ตอนที่ 347 อย่าสู้สบายๆ จนเกินไป (2)
หลิวซื่อเจี๋ยสีหน้าแทบดูไม่ได้ เตรียมจะหมุนดาบปัดป้อง
ดาบยังไม่ทันยกขึ้น ฟางผิงกลับกำหมัดขึ้นมาทั้งสองข้าง ชกหมัดจินกังออกไปทันที!
เปรี้ยงๆๆ!
หลิวซื่อเจี๋ยแทบไม่รู้ว่าตัวเองถูกโจมตีไปกี่หมัด ฟางผิงคล้ายไม่รู้จักความเหนื่อยล้า ปราณราวกับใช้ไม่มีวันหมด ชกออกไปจนหลิวซื่อเจี๋ยถอยหลังไม่หยุดหย่อน
หลายครั้งที่คิดจะหลีกจากขอบเขตจู่โจมของฟางผิง ปรากฏว่ายังไม่ทันหลบ ฟางผิงก็เริ่มระเบิดพลังจิตใจ กดดันเขาไว้อยู่ตลอด
ตอนนี้ฟางผิงราวกับคนบ้า
กระหน่ำหมัดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เร็วจนถึงขีดจำกัดหนึ่ง ทุกหมัดระเบิดพลังปราณอย่างแข็งแกร่ง
แม้หลิวซื่อเจี๋ยจะปัดป้องไม่หยุดหย่อน ถึงกระทั่งหาโอกาสโต้กลับได้ แต่ทุกครั้งที่กำลังจะออกกระบวนท่าก็ถูกสกัดไว้ด้วยหมัดฟางผิงทั้งหมด
“หมัดใต้หล้าไร้ศัตรู!”
ครั้งนี้ฟางผิงคำรามออกมา ในอากาศเกิดการรวบรวมปราณกลายเป็นหมัดสีแดง หมัดสีแดงนั้นพุ่งผ่านความว่างเปล่า ชั่วพริบตาก็ไปปรากฏที่หน้าอกของหลิวซื่อเจี๋ย
เปรี้ยง!
เสียงระเบิดดังขึ้น หน้าอกของหลิวซื่อเจี๋ยถูกระเบิดจนเป็นรูขนาดเท่าปากถ้วย
ครู่ต่อมาเศษโลหะนับไม่ถ้วนก็แทบจะพุ่งเข้ามาในเวลาเดียวกัน ทำให้บนร่างของหลิวซื่อเจี๋ยเต็มไปด้วยบาดแผล
พูดเหมือนจะช้า แต่กลับเกิดขึ้นอย่างความรวดเร็ว
นับตั้งแต่ฟางผิงทำลายอาวุธจนถึงชกหมัดระเบิดหน้าอกอีกฝ่าย ช่วงเวลาแสนสั้นเช่นนี้ เศษโลหะเพิ่งพุ่งชนอีกฝ่าย ฟางผิงก็ออกไปเกือบร้อยหมัดแล้ว
พวกผู้ชมเห็นแค่ฉากที่ฟางผิงและหลิวซื่อเจี๋ยพูดคุยกัน หลังจากนั้นก็เริ่มการแข่งขัน หลิวซื่อเจี๋ยระเบิดพลัง ต่อจากนั้นทั้งสองคนก็สู้กันจนไปอยู่กลางอากาศ
สุดท้ายทั่วร่างหลิวซื่อเจี๋ยกลับเต็มไปด้วยเลือด เสื้อผ้าขาดวิ่น หน้าอกยังมีเลือดพรั่งพรูออกมามากมาย ร่วงลงกับพื้นเวที
ในเวลานี้ฟางผิงก็ลอยตัวลงมาอย่างแผ่วเบา นอกจากมือที่ไร้ดาบก่อนหน้านี้ คล้ายกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น
“ขอบคุณที่ออมมือ”
หลิวซื่อเจี๋ยยังคงกระอักเลือดไม่ขาดสาย พยายามจะลุกขึ้น ประคองหน้าอกหอบหายใจว่า “หมัดใต้หล้าไร้ศัตรูของอาจารย์หลู่งั้นเหรอ?”
