จิวโมไป๋เดินออกจากห้องควบคุมระบบปฏิบัติการ เป็นทางเดินโล่งยาวไม่มีสิ่งกรีดขวาง ด้านบนมีกล้องวงจรปิดตลอดทาง สุดทางเดินเป็นแยกสามด้าน มียามเฝ้าอยู่ หกคน พวกเขายืนจับคู่ มองออกไปสุดทางเดินของตัวเอง
เพราะเป็นทางเดินยาว ทำให้ยากแก่การซ่อนตัว และต้องตรงไปเท่านั้น ด้วยระยะที่ไกล ทำให้ไม่สามารถ เข้าโจมตียามได้เร็ว แค่พ้นทางเดินมา ยามก็รู้ตัว ตั้งท่าพร้อมต่อสู้ได้ทันที พูดได้ว่าเป็นการเฝ้าระวังที่สมบูรณ์แบบ
แต่โชคร้ายที่พบกับจิวโมไป๋
จิวโมไป๋หยิงยันต์สีเหลืองออกมา เมื่อแผนยันต์ถูกเผาไหม้และหายไป หมอกสีขาวก็ปกคลุมร่างของเขาเอาไว้ ทำให้สายตาของมนุษย์โฟกัสมาที่เขาได้ยาก ถ้าไม่เพ่งมองดีๆก็ไม่สามารถมองเห็นได้ง่ายๆ
สำหรับกล้องวงจรปิด เขาใช้พลังวิญญาณหยุดการทำงานของมันอย่างง่ายดาย เมื่อพร้อมเขาก็วิ่งไปตามทางเดินยาว
ยามที่มองมาที่เขามองผ่านร่างของเขาไปโดยไม่พบความผิดปรกติ
จิวโมไป๋วิ่งด้วยความเร็วสูง เมื่อถึงระยะ 10 เมตร หมอกซ่อนสายตาจะไม่ทำงาน เขาก็ระเบิดความเร็ว หายวับไปปรากฏขึ้นด้านบนเหนือหัวของทั้งหกโดยที่ไม่ถูกค้นพบ เท้าของเขายึดติดกับเพดานไม่ตกลงมา ก่อนที่เขาจะใช้ความเร็วพุ่งออกไปที่ทางเดินอีกด้าน เมื่อพ้นระยะ 10 เมตรเขาก็ร่อนลงพื้น ก่อนจะใช้ความเร็ววิ่งออกไปโดยไม่ถูกค้นพบ เมื่อไปถึงยามเฝ้าระวังอีกด้านเขาก็ใช้ความเร็วไปเกาะเพดานด้านบนเพื่อหลบสายตาอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เขาไม่รีบ เพราะทางเดินนี่ ตรงกลางเป็นห้องเก็บยาพันธุกรรม
เขาคิดแล้วว่า เขาจะต้องขโมยตัวอย่างยาพันธุกรรมที่สมบูรณ์ไปให้ได้จำนวนหนึ่งก่อนที่ ทีมสนับสนุนจะมาถึง
เมื่อทีมสนับสนุนมาถึง คนพวกนี้จะต้องทำลายยาพันธุกรรมทันทีอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้ได้รับความผิด
แม้การขายยาอันตรายจะมีความผิด
แต่ระดับการลงโทษมากน้อยไม่เท่ากัน
ถ้าเป็นยาที่มีความอันตรายระดับต่ำ ก็จะไม่ถูกตัดสินโทษรุนแรง อาจเสียค่าปรับและจำคุกไม่กี่เดือน
แต่ถ้าเป็นยาอันตราย ที่ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต อาจติดคุกตลอดชีวิตหรือถูกประหานก็เป็นได้
ยาพันธุกรรมนี้เป็นยาอันตรายร้ายแรง แม้จะไม่ถึงตาย แต่ผู้ได้รับจะสูญเสียพรสวรรค์ทั้งหมดไป
บทลงโทษรุนแรงไม่แพ้ยาที่ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต!
