“เมื่อไม่กี่วันก่อน ห้องหมายเลข 104 ได้มีเสียงแปลกๆดังขึ้น และเสียงนั้นก็ค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ ผู้พักอาศัยสองห้องข้างๆได้แจ้งมายังพวกเรา ผมและคนอื่นๆได้เข้าไปตรวจสอบ ก็ไม่พบอะไร ผมก็คิดว่าพวกเขาคิดไปเอง จนเวลาผ่านไป ห้องอื่นๆก็เริ่มได้ยินเช่นกัน พวกเราพยายามค้นหาก็ไม่พออะไร จนทุกคนในชั้นที่ 1 ทนไม่ไหวย้ายออกไปจนหมด เมื่อไม่กี่วันก่อนคนที่พักชั้น 2 ก็เริ่มได้ยินแล้ว ถ้าไม่รีบแก้ไข ทุกคนในหอพักจะต้องย้ายออกไปแน่”
หวังเสี่ยวเปาและเหยาติงหลงพยักหน้าช้าๆ
“เดี่ยวพวกเราจะเข้าไปตรวจสอบก่อน คุณสามารถรออยู่ที่นี่ได้ ไม่ต้องตามพวกเราไป”หวังเสี่ยวเปาพูด
ยามรักษาความปลอดภัยได้ยินก็ถอนหายใจ ก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบลูกกุญแจออกมายื่นให้
“นี้เป็นกุญแจห้อง 104 ครับ”
หวังเสี่ยวเปาเป็นคนรับมาถือ เขามองไปที่จิวโมไป๋และถาม
“น้องเล็ก พวกเราไปเลยไหม”
“ถ้าพร้อมก็ไปได้เลย ภารกิจนี้ไม่มีอันตราย ผมจะไม่ช่วย ทุกคนต้องทำด้วยตัวเอง”จิวโมไป๋ยิ้มแผ่วเบา
“ไม่อันตราย?”เหยาติงหลงได้ยินความกลัวก็หายไปทันที
หวังเสี่ยวเปาก็พยักหน้ารับ จิวโมไป๋ได้บอกเขาก่อนหน้านั้นแล้วว่า ในการทำภารกิจแรก เขาจะไม่ช่วย นอกจากภารกิจจะยุ่งยากจริงๆเขาถึงจะช่วย
หวังเสี่ยวเปาจึงเดินนำไปยังห้องหมายเลข 104
เซี่ยลี่เยว์เดินตามหลังจิวโมไป๋เงียบๆ
จิวโมไป๋หันมามองเซี่ยลี่เยว์ด้วยแววตาครุ่นคิด ก่อนจะอ่อนลงเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยและกระซิบเสียงเบา
“กลัวเหรอ?”
“อ๊ะ!”เซี่ยลี่เยว์สะดุ้งตกใจเผลออุทานเสียงดัง
หวังเสี่ยวเปาและเหยาติงหลงที่เดินอยู่จึงสะดุ้งโหยงตกใจไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้น”เหยาติงหลงหันมาถาม
“ไม่มีอะไร”จิวโมไป๋เดินมาข้างหน้าและตอบหน้าตาย
หวังเสี่ยวเปาและเหยาติงหลงมองด้วยความสงสัยก่อนจะหันกลับไป
เซี่ยลี่เยว์ที่อยู่ด้านหลังหน้าแดงก่ำด้วยความอาย
“ขอโทษ”จิวโมไป๋เก้อเขินเล็กน้อย ที่ทำให้หญิงสาวตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าเซี่ยลี่เยว์จะกลัวเรื่องพวกนี้
ในโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง ผีและวิญญาณ ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเท่านั้น
ทำให้ไม่มีใครกลัวเรื่องพวกนี้เลย
แต่เขาลืมไปว่าโลกในปัจจุบัน ยังมีความรู้สึกกลัวสิ่งลึบลับที่ไม่สามารถจับต้องได้อยู่
“ฉันไม่ได้กลัว”เซี่ยลี่เยว์แก้ตัวด้วยท่าทางเขินอาย
