่ออีก ตามไปข้างหน้าทหารองครักษ์เทพพวกนั้นก่อนจะระเบิดพลังปราณสุดกำลัง ชกออกไปหนึ่งหมัดอย่างไม่ลังเล!
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
พื้นดินข้างหน้าเกิดเป็นฝุ่นตลบอบอวลทันที
ครู่ต่อมาในเมืองจู้หลิวก็มีพลังแข็งแกร่งพวยพุ่งขึ้นฟ้า
“รนหาที่ตาย!”
เสียงคำรามที่แฝงด้วยโทสะแผ่กระจายออกมา ชั่วพริบตาก็มีประกายแสงวาบผ่านอากาศ
ตาเฒ่าหลี่ใบหน้าเขียวคล้ำ!
คนกลับมาได้ยังไงกัน!
นึกไม่ถึงว่าขั้นเก้าจะอยู่ในเมือง แม่งเหอะ นายเฝ้าที่ทางเดินข้างนอกไม่ใช่เหรอไง?
ไม่ครุ่นคิดให้มากมายอีก ตาเฒ่าหลี่ระเบิดพลังแล้วก็หนีตายอย่างบ้าคลั่ง ว่าแล้วไม่ควรมากับฟางผิงเด็กเวรนั่น แม่งสร้างเรื่องให้เขาอีกแล้ว
—
นอกประตูเมือง
ฟางผิงอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงเช่นกัน ราชาหลิวมาอยู่ในเมืองได้ยังไง?
อีกอย่างตาเฒ่าหลี่จะฆ่าคนก็ฆ่าไปสิ จะเล่นใหญ่ขนาดนั้นทำไม!
“นี่…คงไม่ได้ถูกไล่ตามไปสินะ?”
ฟางผิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ทั้งสองฝ่ายน่าจะห่างกันไม่กี่กิโลเมตร ขั้นเก้าไล่ตามขั้นแปดไม่ได้ตามทันง่ายๆ ขนาดนั้น
ตาเฒ่าหลี่คงไม่ถูกคนซ้อมตายหรอกนะ?
นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว!
ฟางผิงปวดหัวขึ้นมา ยุ่งแล้ว
บอกแล้วว่ารอสงครามที่ทางเดินก่อน คุณค่อยก่อความเคลื่อนไหว ตอนนี้กลับเล่นใหญ่ซะแล้ว นี่ถ้าหากไม่มีคนมาช่วย มีโอกาสสูงที่ตาเฒ่าหลี่จะถูกคนเชือด
ในตอนที่ฟางผิงคิดเรื่องพวกนี้ ประกายแสงสีทองของขั้นแปดคนหนึ่งก็วาบขึ้นข้างหน้า ไม่นานก็ไปรวมตัวกับตาเฒ่าหลี่
ภายในเมืองตอนนี้ก็เกิดประกายแสงสีทองเช่นกัน ยอดฝีมือขั้นแปดตามออกไปแล้ว
นี่ยังไม่จบแค่นั้น ในเวลานี้พลังที่แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุดปรากฏขึ้นจากที่ไกลๆ นั้นแล้ว อู๋ชวนและราชาของเมืองจู้ซงต่อสู้กันขึ้นมา
ยุ่งแล้วจริงๆ!
——————–