หวงจิ่งครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “เหมือนจะสัมผัสถึงคลื่นพลังจิตใจไม่ได้…เป็นความเป็นรู้สึกที่บอกไม่ถูกอยู่บ้าง แต่ขาดๆ หายๆ ทั้งยังเวลาสั้นเกินไป ไม่มีผลสักเท่าไหร่”
ฟางผิงเปิดม่านพลังงานแค่พักเดียวเท่านั้น รอจนลอยออกไป เขาก็ปลดม่านพลังงานออก จึงกลายเป็นเวลาแค่พักเดียว รักษาเวลาต่อเนื่องสั้นเกินไป
ถังเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “น่าสนใจไม่น้อย หากประคองได้นานหน่อย เจอกับอันตรายคงจะสามารถหลบหลีกได้”
“คล้ายกับพวกวิชาเก็บงำลมหายใจของพวกเรา แต่เจอกับยอดฝีมือระดับสูงพลังจิตใจจะถูกปิดกั้น ไม่ได้มีผลมากนัก…”
เมื่อกี้เขาใช้พลังจิตใจสั่นสะเทือน ลมหายใจของฟางผิงถูกทะลวงทันที หวงจิ่งจึงเกิดความเข้าใจผิด
พวกเขาคุยกันอีกไม่กี่ประโยคก็ไม่คุยกันต่อแล้ว
—
ด้านล่างตึก
ฟางผิงจัดแจงเสื้อคลุมที่หลุดลุ่ย จงใจส่งเสียงเกรงขามว่า “ตรวจสอบดีๆ อย่าปล่อยให้พวกที่แหกกฎฉวยโอกาสตรงนี้ไปได้!”
พวกทีมลาดตระเวนต่างพยักหน้าอย่างขะมักเขม้น ก้มหน้าก้มตาไม่มองฟางผิง
เมื่อครู่หากตาไม่ฝาด…ประธานร่วงลงมาจากตึก
นี่ไปล่วงเกินใครเข้ากัน?
รอจนฟางผิงสาวเท้าออกไป พวกเขาก็เงยหน้ามอง ผ่านไปพักหนึ่ง มีคนกระซิบว่า “เหมือนจะเป็นห้องทำงานของอธิการหวง”
“ประธานสุดยอดจริงๆ!”
“สุดยอดจริงๆ นั่นแหละ นึกไม่ถึงว่าตอนนี้ยังจะมีชีวิตรอด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
“…”
พวกเขาสบสายตากัน ก่อนจะเข้าใจอย่างชัดเจนทันที ประธานก็คือประธาน อย่าไปหาเรื่องจะดีที่สุด
ตั้งแต่เปิดเรียนจนถึงตอนนี้ ล่วงเกินไปแล้วกี่คน?
จนถึงตอนนี้ยังไม่ถูกอัดตาย เพียงพอให้พิสูจน์ว่าประธานดวงแข็งแล้ว
—
“ไม่ได้ป้องกันพลังจิตใจ”
ฟางผิงเดินไปคาดเดาไป
ไม่ได้ป้องกันกายภาพ ทั้งไม่ได้ป้องกันพลังจิตใจ
“ตกลงคืออะไร?”
“หรือว่า…”
ฟางผิงคาดเดาในใจอย่างเลือนราง พึมพำว่า “ปิดบังลมหายใจ?”
ของที่ระบบมอบให้ไม่อาจจะแย่เกินไปอยู่แล้ว
ในเมื่อไม่ได้ใช้ป้องกัน งั้นมีโอกาสสูงที่จะปิดบังลมหายใจ
“ลมหายใจของมนุษย์ถ้ำและมนุษย์ทั่วไปไม่เหมือนกัน เส้นทางการฝึกวิชาไม่เหมือนกัน ก่อให้เกิดความแตกต่างระหว่างนั้น รวมถึงตอนที่ปะทะกัน ปราณพลุ่งพล่าน…ดังนั้นผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ขอแค่ต่อสู้กันในถ้ำก็ไม่สามารถปกปิดลมหายใจและตัวตนได้แล้ว”
“หากใช้ปกปิดลมหายใจจริงๆ…นั่นไม่ได้หมายความว่า…”
ฟางผิงอดนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้ ครั้งก่อนเขาและฉินเฟิ่งชิงเคยวางแผนจะปลอมตัวมาก่อน
แต่การปลอมตัวเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความสามารถ ทั้งยังเป็นงานหิน
ตอนที่วิ่งหนี ปราณจะกระจัดกระจาย คนโง่ก็ยังรู้ว่าพวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์
“หากใช้ปกปิดลมหายใจจริงๆ งั้นระดับสูงจะสามารถสัมผัสได้หรือเปล่า?”