คนพวกนี้เพื่อปกปิด พวกเขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดยาไปอย่างสิ้นเชิง
เขาใช้จิตสัมผัส มองเห็นระเบิดหลายลูกในทุกๆถู้เย็น
ถ้าระเบิดพวกนี้ระเบิดออก ยาพันธุกรรมทั้งหมดจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถตรวจสอบได้
ความผิดที่ได้รับจะเหลือแค่ขายยาอันตรายเท่านั้น
ความผิดที่ได้น้อยจนน่าสมเพช
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบประตูทางเข้าห้องเย็น เขาก็พบว่ามีระบบทำลายตัวเองหลายชุด ถ้าบังคับเปิดเข้าไป ระเบิดจะทำงานทันที การจะเข้าไปต้องใช้วิธีเฉพาะเท่านั้น
สีหน้าของจิวโมไป๋กลายเป็นจริงๆ สมองครุ่นคิดด้วยความเร็วสูง
หรือจะไปขโมย ในระหว่างที่กำลงขนยาพันธุกรรมเข้าห้องเย็น
จิวโมไป๋ส่ายหน้าทันที ด้วยการเฝ้าระวังเข้มงวดอย่างนี้ แม้ว่าเขาจะปลอมตัวซ่อนตัวยังไงก็ต้องถูกค้นพบ
มีทางเดียวคือลอบเข้าไปในห้องเย็นนี้
จิวโมไป๋ครุ่นคิดแผน
ด้านหน้าประตูมียาม 4 คนเฝ้าอยู่
และมียามเฝ้าทางเดินอีกสองด้านที่จะสามารถเข้าช่วยได้ทันที
จิวโมไป๋อ่านะระยะที่พวกเขายืนอยู่
เขาก็คิดแผนได้
จิวโมไป๋ไม่รอช้ากระโดดลงจากเพด้านไปที่ทางเดินทางด้านหน้าห้องเย็น เขาไม่รีบร้อน เดินเข้าใกล้ประตูขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงระยะ 10 เมตร เขาก็โบกมือแท่งรากไม้แหลมคมก็พุ่งเข้าไปปักที่จุดหยุดการเคลื่อนไหวของทั้ง 4 คนอย่างแม่นยำ
ทั้งสี่คนชะงักกึก ดวงตากรอกไปมาด้วยความงุนงง เมื่อเห็นจิวโมไป๋อยู่ๆก็ปรากฏตัว พวกเขาก็ตกตะลึงราวกับเจอผี
จิวโมไป๋ เดินมาหาพวกเขา ก่อนจะค้นตัว หาตัวเปิดประตูบนร่างของพวก แต่ก็ไม่พบอะไร
ตัวเปิดประตูจะต้องอยู่กับผู้ที่สามารถเคลื่อนย้ายยาพันธุกรรมได้
จิวโมไป๋มองไปที่ประตู ก่อนจะเปิดกำไลข้อมือ จับคลื่นสัญญาณ เขาก็พบคลื่นสัญญาณพิเศษ เขาไม่รอช้าเริ่มทำการแฮกทันที แต่พอแฮกไปได้ครึ่งหนึ่งเขาก็ต้องหยุดเพราะเขาพบกับดัก
ถ้าเขาฝืนแฮกต่อไป มันจะส่งสัญญาณออกมา ระเบิดในห้องจะทำลานทันที
จิวโมไป๋ใช้เทคนิคหลบเลี่ยงกับดักอย่างง่ายดาย ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เขาก็แฮกระบบประตูได้สำเร็จ
แต่ก่อนที่เขาจะเปิดประตู เขามองไปยังยามทางซ้ายและขวาของทางเดินที่มองมา
เขาหยิบยันต์ออกมา หมอกสีขาวปกคลุมประตู คนที่อยู่ไกลออกไปจะมองเห็นว่าประตูปิดอยู่
เขาสั่งเปิดประตูและเข้าไปในทันที
เมื่อเข้าไป เขาไม่รอช้ากดถ่ายยาพันธุกรรมเหล่านี้เพื่อเป็นหลักฐาน ก่อนจะลอบหยิบมันใส่ไปในแหวนมิติเก็บของ ใช้เวลาเพียง 10 วินาที เขาเห็นไปทั้งหมด 100 กว่าขวด
เรียบร้อย
จิวโมไป๋ถอนหายใจโล่งอก เขากำลังเดินออกจากห้องเย็น
แต่ก่อนที่เขาจะออกไป จิตสัมผัสก็สัมผัสได้ถึงอันตราย
ในเวลาเดียวกัน ร่างสูง 2 เมตรในชุดคลุมสีดำปิดใบหน้าก็พุ่งไปตามทางเดินด้วยความเร็วสูง เขาค้นพบความผิดปรกติบางอย่างในกล้องวงจรปิด เขาจึงติดต่อหานายน้อย แต่ไม่สามารถส่งข้อความได้
เขาก็รู้แล้วว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
แต่เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงไม่รีบทำลาย’ธุรกิจ’แต่มาตรวจสอบด้วยตัวเอง
เขามองไปที่ยามรักษาความปลอดภัยที่ยืนมองทางเดิน ไม่พบอะไรผิดปรกติ เขาก็รู้สึกไม่ดี เขาเร่งความเร็วมาถึงห้องเย็น เขาก็เห็นยามหน้าประตู 4 คนที่ยืนแข็งท่ือ ราวกับท่อนไม้ เมื่อเขา เข้าไปในระยะ 10 เมตร ประตูที่ปิดอยู่ก็ส่ายเบาๆ ก่อนจะกลายเป็นประตูที่กำลังเปิดอยู่
สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ไม่รอช้าเขายกมือขึ้นและชกออกไปทันที พลังกดดันอันทรงพลังเหมือนคลื่นยักษ์ที่ถ้าโถมเข้าไป
ยามรักษาความปลอดภัยทั้งสี่คนถูกผลักออกไปสองด้าน
ปัง!
