แสงแดดจากดวงอาทิตย์ ส่องลงมาสะท้อนน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกเบื้องล่าง เกิดประกายแสงระยิบระยับ
“หนาวววว”หวังเสี่ยวเปากอดแขนและถูแขนไปมา เขาดึงขาสองข้างออกจากพื้นที่กลายเป็นลานน้ำแข็ง ทิ้งรอยเท้าสองข้างเอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองจี้หยางเฟยที่ยืนบนรถบรรทุกที่ถูกแช่แข็งกลายเป็นสีขาวโพลน
พื้นที่รอบๆร่างของจี้หยางเฟยกลายเป็นลานน้ำแข็ง แช่แข็งรถบรรทุกหลายสิบคันที่จอดและชายชุดดำหลายสิบคนพร้อมๆกัน
“แข็งแกร่งมาก”หวังเสี่ยวเปากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชม
“ความแข็งแกร่งระดับนี้ เขาต้องเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน แต่พื้นที่ใหญ่ขนาดนี้ เขาแช่แข็งทุกอย่างภายในอึดใจเดียวได้ยังไง”เหยาติงหลงกระซิบเสียงเบา สายตามองจี้หยางเฟยด้วยความชื่นชมปนสงสัย
“อารมณ์ของเขา ดูไม่เหมือนผู้ใช้กฎแห่งธาตุน้ำแข็งเลย”
เพราะเขาเคยเห็นผู้ใช้กฎแห่งธาตุน้ำแข็งมาก่อน ผู้ใช้กฎแห่งธาตุน้ำแข็งส่วนใหญ่จะมีลักษณะนิสัยที่เย็นชา จริงจัง ไม่สนใจผู้คน ราวกับคนทั้งโลกเป็นหนี้ตัวเอง
ไม่เหมือนกับจี้หยางเฟยที่มีท่าทางเฉือยชา ดูเหมือนทำอะไรไม่จริงจัง และดูอบอุ่นใจดี เขาไม่มีท่าทางเย่อหยิ่ง เย็นชาอยู่เลย
มันจึงทำให้เขาแปลกใจ ที่พบว่าจี้หยางเฟยเป็นผู้ใช้กฎแห่งธาตุน้ำแข็งจริงๆ
หวังเสี่ยวเปาพยักหน้าเห็นด้วย เขานึกถึงเย่จื่อปิง แม่ของลูกของเฉินหู น้องรองของเขา ที่เย็นชาราวกับราชินีน้ำแข็ง แตกต่างจากจี้หยางเฟยอย่างสิ้นเชิง
เซี่ยลี่เยว์ลอบมองจี้หยางเฟย คิ้วคู่งามขมวดเล็กน้อย เธอสัมผัสได้ถึงพลังกระบี่อันแหลมคมบางเบาจนแทบจะสัมผัสไม่ได้ จากร่างของจี้หยางเฟย
ถ้าวิชากระบี่ของเธอ ไม่ถึงระดับเจตจำนง เธอคงไม่สามารถสัมผัสถึงพลังกระบี่จากร่างของจี้หยางเฟยได้ คนที่มีสภาวะกระบี่ที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติได้อย่างนี้ จะต้องเป็นคนที่มีระดับวิชากระบี่ที่ไม่ธรรมดา
ระดับของเขาจะต้องสูงกว่าเธอหลายขั้น!