ฟางผิงเผยยิ้มไม่พูดอะไร
—
นอกสนาม
อธิการมหาวิทยาลัยหวากั๋วขมวดคิ้วเล็กน้อย มีความรู้สึกไม่กล้ามองคนอยู่บ้าง นี่เธอก็เชื่องั้นเหรอ?
พิธีกรขั้นหกนับว่าสายตาเฉียบคม ตอนนี้เริ่มอธิบายขึ้นมาแล้ว
“พูดกันว่าฟางผิงฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ไม่ลึกล้ำพอ ผมว่าอาจไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป วิชาหมัดหมัวเหอของเขาทำถึงขั้นรวบรวมปราณ ปล่อยพลังออกไปข้างนอกได้แล้ว ใช้หมัดจินกังระเบิดพลังเป็นอันดับแรก บีบหลิวซื่อให้เป็นฝ่ายตั้งรับ รอจนฟางผิงทลายการป้องกันของเขา ทำให้เขาหาโอกาสไม่ได้ หมัดหมัวเหอก็ระเบิดพลัง สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับหลิวซื่อเจี๋ย…”
“ฉันคิดว่าไม่ใช่เพราะฟางผิงฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ได้ลึกล้ำ คุณไม่เห็นหรือไง? หมัดหมัวเหอของเขาไม่ได้ทำให้อวัยวะภายในของหลิวซื่อเจี๋ยบาดเจ็บหนัก พิสูจน์ให้เห็นว่าพลังทะลวงยังไม่เพียงพอ หลิวซื่อเจี๋ยบาดเจ็บหนัก หลักๆ ยังเป็นเพราะว่า…พลังปราณแข็งแกร่งเกินไป! ฟางผิงเขา..เขารวบรวมพลังที่เต็มไปด้วยปราณขึ้นมา ระเบิดทำลายอีกฝ่าย!”
พิธีกรหญิงรู้สึกว่าตัวเองพูดต่อไปไม่ได้อยู่บ้าง
ใช่แล้ว เคล็ดวิชาต่อสู้ของฟางผิงนั้นไม่เท่าไหร่จริงๆ อย่างน้อยก็สำหรับคนอื่น แต่เขาฉลาดแกมโกง ไม่ได้บากบั่นลงแรงกับการฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ ไม่รู้ว่าขัดเกลายังไง จึงใช้วิธีปล่อยปราณออกมาบีบอัดข้างนอก ใช้ปราณที่เข้มข้นรวบรวมเป็นวงล้อปราณระเบิดออกไปตรงๆ ใส่หลิวซื่อเจี๋ย
นี่นับเป็นเรื่องอะไร?
วิชาวงล้อเพลิง?
ไม่สิ วิชาวงล้อปราณ!
เมื่อครู่หมัดสีแดงนั้น ตกลงรวบรวมพลังปราณไปเท่าไหร่กัน?
หนึ่งพันแคล?
สองพันแคล?
ยังไงก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!
ไม่งั้นหลิวซื่อเจี๋ยที่ฝึกวิชาเสริมสร้างร่างกายเป็นหลักจนเนื้อหนังแข็งแกร่งแล้ว คงไม่ถูกระเบิดเป็นรูได้ง่ายๆ แบบนี้
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง จุดตายของพวกเขาคืออวัยวะภายในและกะโหลก ฟางผิงไม่ได้เน้นที่จุดอ่อนพวกนี้ แต่ระเบิดร่างกายเขาไปตรงๆ
พิธีกรทั้งสองคนไม่รู้ควรจะอธิบายยังไงดี ฟางผิงแข็งแกร่งหรือเปล่า?
แข็งแกร่งมาก!
ไม่งั้นคงจะอัดหลิวซื่อเจี๋ยจนราบคาบเร็วขนาดนี้ไม่ได้หรอก
แต่ความแข็งแกร่งของเขา…ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง อย่างน้อยพวกผู้ฝึกยุทธ์ก็ไม่สบายใจเท่าไหร่ หรือจะพูดว่าอิจฉาก็ได้
เขาแม่งเอาพลังปราณที่ไหนมาใช้กัน?