คลื่นหมัดชกเข้าไปอย่างรุนแรง
และในตอนนั้นเอง ระเบิดในห้องก็ทำงานทัน
ตูม ตูม ตูม ตูม
ระเบิดอันรุนแรงระเบิดอย่างรุนแรงในห้องเย็น ทำลายยาพันธุกรรมและทุกสิ่งที่อยู่ในห้องเป็นชิ้นๆ
ชั้นใต้ดินสั่นสะเทือนในระยะสั้นๆก่อนจะสงบลง
ควันสีเทาลอยออกจากห้อง จนมองไม่เห็นว่าภายในห้องเย็น
ห้องเย็นถูกสร้างเป็นพิเศษ แม้ถูกระเบิดอย่างรุนแรง มันก็แค่เกิดความบิดเบี้ยวเล็กน้อยเท่านั้น
ทำให้มันไม่สร้างความเสียหายกับชั้นใต้ดินเลย
ในตอนนั้นเอง เถาวัลย์ก็ร่วงลงมาจากด้านบน เข้ารัดร่างของชายร่างใหญ่อย่างกะทันหัน
ชายร่างใหญ่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาเหวี่ยงหมัดชกไปที่เถาวัลย์ ทำลายพวกมันเป็นชิ้นๆ
วูบ จิวโมไป๋ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของชายร่างใหญ่ ก่อนที่เท้าของเขาจะเตะออกไปอย่างรุนแรง
แต่ชายร่างใหญ่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาหันกลับมาและใช้เท้ายันขาของจิวโมไป๋เอาไว้
“แกเป็นใคร?”ชายร่างใหญ่ถาม พร้อมกับยันเท้าออกไปอย่างแรง
จิวโมไป๋ถอยไปหนึ่งก้าว จิตสัมผัสมองผ่านผ้าปิดหน้าของอีกฝ่ายเขาก็จำได้ทันที ชายคนนี้เป็นคนที่ติดตามนายน้อยของสำนักหัวใจทมิฬ ที่ควบคุมกลุ่มเมฆาทมิฬ
อ้าวซื่อ ผู้อาวุโสนอกของสำนักหัวใจทมิฬ!
จิวโมไป๋หรี่ตาลงด้วยความระมัดระวัง สำนักหัวใจทมิฬมีแต่คนชั่วช้า โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้อาวุโสของสำนักได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ผู้อาวุโสนอก แต่ก็ไม่สามารถประมาทได้
อ้าวซื่อเห็นท่าทางระมัดระวังของจิวโมไป๋ ด้วยประสบการณ์หลายปี เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายรู้ตัวตนของเขาแล้ว
ดังนั้นคำตอบจึงไม่สำคัญอีกต่อไป
ฟุบ อยู่ๆอ้าวซื่อก็พุ่งตัวออกไป แขนขวายกสูง พลังกดดันไหลไปรวมที่หมัด คลื่นพลังอันรุนแรงทำให้ชั้นบรรยากาศสั่นไหวอย่างรุนแรง ด้วยร่างสูง 2 เมตร พร้อมกับยืดแขนสูงเกือบไปถึงเพดานด้านบน ทำให้เกิดความรู้สึกกดขี่ข่มเหงอย่างรุนแรง เหมือนยักษ์ทำลายล้างอันทรงพลัง
จิวโมไป๋ยิ้มเยาะเขาไม่หลงกล แม้ท่าทางจะน่ากลัวทรงพลัง แต่ก็มีช่องโหว่มากมาย ถ้าคนไม่รู้จะหลงกลรีบโจมตีไปที่ช่องโหล่ เพื่อหยุดการโจมตี แต่ทุกอย่างล้วนเป็นกับดักทั้งสิ้น!
ร่างของจิวโมไป๋ขยับซ้ายขวา ก่อนจะกลายเป็นร่างแยกไปคนละทิศทาง
อ้าวซื่อหยุดอย่างกะทันหันก่อนจะตบหลังมือไปทางซ้าย ทำลายร่างแยก ก่อนจะใช้ความเร็วที่ไม่สมกับขนาดร่างกายพุ่งเข้าหาอีกร่างและเตะไปที่กลางร่าง
แต่มันเป็นเพียงร่างแยกเท่านั้น!
