จิวโมไป๋ขมวดคิ้ว ความรู้สึกไม่สบายใจก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
การหายตัวไปของโครงกระดูกสีเขียว ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล
“โมไป๋ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”ฮั่วหวูเหยาจับแขนจิวโมไป๋และกระซิบเสียงเบา เธอสังเกตเห็นความผิดปรกติของลูกชายของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง
ได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนของผู้เป็นแม่ จิวโมไป๋สงบใจลง คิ้วคลายออก เขาหันมายิ้มตอบ
“ไม่มีอะไรครับแม่ แค่คนของรัฐบาลติดต่อมาถามเกี่ยวกับงานที่ผมทำ ก่อนหน้านี้”จิวโมไป๋โกหก
“ทางการเรียกลูกไปหรือเปล่า ถ้างานสำคัญ ลูกไปก่อนก็ได้ ที่นี่ลูกบอกว่าปลอดภัย ไม่น่าจะมีอันตรายอะไร พวกเราสามารถอยู่กินลมชมวิวรอลูกได้”ฮั่วหวูเหยาพูดขึ้น เธอคิดว่าที่ลูกชายของเธอไม่สบายใจ เพราะว่ารัฐบาลเรียกไปทำงานในวันปีใหม่
“เข้าใจผิดแล้วครับ ไม่มีใครเรียกผมไปไหนเลย รัฐบาลส่งคำถามยากๆเกี่ยวกับภารกิจมาแค่นั้นเอง”จิวโมไป๋ส่ายหน้า
“ไม่เป็นอะไรจริงๆนะ”ฮั่วหวูเหยาจ้องมองตาจิวโมไป๋ จับผิดว่าเขากำลังโกหกอยู่หรือไม่
“ไม่มีอะไรจริงๆครับ”จิวโมไป๋มองสบตาสายตอบ อย่างไม่มีอะไรผิดปรกติ
ฮั่วหวูเหยาจึงเบาใจ เธอหันกลับมาพูดคุยและทานปลาย่างกับคนอื่นๆต่อ
จิวโมไป๋สงบใจลงได้แล้ว เขาไม่รีบร้อนที่จะไปค้นหาโครงกระดูกสีเขียว
แต่เขาแบ่งจิตใจ ใช้สมาธิเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งใช้จิตสัมผัสขยายปกคลุมทั้งเกาะโดดเดี่ยวเพื่อป้องกันอันตราย โดยเฉพาะปากถ้ำทางเข้าเขาวงกตโครงกระดูก
อีกส่วน เขาทำตัวปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สี่คนและห้าตัว ทานอาหารพูดคุย ดื่มด่ำบรรยากาศอย่างมีความสุข จนเวลาผ่านไปถึงตอนเย็น พวกเขาก็เก็บสิ่งสกปรกใส่ถุงขยะ หิ้วกลับไปพื้นที่พักแขกของสำนัก
เสี่ยวเฮยนอนนิ่งๆอยู่ริมทะเลสาบอย่างสบายใจ
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหม่ย แยกกับคนอื่นๆ วิ่งไปยังวัดดอกบัวทอง
จิวโมไป๋และคนอื่นๆ มานั่งที่สาลาหน้าที่พัก และพูดคุยกันต่อ เสี่ยวจิ้นบินไปเกาะที่หลังคาศาลาและมองไปรอบๆ
เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด พวกเขาก็กลับเข้าอาคารพัก เสี่ยวจิ้นร่อนลงพื้นหุบปีก เดินกระโดดตามเข้ามา
แม่เข้าไปทำอาหารในห้องครัว
คนอื่นๆช่วยกันจัดโต๊ะทำอาหาร
เมื่ออาหารทำเสร็จ ทุกคนก็นั่งลงทานอาหาร อาหารของเสี่ยวหงและเสี่ยวจิ้นแยกไปอีกด้าน
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหม่ยเหมือนรู้ว่าอาหารเสร็จแล้ว พวกมันวิ่งมาอย่างรวดเร็ว เขาทานอาหารด้วยกัน
หลังทานอาหาร จิวเสวี่ยเหม่ยก็หยิบ เกมส์กระดานออกมากางบนโต๊ะหน้าโซฟา และชวนทุกคนเล่นด้วยกัน
ทุกคนนั่งบนโซฟาเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าดึกแล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายกันเข้าพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง
จิวโมไป๋รอให้ทุกคนนอนหลับ ก่อนจะลอบออกจากที่พักทางหน้าต่าง โดยไม่มีใครสังเกต
เขาไปที่ทางเข้าเขาวงกตโครงกระดูก ในมือถือพลองสีทอง เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ
ไปถึงเขาก็ตรวจสอบทางเข้า ก็พบร่องรอยว่าประตูหินเคยเปิดออกจริงๆ เขาไม่รอช้ากดกลไก เปิดประตูหิน
เขาเข้าไปโดยไม่ใช้อุปกรณ์ให้แสงสว่าง เพราะสายตาของเขาสามารถมองเห็นในความมืดได้
แต่พอเขาเข้าไป เพียงก้าวแรกเขาก็สังเกตเห็นความผิดปรกติ เขาใช้จิตสัมผัสขยายออกไปทันที
“โครงกระดูกหายไปไหนหมด?”