จิวโมไป๋ไม่เซ้าซี้พูดอะไรต่อ คิดในใจว่าจะต้องทำให้หญิงสาวคุ้นชินกับเรื่องพวกนี้ให้ได้ เพราะพวเขาจะต้องทำภารกิจเกี่ยวกับเหตุการณ์วิญญาณอีกมากมาย
“ไม่กลัวก็ไม่เป็นไร ที่จริงแล้ววิญญาณพวกนี้ ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย โดยเฉพาะกับผู้ที่สามารถใช้พลังธาตุได้ ถ้าเห็นพวกมันก็ใช้พลังธาตุโจมตีใส่พวกมันเลย พวกมันก็จะไม่เข้ามาใกล้อีก”จิวโมไป๋แนะนำ
“อืม”เซี่ยลี่เยว์ก้มหน้างุด
หวังเสี่ยวเปาและเหยาติงหลงก็เดินมาหยุดหน้าห้อง 104 พวกเขามองหน้ากันและกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง
“รุ่นพี่จะเป็นคนเปิดไหมครับ”หวังเสี่ยวเปากลายเป็นรุ่นน้องที่เคารพรุ่นพี่ทันที เขายื่นกุญแจห้องให้เหยาติงหลงอย่างให้เกียรติ
เหยาติงหลงจ้องหวังเสี่ยวเปาเขม่งอย่างดุดัน
หวังเสี่ยวเปาลูบผมอย่างช้าๆ และหัวเราะเบาๆ เขาอยากเล่นตลกขับไล่บรรยากาศน่ากลัวออกไปก่อน แต่ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นตลกฝืดได้
เขาสูดหายใจ ก่อนจะเสียบลูกกุญแจเข้าไปและบิดมัน
แก็ก ตัวล็อคประตูเปิดออก ประตูก็ถูกผลักเปิดเข้าไปด้านในทันที
หวังเสี่ยวเปาปล่อยมือออก มองผ่านช่องประตูเข้าไป เห็นห้องมืดสนิทไร้แสงใดๆ
เขายืนอยู่ค้างอยู่ตรงนั้น ความรู้สึกกลัวค่อยๆก่อตัวขึ้น
เหยาติงหลงที่อยู่ข้างๆ เห็นสวิตช์ไฟที่กำแพงด้านในห้อง เขาเอื่อมมือไปกดเปิดทันที
เปะ
แสงไฟในห้องสว่างขึ้นทันที
ทั้งสองก็ถอนหายใจออกมา แต่ในตอนนั้นเอง เสียงหลอดไฟขาดดังขึ้น ห้องกลับมามืดมิดอีกครั้ง
ทั้งสองยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองหน้ากัน
ถ้าเป็นการต่อสู้พวกเขาไม่กลัวเลย แต่เหตุการณ์ลึกลับแบบนี้ มันทำให้พวกเขารู้สึกกลัวขึ้นมาไม่ได้
ระหว่างที่ชายทั้งสองกำลังกล้าๆกลัวๆ
เซี่ยลี่เยว์ก็เดินผ่านพวกเขาเข้าไป กำไลข้อมือของเธอเปิดโหมดไฟฉาย แสงสีขาวฉายผ่านกำไลข้อมือ ทำให้ทั้งห้องสว่างจ้า
ชายทั้งสองจึงได้สติรีบเดิมตามเข้าไป
เมื่อเข้าไปพวกเขาก็ไม่พบอะไร เพียงมองรอบเดียวพวกเขาก็สำรวจห้องทั้งหมดได้แล้ว ห้องนี้มีเพียง 1 ห้อง 1 ห้องน้ำ ไร้เฟอร์นิเจอร์ซักชิ้นเดียว
หวังเสี่ยวเปาและเหยาติงหลงเห็นว่าไม่พบอะไรเลย ความกลัวก็หายไป พวกเขาแยกกันเดินไปรอบๆ ก่อนจะเข้าไปห้องน้ำ ก็ไม่พบอะไร
“ไม่เห็นมีอะไรเลย”หวังเสี่ยวเปาขมวดคิ้ว
“หรือเป็นวิญญาณพเนจร?”เหยาติงหลงพูดขึ้น เขาเคยได้ยินประเภทผีต่างๆที่จิวโมไป๋เคยบอก
“ไม่ใช่ ถ้าเป็นผีพเนจร มันคงไม่อยู่ติดที่นานๆ จนทำให้คนที่พักที่อื่นเดืิอดร้อน”เซี่ยลี่เยว์พูดขึ้น ดวงตาคู่งามหรี่ลง ก่อนที่ร่างของเธอจะแผ่พลังธาตุสีฟ้าออกมา