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ ปกติขั้นสูงสุดมีปราณอยู่ที่สองพันแคล คุณทำวงล้อปราณออกมา เกรง่ว่าจะใช้ปราณของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่จนเกลี้ยงแล้ว
—
ฟางผิงไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดลงลึกไปขนาดไหน
แค่ปราณ นับเป็นเรื่องอะไรกัน?
หนึ่งพันแคลก็แค่ค่าทรัพย์สินไม่กี่ล้านเท่านั้น
ระเบิดหลิวซื่อเจี๋ย เขาสิ้นเปลืองไปอยู่บ้าง ทั้งหมดทั้งมวลเกือบสามพันแคล แต่ว่า…ใครจะสนใจค่าทรัพย์สินสามล้านนี้กัน?
ตอนนี้ฟางผิงมีเงินเต็มกระเป๋า
เอาชนะหลิวซื่อเจี๋ยด้วยความเร็วสูงสุดได้ ค่าทรัพย์สินสามล้านคือว่าคุ้มค่าแล้ว
ยอดฝีมือในการจัดอันดับต้นๆ หากตัวเองไม่ออกดาบ ทั้งไม่สิ้นเปลืองหน่อย ยังไม่รู้ว่าต้องต่อสู้อีกกี่กระบวนท่า นั่นไม่ใช่จะแสดงให้เห็นว่าตัวเองอ่อนแออย่างมากงั้นเหรอ?
ฟางผิงยืนบนเวทีด้วยท่าทีเกรงขาม เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “มาต่อกันเลย”
ผู้ตัดสินได้ฟังก็บอกเป็นนัยให้มหาวิทยาลัยหวากั๋วส่งคนขึ้นมาอีก
—
ด้านล่างเวที
หวังจินหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “มีปราณใช้ได้ตามใจจริงๆ!”
ไม่ใช่มีเงิน แต่ฟางผิงมีปราณเยอะอย่างแท้จริง
คู่ต่อสู้ขั้นสี่คนไหนจะสู้ได้ขนาดนั้นล่ะ?
ฟางผิงนับว่าบุกเบิกสำนักขึ้นมาแล้ว!
แน่นอนว่าฟางผิงมีปราณหรือมีเงินเป็นเรื่องเดียวกัน
หวังจินหยางจนใจอยู่บ้าง ทั้งอิจฉาไม่น้อย ไขกระดูกฉันกลายพันธุ์ ไม่ได้ฟื้นฟูปราณเร็วเหมือนนาย นายมาถึงขั้นนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ในความเป็นจริงการต่อสู้นี้ก็มองความสามารถของฟางผิงไม่ออกเท่าไหร่
รู้แค่ว่าปราณของฟางผิงมีเยอะจริงๆ…มีแค่ความคิดนี้เท่านั้น!
คนที่คิดไม่ต่างจากหวังจินหยาง ยังมีพวกหลี่หานซง
หลี่หานซงเผยสีหน้าขัดแย้งกันอย่างหนัก นี่มันเรื่องอะไรกัน?
แทบมองอะไรไม่ออก!
หานซวี่ที่ยังมองผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สูงสุดไม่ทะลุปรุโปร่ง เอ่ยว่า “ฟางผิงเอาชนะหลิวซื่อเจี๋ยอย่างสบายๆ แบบนี้ ประธาน ถ้านายปะทะกับเขา…”
หลี่หานซงเกาหัวอยู่บ้าง เอ่ยอย่างจนใจ “ไม่รู้ ค่อยดูไปแล้วกัน ถ้าเขาสร้างวงล้อปราณสักสิบอันมาระเบิดฉัน…ฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้านได้หรือเปล่าเหมือนกัน!”
เห็นได้ชัดว่าเป็นวิชายุทธ์ ฟางผิงกลับปล่อยพลังออกมาราวกับเป็นวิชามารในนวนิยาย หลี่หานซงสับสนอยู่เช่นกัน
ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลย!