“ทั้งถ้าปกปิดลมหายใจได้จริงๆ…ระดับสูงจับสัมผัสไม่ได้…นั่นไม่ได้หมายความว่าสามารถไปหาแร่พลังงานได้แล้ว?”
ในหัวของฟางผิงปรากฏข้อมูลขึ้นติดต่อกันไม่ขาดสาย
“ไม่ได้ ยังต้องลองอีกสักหน่อย ไม่ทำให้กระจ่างใจ ตายยังไม่รู้จะตายยังไง ต้องกลับไปลองกับคณบดีอีกสักครั้ง…อย่างเช่นไปขโมยของบางอย่างของเขาดู…”
“ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าปกปิดลมหายใจได้จริงๆ คณบดีจำฉันไม่ได้ ซัดฝ่ามือเดียวใส่ฉันตาย ฉันจะไปพูดหาความยุติธรรมได้ที่ไหน”
ฟางผิงครุ่นคิดอย่างไม่หยุดหย่อนว่าจะทดลองประสิทธิภาพของม่านพลังงานยังไงดี
เจ้าสิ่งนี้หากใช้งานได้ดี แทบจะเป็นเครื่องจักรสังหารขนาดใหญ่
หาของล้ำค่า ขุดแร่ ปล้นบ้าน…ถึงกระทั่งแฝงเข้าไปปะปนในเมืองของถ้ำใต้ดิน!
หากสามารถอำพรางตัวจากยอดฝีมือขั้นเก้าได้…นั่นเรียกได้ว่าเจ๋งจริงๆ!
“ยังต้องทดสอบอีกสักหน่อย ไม่อาจทำเรื่องบุ่มบ่ามได้ ทั้งต้องลองด้วยว่าตอนที่ต่อสู้จะปกปิดได้หรือเปล่า”
“อันที่จริงผู้ฝึกยุทธ์มีลมหายที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง บางทีไม่จำเป็นต้องไปหาพวกคณบดี หาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขั้นห้ามาลองก็น่าจะเหมือนกัน”
“ช่องเก็บของ ม่านปิดบังลมหายใจ….นี่ระบบจะทำอะไรกันแน่?”
ฟางผิงลอบพึมพำในใจ ครั้งนี้อัปเกรดคุณสมบัติใหม่ถึงสองอย่าง ไม่เหมือนจะทำในสิ่งที่ถูกต้องเลย
—
ออกมาจากตึกอาจารย์แล้ว ฟางผิงไม่สนใจเรื่องของพวกเหยาเฉิงจวินอีก
ฝึกวิชาของตัวเองดีกว่า
กลับไปถึงหอพัก ฟางผิงถอดเสื้อคลุมที่ขาดวิ่นโยนทิ้งไปอีกทางอย่างไม่คิดสนใจ เข้าไปในห้องฝึกวิชาเริ่มหลอมอวัยวะภายในสี่อย่างอื่นๆ ทันที
ขั้นสี่เชื่อมต่อสะพานทั้งห้าและหลอมอวัยวะตัน
หัวใจ ตับ ม้าม ปอดและไต สะพานหัวใจเชื่อมต่อยากที่สุด เชื่อมต่อสำเร็จก็คือขั้นสี่ ทั้งการหลอมหัวใจเป็นสิ่งที่ยากที่สุด หลอมสำเร็จนับว่าขั้นสี่ตอนปลายแล้ว
หลอมอวัยวะอื่นๆ กลับง่ายขึ้นไม่น้อย ตอนนี้ฟางผิงกำลังหลอมตับ
พลังปราณที่เข้มข้นพุ่งชนตับอย่างไม่ขาดสาย
ฟางผิงที่อยู่ขั้นสี่ตอนปลาย เดิมทีพลังปราณก็แข็งแกร่งกว่าขั้นสี่ทั่วไปอยู่แล้ว ปราณในร่างกายยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีก
รวมกับอนุภาคพลังงานในอากาศที่ถูกดูดซึมและค่าทรัพย์สินที่แลกเปลี่ยนไม่หยุดหย่อน
ถ้าพวกปรมาจารย์อย่างหวงจิ่งเห็นการฝึกวิชาของฟางผิง เกรงว่าคงจะเข้าใจผิดคิดว่าฟางผิงอยู่ในสระปราณมาโดยตลอด
