ตอนที่ 328 อัจฉริยะโดดเด่น (1)
ปลายเดือนตุลาคม ฟางผิงอัปเกรดระบบ เริ่มตั้งใจหลอมอวัยวะภายในทั้งสี่
ในเวลาเดียวกันโลกภายนอกก็มีข่าวลือเผยแพร่ออกมาอย่างไม่ขาดสาย
ต้นเดือนพฤศจิกายน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เก้าสิบเก้าแห่งและโรงเรียนเตรียมทหารอีกสามแห่งจะเริ่มการแข่งขันแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการ
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปแปดสิบเก้าแห่ง เริ่มการแข่งขันหาผู้ชนะเจ็ดอันดับแรกเพื่อเข้าร่วมในศึกสิบมหาวิทยาลัยชื่อดัง
ขณะเดียวกัน เหยาเฉิงจวินจากโรงเรียมเตรียมทหารอันดับหนึ่งก็เริ่มเดินบนเส้นทางไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสี่ ประลองตั้งแต่ใต้ไปจนถึงเหนือ
หลี่หานซงจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งก็ท้าประลองบุคคลแนวหน้าในการจัดอันดับของขั้นสี่ จากเหนือจรดใต้เช่นกัน
การจัดอันดับของขั้นสี่ มีนักศึกษาเพียงสามคนเท่านั้น
เหยาเฉิงจวิน หลี่หานซง และหวังจินหยาง
หวังจินหยางเพราะเตรียมจะแข่งขันในศึกของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปจึงอาจไม่เข้าร่วมการท้าประลองจัดอันดับเดี่ยวเสมอไป เหยาเฉิงจวินและหลี่หานซงกลับไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้
เฉินเหวินหลงจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ เพราะไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์กลายพันธุ์ ดังนั้นแม้เข้าสู่ขั้นสี่สูงสุดก็อาจจะไม่เข้าร่วมการจัดอันดับขั้นสี่เสมอไป
การจัดอันดับขั้นสี่ ตอนนี้หลักๆ ยังคงเป็นรุ่นวัยกลางคน
เวลานี้เหยาเฉิงจวินถูกจัดในอันดับสี่สิบสอง หลี่หานซงอันดับที่สี่สิบเจ็ด หวังจินหยางอันดับที่เจ็ดสิบหก
สามคนนี้ไม่ถือว่าจัดอยู่ในอันดับสูงมาก
ใช้เวลาทะลวงสั้นเกินไป ทั้งไม่ได้รั้งอยู่ในช่วงสูงสุดนานเท่าไหร่ แม้สำหรับฟางผิงจะนานมาก แต่เทียบกับพวกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ที่รั้งอยู่เป็นเวลานับสิบปี เห็นได้ชัดว่าอัจฉริยะพวกนี้สั่งสมประสบการณ์ได้ไม่ลึกล้ำพอ
อัจฉริยะสองคน คนหนึ่งประลองจากใต้มาถึงเหนือ อีกคนจากเหนือจรดใต้
ชั่วขณะนั้นจึงเป็นที่จับตามองของสื่อ
สองคนนี้ระหว่างทางจะเจอกันหรือเปล่า?
หนานเจียงจะเป็นเป้าหมายของสองคนนี้หรือไม่?
การแข่งขันโควตาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปแปดสิบเก้าแห่งจะดุเดือดเป็นพิเศษใช่หรือไม่?
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปจะมีอัจฉริยะที่โดดเด่นโผล่ออกมาหรือเปล่า?
ข่าวลือที่ปล่อยออกมาพวกนี้ทำให้การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทั่วประเทศเงียบเหงาลงไม่น้อย แต่การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งได้ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว จึงไม่ได้ชนกับการแข่งขันแลกเปลี่ยนมากมาย ยังคงรักษาความคึกครื้นไว้ได้อยู่บ้าง
—
ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวาย
วันที่ 1 พฤศจิกายน หลี่หานซงเอาชนะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จิงหนานจึงถูกแทนที่ในอันดับสามสิบเจ็ด เขาสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้สบายๆ ภายในเวลาหนึ่งนาทีเท่านั้น
วันนั้นเฉินเฮ่าหรานประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จิงหนานก็มาชมการประลองด้วย หลังจากการประลองสิ้นสุดก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เลือกเดินทางไปถ้ำใต้ดินทันที
ในวันเดียวกันเหยาเฉิงจวินก็แทนที่อาจารย์ของมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตงในอันดับสามสิบสองได้
ประธานสมาคมมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตงก็ชมการประลองเช่นเดียวกัน ตัดสินใจเข้าด่านมุ่งสู่ขั้นสี่ตอนปลายทันที
—
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้
การจัดอันดับขั้นสี่ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีอาจารย์อยู่ในการจัดอันดับสามคน
แบ่งเป็นอันดับที่หก ยี่สิบสี่และเก้าสิบเอ็ด
ตอนที่เหยาเฉิงจวินเอาชนะอาจารย์ของมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง ข่าวเรื่องการแทนที่ถูกเผยแพร่ออกมา ฟางผิงก็เดินออกมาจากหอพักทันที
—
ตึกอาจารย์
ฟางผิงสาวเท้าเข้าไปในห้องทำงานของหวงจิ่ง เข้าประตูไปก็เอ่ยทันที “เหยาเฉิงจวินมามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้รึเปล่าครับ?”
มหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตงใกล้กับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อย่างมาก
เหยาเฉิงจวินเอาชนะอาจารย์ครุศาสตร์หวาตงในอันดับที่สามสิบสองได้ เป้าหมายต่อไปก็น่าจะเป็นอาจารย์จ้าวหมิงเฮ่าที่ถูกจัดในอันดับที่ยี่สิบสี่
ตอนนี้หวงจิ่งกำลังคุยเรื่องงานกับถังเฟิงอยู่พอดี
เห็นฟางผิงบุกเข้ามาก็ขมวดคิ้วว่า “เธอกำลังฝึกวิชาไม่ใช่หรือไง? แค่นี้ก็นั่งไม่ติดที่แล้ว?”
“การจัดอันดับในขั้นสี่ไม่เคยมีผมอยู่ในนั้น ผมคิดว่าฝีมือผมไม่ได้เป็นรองใคร! หากเหยาเฉิงจวินกล้ามามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ผมก็จะประลองกับเขาก่อน พลังจิตใจเขาสามารถสั่นสะเทือนคนอื่น แต่คิดจะสั่นสะเทือนผม ผมจะซัดกลับให้พินาศไปเลย!”
ฟางผิงหัวเราะว่า “หากเขามาแล้ว นั่นก็ดีเลย ผมจะได้ไม่ต้องไปเอง”
ถังเฟิงแทรกว่า “เขาไม่มาเซี่ยงไฮ้ตอนนี้หรอก ท้าประลองครุศาสตร์หวาตงแล้ว เหยาเฉิงจวินก็ขึ้นเหนือไปเลย แต่ไม่ใช่ว่าเกรงกลัวเธอ เขากังวลว่าจะเจอกับอาจารย์ซุนหลงเร็วเกินไป ไม่เป็นผลดีกับการท้าประลองหลังจากนี้”
ซุนหลงเป็นอาจารย์ที่ถูกจัดเป็นอันดับหนึ่งในขั้นสี่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ อันดับที่หกในขั้นสี่ของประเทศจีน
เหยาเฉิงจวินต้องการเอาชนะไปทีละขั้น สั่งสมประสบการณ์จนถึงขั้นสูงสุด ตอนนี้มามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีโอกาสสูงที่จะเจอกับซุนหลง
ดังนั้นเหยาเฉิงจวินจึงไม่ได้มามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ แต่ขึ้นเหนือไปเลย
ฟางผิงเผยท่าทีราวกับนับว่าเหยาเฉิงจวินดวงแข็ง เอ่ยว่า “ไม่มาถือว่าเขาโชคดีไป คนพวกนี้อวดดีเกินไป การแข่งขันขั้นหนึ่งของผมยังไม่สิ้นสุด ท้าประลองตอนนี้ คิดจะแย่งความโดดเด่นจากผม? ครั้งหน้าเจอพวกเขา ผมจะฟันให้ตาย!”
หวงจิ่งและถังเฟิงต่างหน้าดำคล้ำอยู่บ้าง
เจ้าหมอนี้เอาความมั่นใจมาจากไหนกัน!
อวดดีนั้นไม่ใช่เรื่องที่ใครก็ทำได้
เหยาเฉิงจวินและหลี่หานซงต่างเป็นอัจฉริยะของยุค ทำสงครามในถ้ำใต้ดิน จะเอาชนะข้ามขั้นได้สบายๆ ถือเป็นเรื่องปกติ
สองคนนี้เคยสังหารขั้นห้าในถ้ำใต้ดินมาแล้ว ทั้งไม่ใช่แค่คนสองคน
ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงเคยฆ่าขั้นห้าในถ้ำใต้ดินเหมือนกัน แต่พวกเขาร่วมมือกัน ทั้งยังฆ่าแค่ขั้นห้าตอนต้น
ผลการรบด้านอื่นๆ กลับไม่โดดเด่น
สถานการณ์แบบนี้ ฟางผิงเอาความมั่นใจอันแรงกล้ามาจากไหนกัน?
ฟางผิงไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ความมั่นใจเป็นบ่อเกิดของพลัง ไม่มั่นใจ นั่นจะแข็งแกร่งได้ยังไงอีก
เหยาเฉิงจวินไปแล้ว งั้นเขาก็ไม่คิดจะเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน เวลานี้เป้าหมายของเขาคือเข้าสู่ขั้นสี่สูงสุด
กำลังคิดจะออกไป เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คณบดี เดี๋ยวให้คนเอาตราประทับรองอธิการของคุณส่งไปที่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ด้วยนะครับ ตอนนี้บางเรื่องพอไม่มีตราประทับของอธิการ ดำเนินเรื่องไม่ค่อยสะดวก…”
หวงจิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ถังเฟิงก็มองฟางผิงอย่างตกใจเช่นกัน
เจ้าฟางผิงสมองละลายกับน้ำไปแล้วจริงๆ สินะ?
ต้องรนหาที่ตายให้ได้ถึงจะสบายใจ?
“อธิการอู๋ไม่อยู่มหาวิทยาลัยไม่ใช่เหรอครับ? ตราประทับของอธิการอยู่ในมหาวิทยาลัยหรือเปล่า? ถ้าอยู่ ส่งไปที่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์…”
“ฟางผิง…”
หวงจิ่งลังเลอย่างเห็นได้ชัด กระแอมไอว่า “ไม่จำเป็นต้องกดดันจนเกินไป ช่วงเวลาที่ควรผ่อนคลายก็ผ่อนคลายซะ แม้การแข่งขันแลกเปลี่ยนจะสำคัญ แต่แค่ฝีมือเพียงพอแล้ว ถึงปีนี้จะไม่ได้อันดับหนึ่ง ปีหน้าพวกเรายังสามารถช่วงชิงต่อได้”
หวงจิ่งสงสัยว่าฟางผิงจะกดดันมากเกินไป ตอนนี้จึงเป็นโรคประสาทอ่อนๆ
นี่ไม่ใช่เรื่องอวดดีอีกแล้ว แต่เป็นอาการป่วย
ให้อธิการสองคนส่งตราประทับให้เขา นี่ไม่ใช่ป่วยแล้วจะเป็นอะไรได้อีก?
ถังเฟิงขมวดคิ้วเช่นกัน “ลูกผู้ชายชาติทหาร ชนะได้ก็ต้องยอมรับความแพ้ให้ได้ เรื่องแค่นี้ยังต้านความกดดันไม่ได้?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “การแข่งขันแลกเปลี่ยน? ผมไม่ได้กดดันจริงๆ นะครับ คณบดี อาจารย์ถัง พวกคุณคิดว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะสร้างแรงกดดันให้ผมได้? ผมจริงจังนะ พวกคุณไม่ค่อยอยู่ในมหาวิทยาลัย เรื่องของมหาวิทยาลัยไม่ต้องสนใจก็ได้ ทำหน้าที่เป็นผู้ข่มขวัญคนอื่นก็พอแล้ว เลียนแบบผู้เฒ่าหลิว…”
“ปัง!”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
ฟางผิงถูกอัดจมไปกับพื้น แน่นิ่งแทบไม่ไหวติง
หวงจิ่งหน้าดำเป็นก้นหม้อ ไม่พูดพร่ำทำเพลง แค่นเสียงหนักอีกครั้ง สะบัดมือเปิดหน้าต่างออก ก่อนร่างของฟางผิงจะพุ่งหายวับออกไปจากหน้าต่าง
รอเจ้าหมอนี่ถูกโยนออกไปแล้ว หวงจิ่งค่อยขมวดคิ้วว่า “เขาใช้ฉันแทนห้องคุมอานุภาพ?”
ครั้งนี้ถังเฟิงสังเกตอยู่ตลอดเวลา ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่น่าล่ะ เมื่อครู่จู่ๆ ลมหายใจของเขาก็วูบวาบไม่แน่นอน คณบดีสัมผัสได้หรือเปล่า?”
“อืม”
หวงจิ่งพยักหน้า “เห็นแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี้ฝึกใช้พลังจิตใจทำอะไร คิดจะลองกระบวนท่าของฉัน แต่ไม่มีผลอะไร”
หวงจิ่งส่ายหัว ตอนที่ควรถูกอัดก็ควรถูกอัด ทั้งไม่ได้สัมผัสถึงความผิดปกติอะไร
ถังเฟิงกลับเอ่ยอย่างครุ่นคิด “เขากำลังฝึกใช้การปิดบังลมหายใจหรือเปล่า?”
“ไม่เหมือนอย่างนั้นเลย”
———————