โครงกระดูกที่เขาไม่ได้กำจัดในการสำรวจครั้งที่แล้ว ปรกติจะเดินไปทั่วเขาวงกต แต่ตอนนี้พวกมันหายไปอย่างสิ้นเชิง
จิตสัมผัสขยายไปยังห้องข้างๆ ก็ไม่พบโครงกระดูกใดๆ
มันไม่แปลกอะไร ถ้าโครงกระดูกพวกนั้น เดินสะเปะสะปะไปทั่ว ไม่ได้มายังห้องนี้ แต่ตอนนี้โครงกระดูกห้องอื่นๆก็ไม่อยู่เช่นกัน
มันผิดปรกติอย่างมาก!
และที่น่าแปลกอีกอย่างหนึ่งก็คือ โครงกระดูกที่ถูกเขาทำทานเป็นชิ้นๆ กองอยู่ทั่วห้อง หายไปอย่างสิ้นเชิง เหลือเพียงกองผงดินสีเทาดำกองบนพื้น แทบจะกินพื้นที่ทั้งหมด
จิวโมไป๋คิดอะไรได้ เขาก้มลงใช้นิ้วแตะที่ผงดินสีเทาดำ ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยก่อนจะสะบัดผงดินออก
“ผงกระดูก”
จิวโมไป๋กวาดตามองไปรอบๆ ผงดินบนพื้นทั้งหมด เป็นกระดูกทั้งหมด เขาเริ่มรู้สึกไม่ได้ แผ่จิตสัมผัสออกไปอีก
เขาก็พบว่าทุกห้องในเขาวงกตไม่มีโครงกระดูกหรือเศษกระดูกเลยซักห้องเดียว เหลือเพียงผงกระดูกที่กองอยู่เท่านั้น
จิวโมไป๋ขมวดคิ้ว เขามีลางสังหรณ์ว่าต้องเป็นฝีมือของโครงกระดูกเขียวอย่างแน่นอน!
รอช้าอีกไม่ได้
จิวโมไป๋รู้สึกกังวลขึ้นมา เขาใช้ท่าร่างผสานกับกฎแห่งธาตุลม ทะยานออกไปด้วยความเร็ว ผ่านทางวงกต ผ่านห้องนับไม่ถ่วน เพียงไม่ถึง 1 นาที เขาก็มาถึงโถงขนานใหญ่ด้านในสุดของเขาวงกตโครงกระดูก มาหยุดตรงด้านหน้าหุบเหวลึก
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปฝั่งตรงข้ามหน้าผา ก็เห็นประตูยักษ์เป็นอย่างแรก
สีหน้าของจิวโมไป๋พลันฉายความงุนงง
“ประตูนี่มันอะไร อยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ในตอนนั้นเอง ความทรงจำเลือนลางพลันผุดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ความทรงจำนี้มัน?”จิวโมไป๋ยกมือซ้ายขึ้นกุมหัว ความทรงจำชัดเจนขึ้น ก่อนที่เขาจะจำทั้งหมดได้ เขามองประตูด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ประตูนี่มันทำให้ความทรงจำหายไป!”