—
ไม่ใช่แค่พวกเขาที่ไม่เข้าใจ
พวกปรมาจารย์ที่นั่งอยู่ตรงแท่นประธานต่างมองหน้ากันไปมา วงล้อปราณของฟางผิง ทุกคนสามารถเข้าใจหลักการภายในได้
เรื่องง่ายๆ เป็นเคล็ดวิชาระดับสูงที่ปล่อยปราณออกไปข้างนอก รวบรวมกลายเป็นวงล้อปราณ
ประเด็นอยู่ที่…ฟางผิงเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ ไม่ตั้งใจฝึกฝนเคล็ดวิชาโดยตรง กลับมาใช้ลูกเล่นแบบนี้ รู้สึกเหมือนเป็นวิชานอกรีตยังไงไม่รู้
ทั้งคนอื่นๆ ยังไม่มีความสามารถเลียนแบบได้
พวกปรมาจารย์พากันส่ายหน้า ไม่อาจเทียบ จะเทียบอะไรได้?
คนเขาพลังจิตใจแข็งแกร่ง ไขกระดูกกลายพันธุ์ ไม่แน่ว่าสมองอาจกลายพันธุ์ด้วยเช่นกัน ผู้ฝึกยุทธ์กลายพันธุ์เช่นนี้พบเจอได้น้อย การแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้หาเจอห้าคนก็นับว่าเป็นครั้งแรกของประวัติกาลแล้ว
—
คนอื่นๆ ไม่เข้าใจ
ฉินเฟิ่งชิงกลับคล้ายคิดอะไรอยู่ พึมพำว่า “วงล้อปราณงั้นเหรอ นี่ไม่ใช่วิธีให้อาหารเจี่ยวหรือไง? สรุปแล้วยังใช้สู้คนได้ด้วย?”
ตอนที่ฟางผิงป้อนอาหารเจี่ยว อันที่จริงใช้วิธีไม่ต่างจากนี้มาก
แค่ไม่ได้ให้พลังปราณระเบิดออกมาเท่านั้น หากระเบิดใส่ปากเจี่ยว เจี่ยวอาจจะเขมือบฟางผิงเข้าไปได้
—
ไม่ต้องพูดถึงความคิดของทุกคนในสนาม ฟางผิงซัดหลิวซื่อเจี๋ยจนยับเยิน สำหรับคนของมหาวิทยาลัยหวากั๋ว นั่นแทบจะเป็นการบดขยี้ในชั่วพริบตา
ไม่ได้มีวิธีพิเศษอะไร ใช้พลังจิตใจสั่นสะเทือนร่วมกับพลังปราณและพื้นฐานร่างกายที่แข็งแกร่ง ต่อสู้ผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่ำกว่าขั้นสี่สูงสุดพวกนี้ หมัดเดียวต่อคนก็แทบหนีไม่พ้นแล้ว
ไม่ถึงสองนาที การต่อสู้ของฟางผิงก็สิ้นสุดลง
การแข่งขันครั้งนี้สิ้นเปลืองไปทั้งหมดสามพันแปดร้อยแคล แต่เขาฟื้นฟูได้เร็วเช่นกัน ในความเป็นจริงไม่ได้สูญเสียค่าทรัพย์สินมากขนาดนั้น ร่างกายเขาเองก็มีปราณสูง
ตอนที่ลงจากเวที ฟางผิงขยิบตาให้เหยาเฉิงจวินไป ครั้งหน้าถึงตานายแล้ว!
เหยาเฉิงจวินเผยสีหน้าเรียบนิ่ง ในใจไม่รู้ว่ากำลังก่นด่าอย่างบ้าคลั่งหรือเปล่า
วิธีที่ฟางผิงใช้สู้กับหลิวซื่อเจี๋ย ในสายตาของเขาไร้ยางอายสิ้นดี…ประเด็นอยู่ที่ว่าคนเขามีความสามารถหน้าหนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แทบไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี
———————–