หวังเสี่ยวเปาได้ยินคำถามของจิวโมไป่ เขาก็มองจิวโมไป๋ด้วยสายตาล้อเลียน
“เซี่ยลี่เยว์ เธอไปที่ห้องกลั่นธาตุน้ำ”หวังเสี่ยวเปาตอบด้วยน้ำเสียงปนอิจฉาเล็กน้อย”เมื่อวานนี้ เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของกฎแห่งธาตุน้ำ เธอจึงไปที่ห้องกลั่นธาตุน้ำ เพื่อใช้พลังธาตุน้ำที่หนาแน่น ช่วยให้ตระหนักกฎแห่งธาตุน้ำได้เร็วขึ้น”
จิวโมไป๋พยักหน้า พร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย ในพรสวรรค์อันแข็งแกร่งของเซี่ยลี่เยว์ ที่เธอสามารถเข้าใจเจตจำนงกระบี่ และตระหนักกฎแห่งธาตุน้ำได้ ก่อนเลื่อนไปขั้นที่ 6 โลหิต อนาคตของเธอไร้ขอบเขตอย่างแน่นอน
เหยาติงหลงที่ยืนอยู่พูดขึ้น”วิชากระบี่ของเซี่ยลี่เยว์ สามารถเอาชนะพวกเราสองคนพร้อมกันได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้เธอสามารถตระหนักกฎแห่งธาตุน้ำได้อีก ไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งของเธอจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่”
“ความเข้าใจวิชาดาบพื้นฐานของฉันยังไปไม่ถึงไหนเลย ความเข้าใจของฉันไม่ได้แข็งแกร่ง ถ้าฉันฝึกฝนวิชาดาบพื้นฐานไปจนถึงระดับเจตจำนง คงต้องใช้เวลาหลายปี ฉันไม่อยากเสียเวลา คงเลื่อนระดับการบ่มเพาะพลังไปขั้นที่ 6 ก่อนแน่ๆ”เหยาติงหลงยกดาบไม้ขึ้นและพูดด้วยความผิดหวัง
เขาเคยได้ยินจิวโมไป๋บอกถึงความสำคัญของการเข้าใจวิชาพื้นฐาน ระดับเจตจำนงมาก่อน
เขาจึงพยายามฝึกฝนอย่างหนัก แต่ความก้าวหน้าของเขาช้าลงเรื่อยๆ ยากที่จะผ่านระดับความเข้าใจสูงขึ้นได้
บ่งบอกถึงความยากในการเลื่อนระดับความเข้าใจในวิชาอาวุธ
ผู้บ่มเพาะพลังที่มีพรสวรรค์อันน่าอัศจรรย์เพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่สามารถตระหนักวิชาอาวุธพื้นฐานก่อนขั้นที่ 6 โลหิตได้
แม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังจากโลกแห่งการบ่มเพาะพลังก็มีน้อยนิด
“รุ่นพี่อย่าหมกมุ่นในการฝึกฝนเคล็ดวิชาจนมากเกินไป แต่ล่ะคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน ต้องฝึกฝนในสิ่งที่เราถนัดมากที่สุด เพื่อไม่ให้สูญเสียความสามารถของเราไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ระดับความเข้าใจดาบของรุ่นพี่ไม่ได้อ่อนแอ แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าถึงระดับเจตจำนงได้ รุ่นพี่ก็ยังสามารถเข้าใจวิชาดาบพื้นฐานถึงระดับเข้าใจหรือแม้แต่ระดับตระหนักรู้ได้
รุ่นพี่ต้องฝึกฝนให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แม้ว่าจะไม่สามารถไปถึงระดับเจตจำนง แต่ในอนาคต เมื่อรุ่นพี่ต้องการที่จะตระหนักกฎแห่งพลัง ความพยายามในการทำความเข้าใจเคล็ดวิชาพื้นฐานเหล่านี้ จะช่วยให้รุ่นพี่ตระหนักกฎแห่งพลังที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น”จิวโมไป๋พูดปลอบและแนะนำเหยาติงหลงพร้อมกับหวังเสี่ยวเปาที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ
หวังเสี่ยวเปาและเหยาติงหลงฟังอย่างตั้งใจ แต่พวกเขายังอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับเซี่ยลี่เยว์ ไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของจิวโมไป๋ที่เหนือกว่าเซี่ยลี่เยว์ไปอีกขั้น มันทำให้พวกเขารู้สึกกดดันอย่างมาก
ทั้งสามพูดคุยกันครู่ใหญ่
“สิ้นปีใหม่แล้ว ฉันจะกลับเมืองเทียนซู พวกนายจะกลับด้วยกันไหม?”จิวโมไป๋ถามขึ้นขณะที่พวกเขากำลังนั่งดื่มน้ำที่โต๊ะพักผ่อน
“ฉันจะกลับด้วย”หวังเสี่ยวเปาพยักหน้าอย่างไม่ต้องคิด ในตอนนี้เขาเลื่อนระดับการบ่มเพาะพลังเป็นขั้นที่ 5 กระดูกปลายแล้ว และความเข้าใจกฎแห่งธาตุดินอยู่ในระดับสูง การฝึกฝนร่างกายมาถึงขีดจำกัดที่เขาฝึกฝนได้แล้ว ในปัจจุบันเขาขาดเพียงประสบการณ์ต่อสู้เท่านั้น
เกมส์ต่อสู้ความรู้สึกเสมือนจึงมีประโยชน์กับเขาเป็นอย่างมาก การเล่นเกมส์นี้สามารถเล่นได้ทุกที่ ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่
เขาจึงจะกลับบ้านเพื่อฉลองวันปีใหม่กับครอบครัว และใช้เวลาว่างเล่นเกมส์
เหยาติงหลงนิ่งคิด ก่อนจะส่ายหน้าด้วยความเสียใจ เขายังคงต้องฝึกฝนที่นี่ต่อไป เพื่อผ่านขั้นที่ 5 กระดูกปลายก่อน เพื่อที่เขาจะร่วมทำภารกิจกับจิวโมไป๋และคนอื่นๆ
เขาอายุมากกว่าทั้งสามคน เขาจึงไม่อยากเป็นตัวถ่วงของทุกคน
จิวโมไป๋พยักหน้า ทั้งสามคนพูดคุยกันอีกครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาและหวังเสี่ยวเปาจะเก็บของเตรียมกลับเมืองเทียนซู
เหยาติงหลงจ้องหวังเสี่ยวเปาเขม่งและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงข่มขู่
“ถ้านายจะออกไปข้างนอกกับน้องสาวของฉัน นายจะต้องติดต่อมาบอกฉันก่อน ถ้าไม่ติดต่อมาฉันจะฆ่านายแน่”
“ครับๆ”หวังเสี่ยวเปายิ้มแห้งๆ เหมือนถูกจับได้ แม้เขาจะแข็งแกร่งกว่าเหยาติงหลง แต่อีกฝ่ายเป็นพี่เขยของเขาในอนาคต มันไม่ดีที่เขาจะทุบตีอีกฝ่าย ถ้าเขาทำเขาจะต้องถูกเหยาติงติงเล่นงานอย่างแน่นอน
จิวโมไป๋และหวังเสี่ยวเปาบอกลาเหยาติงหลง และออกจากห้องฝึก
พวกเขาติดต่อไปยังเซี่ยลี่เยว์ ก็ได้รับข้อตวามตอบกลับอัตโนมัติกลับมา
เซี่ยลี่เยว์บอกว่า เธอกำลังทำความเข้าใจกฎแห่งธาตุน้ำอยู่ จึงไม่สามารถออกมาได้
จิวโมไป๋จึงส่งข้อความไปบอกหญิงสาว ให้เธอมาพบพวกเขาหลังจากที่ออกจากการฝึกฝน เพื่อทำภารกิจกลุ่มครั้งแรกด้วยกัน
พวกเขามาที่ส่วนกลางของสำนักงาน
ก่อนจะออกจากสำนักงานหน่วยมังกรซ่อน
จิวโมไป๋เข้าไปที่ห้องแลกเปลี่ยนสิ่งของ เขาใช้คะแนนเครดิตนับหมือนที่จางฟูมอบให้ ซื้อแร่ต่างๆ และสมุนไพรล้ำค่าจนหมด
ก่อนที่พวกเขาจะนั่งเครื่องบินล่องหนกลับเมืองเทียนซู
เมื่อเครื่องบินเขาเขตเมืองเทียนซู เมืองทั้งเมืองก็ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน
จิวโมไป๋และหวังเสี่ยวเปา ออกจากเครื่องบินร่องหน พวกเขาก็พบว่าอากาศที่นี่ไม่ได้หนาวมากนัก พวกเขาไปนั่งที่ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ไม่ไกล และกาแฟร้อนมาดื่ม