สำหรับฟางผิง ปราณไม่ใช่ปัญหา คนอื่นฝึกวิชาได้อย่างจำกัดในวันเดียว ถ้าฟางผิงเต็มใจ สามารถฝึกวิชาติดต่อกันยี่สิบสี่ชั่วโมงได้ด้วยซ้ำ
ในอวัยวะภายในมีปราณกลอกกลิ้งอย่างไม่หยุดหย่อน
ในอวัยวะตันทั้งห้า หัวใจโปร่งแสงอย่างเห็นได้ชัด อวัยวะทั้งสี่ที่เหลือกลับเปล่งปลั่งน้อยกว่าอยู่บ้าง
กล้ามเนื้อและกระดูกของฟางผิงปรากฏแสงสีทองอย่างเลือนราง
“เดินบนเส้นทางเหนือมนุษย์ไกลออกมาเรื่อยๆ แล้ว ตอนที่กะโหลกฉันเปลี่ยนแปลงเป็นแบบนี้ ฉันก็จะอยู่เหนือขอบเขตของความเป็นมนุษย์จริงๆ แล้ว”
ฟางผิงในตอนนี้ แม้จะไม่กินไม่ดื่มในเวลาสองเดือนก็ไม่เป็นอุปสรรคเท่าไหร่
ขอแค่ปราณเพียงพอ เขาแทบไม่อาจหิวตายได้
นี่ยังเป็นสาเหตุที่เขามีปราณอย่างจำกัด ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ โดยเฉพาะยอดฝีมือร่างทองแทบไม่ต้องอาศัยการมีอยู่ของปราณอย่างเดียว คนประเภทนี้แทบจะตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้
“เหมือนจะไม่ได้เข้าห้องน้ำมานานแล้ว…”
ฟางผิงถอนหายใจอีกครั้ง หลอมอวัยวะทั้งห้าทำให้พลังดูดซึมแข็งแกร่งขึ้น แม้เขาจะกินข้าวเป็นประจำ แต่สิ่งสกปรกตกค้างเล็กๆ แทบจะถูกดูดซึมทั้งหมด
ส่วนน้อยที่ไม่ถูกดูดซึมจะขับออกมาผ่านเหงื่อและเลือดอะไรพวกนี้
ฟางผิงแทบลืมไปว่าตัวเองไม่ได้ถ่ายหนักมานานแค่ไหนแล้ว
ตอนนี้กลับมีความรู้สึกคิดถึงการปลดปล่อยเช่นนั้นอยู่บ้าง
“จากความเร็วนี้ หลอมตับอาจจะใช้ประมาณสิบวัน อวัยวะภายในอื่นๆ น่าจะไม่ต่างกัน ต้นเดือนธันวาคมฉันอาจจะทะลวงขั้นสี่สูงสุดได้แล้ว!”
“พวกเหยาเฉิงจวินจะท้าประลองปล่อยให้พวกเขาท้าไป ฉันเอาชนะพวกเขาแล้วก็มีผลลัพธ์เหมือนกัน”
ตั้งแต่เริ่มเส้นทางไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสาม ฟางผิงก็วางแผนที่จะไร้คู่ต่อสู้ไปตลอดทางจนถึงทะลวงขั้นปรมาจารย์
ครั้งนี้เขาไม่คิดจะเดินในเส้นทางไร้คู่ต่อสู้ กลับอยากให้พวกเหยาเฉิงจวินประสบความสำเร็จอย่างราบรื่นมากกว่า
“บางทีเหล่าหวังอาจจะคิดเหมือนฉัน…พูดแบบนี้ เหล่าหวังอาจจะไม่เลือกทะลวงด่านเสมอไป!”
ฟางผิงหลอมอวัยวะภายในพลางครุ่นคิดไปด้วย
พวกเหยาเฉิงจวินมีความเป็นไปได้น้อยที่จะทะลวงขั้นห้าเช่นกัน ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่แค่ไม่อยาก
ต่อสู้ต่างระดับในการแข่งขันแลกเปลี่ยน เกรงว่าคนพวกนี้อาจไม่ยอมทะลวงด่านเสมอไป
“งั้นก็ดูไปก่อน ใครจะเป็นผู้ที่ไร้คู่ต่อสู้อย่างแท้จริง!”
ฟางผิงพึมพำ ปราณเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เขาไม่มีเหตุผลให้แพ้คนพวกนี้ แม้แต่ละคนต่างมีพรสวรรค์ของตัวเองก็ตาม
———————