“ไปกันเถอะ”หวังเสี่ยวเปากล่าวขึ้น ก่อนจะเดินนำเหยาติงหลงและเซี่ยลี่เยว์ไปตามพื้นน้ำแข็ง ไปหาจ้าวลู่เฟิน ที่กำลังรอให้จี้หยางเฟยละลายน้ำแข็งหลังท้ายรถบรรทุกออก เพื่อตรวจสอบสิ่งของภายในว่าถูกทำลายหรือเปล่า
“หืม”จี้หยางเฟยที่กำลังละลายน้ำแข็งหยุดลง ก่อนจะหันกลับไปมองทางด้านหลัง จ้าวลู่เฟินก็เหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เธอเอนตัวไปด้านข้าง มองไปผ่านไปด้านหน้ารถบรรทุก มองไปตามถนนที่ทอดยาวออกไป
หวังเสี่ยวเปาและคนอื่นๆ เห็นการเคลื่อนไหวของจ้าวลู่เฟิน พวกเขาก็เอนตัวมองตาม
ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เห็นร่างสีดำ ในชุดสีดำสนิทปิดมิดชิดเห็นเพียงดวงตาไร้ประกาย กำลังทะยานเข้ามาด้วยความเร็วสูง เข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อยๆ
จี้หยางเฟยสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เขายกนิ้วชี้ข้างขวาขึ้น ชี้ไปที่ร่างสีดำที่กำลังใกล้เข้ามา แสงสีขาวอันเย็นเยือกพุ่งออกจากนิ้วมือ เป็นลำแสงสีขาวเย็นยะเยือกโจมตีไปยังร่างสีดำ
ร่างสีดำไม่สนใจการโจมตีของจี้หยางเฟย ยังคงวิ่งตรงดิ่งมาอย่างไม่เกรงกลัว ดวงตาไร้ประกาย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ราวกับคนตาย
เมื่อลำแสงสีขาวกำลังจะกระทบถูกร่าง ในตอนนั้นเองเงาสีแดงเข้มพลันพุ่งทะยานออกมา ปะทะเข้ากับลำแสงสีขาว
ตูม! คลื่นพลังกระจายออกไปโดยรอบ อากาศถูกความเย็น กลายเป็นหมอกสีขาวปกคลุมโดยรอบ
ฟุบ เงาสีแดงพุ่งออกจากหมอก มันเป็นนกอินทรีทะยานสีแดงเข้ม กลางปีกเต็มที่ยาว 4 เมตร บนหลังของมันมีร่างสีดำกอดอยู่
นกอินทรีสีแดงเข้มบินตรงเข้าหาจี้หยางเฟยด้วยความเร็วสูง
จี้หยางเฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเขามองเห็นความแข็งแกร่งของร่างสีดำได้ มันเป็นเพียงความแข็งแกร่งขั้นที่ 6 โลหิตเท่านั้น แต่เขาสามารถใช้ร่างเงาอวตารได้
“ผู้ใช้ยาพันธุกรรม?”จี้หยางเฟยเข้าใจอะไรบางอย่าง ในตอนที่เขาถูกจับ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับยาพันธุกรรมมาบ้าง
เมื่อเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ที่ยานี้สามารถทำให้ใช้อวตารได้ทั้งๆที่ระดับขั้นพลังไม่ถึงจริงๆ
“ฉันจะจัดการเอง นายละลายน้ำแข็งต่อไป”จ้าวลู่เฟินพูดขึ้น ก่อนที่ร่างของเธอจะเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง เห็นเพียงเงาสีแดงพุ่งออกไป
จ้าวลู่เฟินวิ่งพ้นรถบรรทุก ก็ฟาดแส้สีแดงเลือดออกไปยังร่างสีดำบนนกสีแดงเข้มบนอากาศอย่างโหดเหี้ยม
เพียะ! แส้ฟาดไปที่ร่างสีดำอย่างจัง กระแทกร่างสีดำและนกอินทรีลงไปด้านล่างกระแทกลงพื้นอย่างแรง
จ้าวลู่เฟินเลิกคิ้วด้วยความสงสัย มองร่างสีดำที่ลุกยืนอย่างรวดเร็ว เสื้อสีดำฉีกขาดเป็นทางยาวเผยให้เห็นผิวสีเหลืองซีด รอยแส้จมลึกลงไปในเนื้อ แต่ไม่มีเลือดไหลออกมาสักหยดเดียว
“ผีดิบ?”จ้าวลู่เฟินดึงแส้กลับ ก่อนจะฟาดแส้โจมตีอีกครั้ง
นกอินทรีสีแดงเข้มบินเข้ามาขวางแส้ ก่อนที่ร่างของมันจะแตกสลาย กลายเป็นประกายแสงสีแดงเข้ม พุ่งเข้าไปในร่างสีดำ
จี้หยางเฟยรู้สึกถึงอันตรายบางอย่าง เขาตะโกนบอกจ้าวลู่เฟิน
“รีบถอยกลับมา!”
ก่อนที่รัศมีวงกลมจะขยายออกจากร่างของเขาไปหลายสิบเมตร เข้าครอบงำร่างสีดำ
เงากระบี่เยือกแข็งพลันปรากฏขึ้นตรงหน้า ก่อนที่มันจะพุ่งทะยานออกไป เสียบที่ร่างของร่างสีดำในทันที!
เซี่ยลี่เยว์ที่มองอยู่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอมองรัศมีกระบี่ของจี้หยางเฟยตาไม่กระพริบ การควบคุมสนามพลังเจตจำนงได้โดยไม่ต้องใช้อาวุธ ระดับการเข้าใจของจี้หยางเฟยดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าที่เธอคิดมาก
เธอคาดเดาระดับวิชากระบี่ของจี้หยางเฟยได้ว่า มันอยู่ในระดับเจตจำนงสมบูรณ์ และอีกเพียงก้าวเดียวก็จะสามารถทะลวงผ่านไปขั้นต่อไปได้!