วูบ จิวโมไป๋ปรากฏตัวขึ้น ด้านหลัง ก่อนจะชกหมัดที่ห่อหุ้มกฏแห่งธาตุไม้สีเขียวเข้มไปที่หลังอย่างรุนแรง
เปรี้ยง! ร่างของอ้าวซื่อกระเด็นออกไปหลายก้าวก่อนที่เขาจะม้วนตัว และหันกลับมา ดวงตาใต้ผ้าปิดหน้าฉายแววโหดร้าย จิตสังหารลุกท่วมอย่างน่ากลัวบรรยากาศกลายเป็นหนักอึ้งเย็นยะเยือก
จิวโมไป๋ยืนเผชิญหน้าอย่างไม่เกรงกลัวสายตามองไปที่พื้นและพนังโดยรอบ ที่ตอนนี้ เริ่มมีจุดสีเหลืองน้ำตาลก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของเขาหรี่ลง ก่อนที่แสงสีเขียวเข็มจะห่อร่างของเขาอย่างมิดชิด
อ้าวซื่อขมวดคิ้ว
“แกเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงรู้ความลับของวิชาสำนักของฉัน”อ้าวซื่อถาม
จิวโมไป๋ไม่ตอบ ในอดีตเขามีโอกาสได้ศึกษาวิชามากมาย และมีวิชาพิเศษบางอย่างที่น่าสนใจเช่นวิชาควบคุมพิษ ที่สามารถเก็บพิษไว้ในร่างกาย และสามารถดึงมันมาใช้ได้
แม้ว่าวิชาพิเศษเหล่านี้และแข็งแกร่ง แต่วิชาลับของ สำนักหัวใจทมิฬ นั้นน่าตกใจยิ่งกว่า แม้หลักการจะใกล้เคียงกับวิชาควบคุมพิษ แต่คุณสมบัติของมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
วิชาลับของสำนักหัวใจทมิฬ เป็นการเก็บรังสีอันตราย ไว้ในร่างกาย!
รังสีเหล่านี้ ไม่สามารถมองเห็น ไม่สามารถสัมผัส กว่าจะรู้ตัวก็ถูกรังสีเข้าไปแล้ว และผลของรังสีมันทำให้ร่างกายอ่อนแอและจะแย่ขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าไม่รีบรักษาอาจมีผลที่ตามมา อาจทำให้ท้องเสีย น้ำหนักลดลง ผลร่วง และอาจเป็นมะเร็งได้!
วิชาลับของสำนักหัวใจทมิฬถึงเป็นสิ่งที่ผู้คนหวาดกลัว เพราะถึงจะสามารถเอาชนะได้ แต่ผลที่ตามมามันร้ายแรง
ทำให้ไม่มีใครอยากจะต่อสู้ด้วย
มีเพียงสำนักผีเสื้อดาราที่กล้าต่อสู้ พวกเขามีค่ายกล ที่สามารถกักขังพลังงาน และค่ายกลนี้สามารถกักขังรังสี เอาไว้ได้
ทำให้ทั้งสองสำนักกลายเป็นคู่ปรับกันในที่สุด
อ้าวซื่อเห็นว่าจิวโมไป๋ไม่ยอมตอบ เขาก็คาดเดาว่าจิวโมไป๋น่าจะเกี่ยวข้องกับสำนักผีเสื้อดารา คู่ปรับตลอดการของสำนักหัวใจทมิฬ
ถ้าไม่น่านั้น อีกฝ่ายไม่มีทางรู้ดีเกี่ยวกับวิชาของพวกเราได้
อ้าวซื่อพ้นลมหายใจออก พลังกดดันก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
ใบหน้าของจิวโมไป๋เปลี่ยนไป แม้ว่าจะมองไม่เห็นแต่เขารู้สึกว่ารังสีอันตรายแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว!
เขามองไปที่ยามสี่คนที่นอนอยู่บนพื้นไม่สามารถขยับได้ จิวโมไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจ เขายกนิ้วที่ห่อหุ้มแสงสีเขียวเข้มขึ้น แท่งรากไม้ที่ปักร่างของยามทั้งสี่ก็หลุดออกและลอยขึ้น
ยามทั้งสี่ที่ได้รับอิสระลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ พวกเขาถอยไปด้านหลังไปยังทางเดินยาม มองดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ ยามที่เฝ้าทางแยกมารวมตัวกันแต่ไม่เข้าไปช่วย เพราะพวกเขารู้ตัวเองดีว่า ถ้าไปยุ่งจะทำให้ จะเป็นการขัดแข้งขัดขามากกว่า
อ้าวซื่อก้มลงมองจิวโมไป๋ พลังกดดันหมุนวนเป็นพายุอันตราย ก่อนที่เขาจะชกหมัด คลื่นพลังหมุนวนที่หมัดพุงออกไปอย่างรุนแรง
พื้นและพนังทางเดินโดยรอบที่หมัดพายุผ่าน กลายเป็นสีเหลืองน้ำตาล ราวกับถูกสาดด้วยสี